ดวงใจภวินท์ - บทที่227 มาไม่ถูกเวลา
มองดูการเคลื่อนไหวของหญิงสาว ดวงตาของภวินท์ก็มีรอยยิ้มที่มองไม่เห็น จึงได้ยกคางขึ้นดื่มน้ำเล็กน้อย
ถูกป้อนน้ำได้ไม่เท่าไหร่ จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าดูจริงจังมาก ถามว่า “พายุอยู่ไหน?”
ญาธิดานิ่งสักพัก รีบเอ่ยปากพูด “อยู่ห้องข้างๆ เขาไม่ได้บาดเจ็บหนักเท่าไหร่ ที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ฉันไปดูเขามาแล้ว และเขาก็ได้ตื่นแล้ว”
พายุนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับ และถุงลมนิรภัยของรถที่ชนกำแพงกระเด้งออกมา และเป็นปกติที่ไม่ได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงเท่าภวินท์
ภวินท์พยักหน้า รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย แต่คิ้วที่ขมวดยังคงไม่คลายออกเหมือนเดิม
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขามองไปที่ญาธิดาที่อยู่ข้างๆ และพูดเบาๆ ว่า “คุณพยุงผมขึ้นหน่อย”
ญาธิดาค่อนข้างที่จะลังเล “แต่ว่าคุณ……”
ภวินท์พูดโดยไม่ลังเลว่า “ไม่เป็นไร”
ร่างกายของเขาเขาก็ต้องรู้ดีอยู่แล้ว นอกจากอุบัติเหตุรถชนครั้งนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก เพราะความเร็วของรถไม่ถือว่าเร็ว หากว่าได้เร่งความเร็วอยู่บนถนน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่กล้าคิดแล้ว
ญาธิดาได้พยุงเขาขึ้นช้าๆ แล้ววางหมอนไว้ข้างหลังเขา และกำลังจะถามเขาว่าจะให้เรียกหมอมาตอนไหน แต่ใครจะรู้ว่าภวินท์กำลังจ้องมองเธออย่างจริงจัง
“อะ…อะไร?”
เขาในตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเดียวกันกับคนเมื่อครู่นี้ สีหน้าของเขาหมองลงและถามทีละคำว่า “ทำไมคุณถึงเข้าไปหยุดรถ?”
“ฉัน……”
ญาธิดาสูดลมหายใจลึกๆ และเธอได้เล่าในสิ่งที่เธอได้ยินในบันไดเหล่านั้น ออกมาโดยไม่ขาดแม้แต่คำเดียว
“ฉันได้ยินว่าเพื่อนร่วมงานพูดว่าคุณกำลังจะไปประชุมที่บางแคในตอนนั้นฉันนึกถึงคำพูดที่ได้ยินเหล่านั้น เลยกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จึงได้โทรหาพวกคุณแต่ก็โทรไม่ติด ดังนั้นได้เพียงแค่วิ่งไปหยุดรถไว้……”
ฟังญาธิดาพูดแบบนี้ สีหน้าของภวินท์ได้คล้ำลงอีก เขาขมวดคิ้วแน่น และได้นำคำพูดของเธอมาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“คุณบอกว่าโทรไม่ติด?”
ญาธิดาพยักหน้า “ใช่ คุณกับพายุต่างก็ไม่มีใครรับสาย”
เป็นไปได้อย่างไร อยู่ในรถเขาไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ถือว่าโทรศัพท์ของเขามีปัญหา เป็นไปไม่ได้ที่โทรศัพท์ของเขากับพายุจะพังพร้อมกัน?
ภวินท์ยื่นมือไปหยิบเสื้อโค้ตที่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่จริงจัง หยิบโทรศัพท์ด้านในออกมาดู ประวัติบันทึกการโทรไม่ได้แสดงสายเรียกเข้าใดๆ เลย
ญาธิดาก็ได้รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา กดเข้าไปประวัติการโทรออก แล้วยื่นให้เขาดู
ในโทรศัพท์ของเธอมีประวัติการโทรเข้าจริงๆ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เขากดโทรออกดู ใช้โทรศัพท์ของญาธิดาโทรเข้าโทรศัพท์ของตัวเอง และภายในไม่กี่วินาที โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เห็นได้ชัดว่าโทรติด แล้วทำไมเวลานั้นที่เขาอยู่ในรถถึงไม่สามารถรับสายได้?
