ดวงใจภวินท์ - บทที่467 พี่น้องแตกคอกันไปข้าง
บทที่467 พี่น้องแตกคอกันไปข้าง
ภวินท์ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “สงสัยเหรอ? ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“แค่อยากรู้เรื่องอะไรสักอย่าง วิดีโอกล้องวงจรปิดในบาร์วันนั้น เอามาให้ฉันหน่อยสิ”
ว่าแล้ว เขาก็เอาไดรฟ์สีเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของหลุยส์ก็มืดมนลง เขาขมวดคิ้ว “วิน นายหมายความว่ายังไง? หรือนายคิดว่าฉันลักพาตัวเธอเหรอ?”
ภวินท์เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันบอกแล้วไง ฉันแค่อยากรู้อะไรบางอย่าง”
หลุยส์ขมวดคิ้ว สบตาสีดำคู่นั้นของเขา อารมณ์นัยน์ตาปรับเปลี่ยนไปมา มืดมนไม่ชัดเจน
หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ขยับปากแล้วเอ่ยถามว่า “นายอยากพิสูจน์อะไร?”
สีหน้าของภวินท์ไม่เปลี่ยนไป แล้วพูดขึ้นทีละคำเน้นๆว่า “พิสูจน์ว่าวันนั้นคนที่ลักพาตัวญาธิดาไปไม่ใช่นาย”
ปฏิกิริยาเมื่อกี้ของหลุยส์ ทำให้แน่ใจกับการคาดเดาบางอย่างในใจของเขา
เขาเพิ่งพูดจบ สีหน้าของหลุยส์ก็มืดมนลงทันที “วิน ฉันว่านายคงหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นหัวปักหัวปำแล้วนะ!”
ภวินท์พูดแทรกเขาด้วยเสียงที่ดังขึ้น “หลุยส์ คนที่นายไม่ควรปิดบังมากที่สุดคือฉันนะ”
ถึงแม้ปกติหลุยส์จะเป็นคนขี้เอะอะโวยวาย แต่ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาตกลงแล้วเขาก็ต้องทำให้สำเร็จ ตอนแรกเขาให้เขาสั่งคนไปปกป้องญาธิดา แต่ญาธิดาก็ยังเกิดเรื่องขึ้นอยู่ดี เขาก็พูดว่าวันนั้นเขาให้ลูกน้องหยุด แต่ความผิดพลาดแบบนี้ หลุยส์ไม่น่าจะทำได้!
นอกจากนี้แล้ว การ์ดที่มีวัสดุไม่เหมือนกับครั้งก่อนพิสูจน์ได้ว่าคนที่ลักพาตัวญาธิดาไปในครั้งนี้ไม่ใช่สิงโต แต่เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง
สุดท้าย เขาให้คนไปสืบการเดินทางวันนั้นของหลุยส์กับลูกน้องของเขา ทุกคนต่างมีหลักฐานไม่อยู่ในเหตุการณ์อย่างสมบูรณ์รายละเอียดทุกอย่างจัดการได้สมบูรณ์แบบเกินไป และนี่ก็เป็นข้อที่น่าสงสัยมากที่สุด
สุดท้ายแล้ว เขาขอวิดีโอกล้องวงจรปิดในบาร์ของวันนั้นกับหลุยส์ แต่หลุยส์กลับไม่ให้ความร่วมมือ นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาแน่ใจกับการคาดเดาของเขา
ผู้ชายสองคนสบตาจ้องหน้ากัน สักพักหลังจากนั้น ภวินท์ก็หลบตาแล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายวางแผนเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ตอนเช้าวันนั้นนายตั้งใจมาที่บาร์ ให้ตัวเองถูกกล้องวงจรปิดจากด้านนอกถ่ายไว้ หลังจากนั้นก็ออกจากประตูหลังของบาร์ แล้วก็กลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็ออกจากบาร์อีกที เพื่อให้กล้องวงจรปิดถ่ายติดนาย”
ว่าแล้ว เขาก็ลุกขึ้นกวาดตามองรอบด้าน สุดท้ายก็เดินไปยังตรงหน้าภาพฝาผนังด้านในของห้องเก็บไวน์ เขายกมือขึ้นเคาะภาพฝาผนัง เสียงที่ดังขึ้นคือเสียงว่างเปล่า เขาคลำหาอยู่นาน สุดท้ายก็เจอปุ่มที่ไม่เด่นมากอยู่ข้างๆ