หรือเป็นเพราะมีคนได้ลงไม้ลงมือกับรถแล้ว?
ไม่เพียงแต่เบรกมีปัญหา แต่เขายังได้ติดตั้งระบบบางอย่างที่ปิดกั้นสัญญาณ ซึ่งจะทำให้เขาไม่มีทางที่จะติดต่อกับโลกภายนอกได้?
จนถึงตอนนี้ มีเพียงการคาดเดาแบบนี้เท่านั้นที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว
ด้วยการคาดเดาดังกล่าว ตอนนี้ก็แน่นอนได้ว่า รถของเขาได้มีคนมาแตะต้องแล้วจริงๆ!
ญาธิดามองไปที่ภวินท์มีสีหน้าที่เย็นชา และไม่ได้พูดอะไรสักคำตั้งนาน อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ภวินท์มองลงไป แล้วได้ยื่นโทรศัพท์ของเธอยื่นให้เธอ “มีคนต้องการทำร้ายผม”
วันนี้หากไม่ใช่ญาธิดาวิ่งมาขวางรถคันนี้ของเขาไว้ กลัวว่าได้ขึ้นถนนแล้ว ชนรถที่บนถนน สถานการณ์คงจะยิ่งแย่กว่านี้
ใครกันที่กล้าหาญมากขนาดนี้ จนต้องการทำให้เขาตาย!
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และส่งข้อความไปหาหลุยส์โดยตรง เพื่อให้เขามาที่นี่
ญาธิดาเห็นเขาตื่นขึ้นมานานแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะยื้อเวลาออกไปแล้ว จึงได้รีบกดกริ่งเรียกหมอพยาบาลเข้ามา ให้พวกเขาดูอาการของภวินท์อีกครั้ง
“คุณภวินท์ ร่างกายของคุณไม่มีปัญหาอะไรมาก บาดแผลบนศีรษะต้องใช้เวลารักษา และยังมีรอยฟกช้ำด้านนอก ต้องการการพักผ่อน”
“ต้องรอดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน ถึงตอนนั้นไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถออกโรงพยาบาลได้”
เมื่อหมอมองเห็นภวินท์ ท่าทางการแสดงออกที่เคารพนอบน้อม ได้จัดการและอธิบายเรื่องทุกอย่างให้อย่างละเอียดแล้ว
ภวินท์ได้พยักหน้าเล็กน้อย พูดเบาๆ “ครับ”
เมื่อหมอจากไปแล้ว ญาธิดาถึงได้โล่งใจ และทันทีที่หันหลังกลับก็ได้เห็นเขากำลังจ้องเธอ
ญาธิดารู้สึกเขินอายเล็กน้อย มองไปทางอื่น “มองอะไร?”
“ไม่มีอะไร” แววตาของภวินท์ประกายเส้นแสงสีดำ ริมฝีปากเม้มแน่นได้ขยับ “เดี๋ยวผมจะส่งคนให้ไปส่งคุณกลับบ้าน”
ญาธิดาได้ยิน รับขมวดคิ้วทันที “แต่ว่าร่างกายคุณ……”
ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนเตียง ในยามที่เขาต้องการใครสักคนมาดูแล แล้วเธอจะทิ้งเขาไว้ตามลำพังและจากไปได้อย่างไร?