กดลงไป กำแพงมีเสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น ประตูลับถูกเปิดออก เป็นประตูที่เข้าไปอีกด้านของบาร์พอดี
เป็นเหมือนที่เขาเดาไว้ไม่มีผิด ในบาร์มีประตูลับที่สามารถออกไปด้านนอกได้ ก่อนที่หลุยส์จะมา เขาก็นึกภาพโครงสร้างของบาร์ในหัว สุดท้ายก็เดาว่าในห้องเก็บไวน์ต้องมีประตูลับแน่
เขาหมุนตัวช้าๆ เงยหน้ามองไปยังหลุยส์
นัยน์ตาของหลุยส์มืดมนลง นิ่งเงียบอยู่สักพักใหญ่ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อนายเดาได้แล้ว แล้วจะเอาวิดีโอกล้องวงจรปิดอีกทำไม”
ภวินท์ขมวดคิ้ว สายตาเฉียบแหลมขึ้น มองไปยังหลุยส์แล้วพูดว่า “ทำไมถึงทำแบบนี้?”
ได้ยินดังนั้นแล้ว หลุยส์ก็ลุกขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพราะฉันไม่อยากเห็นเธอทำลายนาย! ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เธอ จรณ์จะให้นายออกจากสมาคมได้ยังไง! ห้าปีแล้วนะ นายทำเรื่องผิดๆเพื่อเธอมามากเท่าไหร่แล้ว นายรู้ตัวบ้างไหม!”
“นั่นเป็นเรื่องของฉัน!” ภวินท์เดินไปหาเขา ร่างกายแผ่ซ่านไปด้วยไอความเยือกเย็น “หลุยส์ ฉันเห็นนายเป็นเพื่อนมาตลอด! เป็นคนที่ฉันไว้ใจมาโดยตลอดด้วย!”
เรื่องทั้งหมด เขาไม่เคยปิดบังเขาเลย แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้!
หลุยส์ขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเน้นหนักว่า “ฉันก็เห็นนายเป็นเพื่อนเหมือนกัน! ดังนั้นฉันไม่อยากเห็นนายถลำลึกเข้าไปมากกว่านี้ จะเห็นนายถูกผู้หญิงคนนั้นทำลายไม่ได้!”
ภวินท์โมโหจัด สายตาประกายไปด้วยความเย็นชา ยื่นมือไปกระชากคอเสื้อหลุยส์ “ดังนั้นนายก็เลยลักพาตัวเธอ ลงมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง! แถมยังวางยาเธออีกงั้นเหรอ!”
หลุยส์ยื่นมือไปคว้าข้อมือของภวินท์ไว้ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอรนหาที่ตายเอง!”
ได้ยินดังนั้น แววตาของภวินท์ก็มีแสงเยือกเย็นประกายออกมา เขาขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกกดดัน “ถ้าสมาคมรู้เรื่องนี้เข้า หลุยส์ นายคงอยู่ในนั้นไม่ได้แล้วล่ะ”
หลุยส์แสยะยิ้มเย็นชา แววตาประกายไปด้วยความเยือกเย็น “ดังนั้น นายจะไปฟ้องร้องฉันงั้นเหรอ?”
ภวินท์เงยหน้าขึ้น สบตากับเจา หนึ่งวิ สองวิ สามวิ สุดท้าย แววตาของเขาก็ประกายไปด้วยความสับสน ปล่อยคอเสื้อของหลุยส์ออก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องของนาย ตั้งแต่วันนี้ไป จะไม่เกี่ยวข้องกับฉันอีก!”
พอพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องเก็บไวน์ไป ทิ้งหลุยส์อยู่กับที่ไว้คนเดียว
เสียงปิดประตูดัง ‘ปัง’ หลุยส์ยืนอยู่กับที่ สักพักหลังจากนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
เขาไม่คิดเลยว่า เขากับภวินท์จะมีวันที่แตกหักกันด้วย
เขาทำเพื่อภวินท์ แต่ไม่คิดว่าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ภวินท์กลับเลิกคบเพื่อนอย่างเขาไปได้!