เมื่อเห็นท่าทางกังวลใจของเธอ ภวินท์ได้หยุดครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นสองวินาที ก็ได้พูดออกมา “ถ้าคุณไม่รังเกียจที่จะนอนบนเตียงกับผมในคืนนี้ งั้นก็อยู่เฝ้าต่อเถอะ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา มันมีประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งอื่นใด ญาธิดาหยุดนิ่งชั่วคราว แก้มแดงขึ้น และรีบพูดทันที “ฉันจะไป”
ขณะที่พูด เธอลุกขึ้นยืนและจะออกไป มือของภวินท์เร็วมาก ได้ยื่นมือออกไปจับมือเธอไว้
ฝ่ามือกว้างของชายผู้นั้นอบอุ่นมาก และได้กำมือเล็กๆ ของเธอไว้ในฝ่ามืออย่างแน่น
ญาธิดาตกใจ โดยจิตใต้สำนึกได้ดึงมือกลับ กลับถูกเขาจับด้วยมือไว้แน่น
ในขณะนั้น ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นทันที
ในขณะนี้ ประตูห้องผู้ป่วยได้ถูกผลักออก หลุยส์ก้าวเท้าทั้งใหญ่ทั้งรีบร้อน เดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง “วิน นาย……”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เมื่อดวงตาสัมผัสไปที่มือของภวินท์กับญาธิดากำลังจับกันอยู่นั้น สีหน้าก็แข็งทื่อ และหลังจากนั้นครึ่งวินาที แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมาที่นี่”
ญาธิดาได้รีบดึงมือตัวเองออกจากมือของภวินท์ แล้วก้มหน้า รีบเดินออกไปข้างนอก “ฉันจะออกไปคุยโทรศัพท์……”
ขณะที่พูด เธอเดินได้เดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
เมื่อประตูปิด ในห้องก็ได้เหลือแค่พวกเขาสองคน
หลุยส์มองไปที่ภวินท์ที่อยู่บนเตียง จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “วิน นายนี่ใช้ได้นี่ ขนาดอยู่โรงพยาบาล ยังสามารถหลอกล่อให้สาวน้อยอายม้วนได้ขนาดนี้”
ภวินท์ได้ยิน สายตาที่เย็นชามองไปที่เขา หลุยส์ได้เก็ยรอยยิ้มลงไปทันที จากนั้นเดินสาวเท้าไปที่ข้างเตียง แล้วนั่งลง เงยหน้าขึ้นถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ภวินท์พูดอย่างรัดกุม “มีคนได้ทำอะไรกับรถฉัน ”
“ไอ้บ้าที่ไหน? ที่กล้าท้าทายอำนาจผู้ยิ่งใหญ่?” หลุยส์ขมวดคิ้วแล้วด่า “มันเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม?”
“พายุก็ยังได้รับบาดเจ็บ และมีไส้ศึกอยู่ในบริษัท ในรถไม่เพียงลงมือที่เบรก นายส่งคนไปตรวจสอบรถคันนั้นสักหน่อย”
“เข้าใจแล้ว” หลุยส์พยักหน้า สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย “นายคิดว่าใครเป็นคนทำ?”
“ไม่แน่ใจ” สีหน้าที่ทำให้คนหวาดกลัว และอารมณ์ในสายตาที่ยากที่จะเข้าใจของภวินท์ “ช่วงนี้คอยสังเกตให้ดีมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไหม”
การใช้วิธีการดังกล่าวกับเขา ไม่ได้ถือว่ายอดเยี่ยมนัก แต่คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้พวกเขาจะประมาทแล้ว จนเกือบจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
เขาหยุดชั่วคราว แล้วคิดอะไรบางอย่างได้ จึงเงยหน้าสั่งหลุยส์ “อีกเดี๋ยวไปส่งญาธิดากลับบ้านด้วยนะ”
เมื่อพูดถึงญาธิดา ใบหน้าที่จริงจังของหลุยส์ได้คลายลงมาก แล้วได้ขยิบตาให้เขา และพูดติดตลกค่อนข้างคลุมเครือว่า “ฝากเธอไว้กับฉัน นายไว้ใจเหรอ?”
ภวินท์ได้ยินดังนั้น มุมปากยกขึ้น ขมวดคิ้วมองไปที่เขา “นายกล้าแตะต้องเธอเหรอ?”
ทันทีที่คำพูดถูกปล่อยออกมา หลุยส์สีหน้าเปลี่ยนทันที จากนั้นกลอกตาใส่เขา “กระผมก็พูดไปเรื่อยเท่านั้น จริงจังอะไร?”
เขาไม่ได้โง่ รู้จักกับภวินท์มาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมจะมองไม่ออกว่าสำหรับเขาแล้วญาธิดาไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