ช่างเถอะ ตั้งแต่วันนี้ไป ภวินท์เป็นตายร้ายดียังไง ก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว!
ออกมาจากบาร์ ภวินท์ขึ้นรถไปด้วยสีหน้าที่มืดมนจนน่ากลัว
พายุเห็นแล้วก็รีบเอ่ยปากถามว่า “ท่านประธาน ถามได้ความหรือยังครับ?”
สีหน้าของชายหนุ่มมืดมน ไม่ได้ตอบอะไร แค่พูดอย่างเย็นชาสองคำว่า “ขับรถ”
พายุอึ้งเล็กน้อย มองดูสีหน้าที่พร้อมจะระเบิดทุกวินาทีของภวินท์ เขาก็หุบปากแล้วขับรถไปอย่างเงียบๆ
ภวินท์นั่งอยู่ในรถ นึกถึงเรื่องเมื่อกี้ก็อดไม่ได้ปวดหัวขึ้นมา
ไม่คิดว่า คนที่แอบอ้างเป็นสิงโตแล้วลงมือกับญาธิดาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจมานานหลายปี ถึงแม้ตอนแรกเขาแค่สงสัย แต่ตอนนี้ความจริงกระจ่างแล้ว เขาก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี
เขายกมือขึ้นนวดขมับ ในตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นสายจากนิวรา ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเป็นปม กดปิดเสียงแล้วโยนไปข้างๆทันที
พอทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็หลับตาลงพิงพนักเก้าอี้ หลับตางีบสักหน่อย
ไม่นาน โทรศัพท์ก็ตัดสายไปเอง แต่ไม่นาน หน้าจอก็สว่างขึ้นอีกครั้ง สว่างอยู่หลายครั้งไม่ดับสักที
และในขณะเดียวกัน นิวราที่อยู่ทางปลายสายก็ร้อนรนจนแทบคลั่ง เธอกดโทรหาหลายต่อหลายครั้ง แต่ภวินท์กลับไม่รับสายเลย
คนรับใช้รออยู่ข้างๆนานมาก ในที่สุดก็อดไม่ได้ถามขึ้นว่า “คุณนิวรา เข้าไปกันเถอะ คุณท่านยังรออยู่ข้างในนะคะ”
นิวราได้ยินแล้วก็ฝืนยิ้มแห้งออกมา เปิดไลน์ออกมาแล้วกดข้อความหาภวินท์ “พี่วิน วันนี้คุณย่าเรียกนิวไปพบกะทันหัน นิวคิดว่าพี่จะมาด้วยกัน ไม่คิดว่าย่าอยากเจอนิวสองต่อสอง นิวรู้สึกกังวล…”
พอส่งข้อความนี้ไป เธอก็ส่งเครื่องหมายอัศเจรีย์ไปหลายอัน
ทั้งตระกูลสถิรานนท์ เธอไม่กลัวปกรณ์ ไม่กลัวมรกต แต่ยกเว้นคนเดียวคือคุณย่า ไม่คิดว่า ครั้งนี้คุณย่าจะเรียกเธอมาหาที่คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลสถิรานนท์คนเดียวแบบนี้!
นิวรารู้สึกไม่สบายใจ แต่ภายใต้สายตาของคนรับใช้ เธอจะแสดงออกมาก็ไม่ได้ ทำได้แค่ฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นก็เดินตามคนรับใช้ขึ้นไปชั้นสอง
ห้องนอนของคุณย่าในคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลสถิรานนท์อยู่ชั้นสองข้างๆเป็นห้องพระ ออกแบบเพื่อคุณย่าโดยเฉพาะ ตอนนี้คุณย่าก็กำลังไหว้พระอยู่ในนั้นด้วย
คนรับใช้เดินไปถึงหน้าประตูก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปพูดว่า “นายท่านคะ คุณนิวรามาแล้วค่ะ”
ภายในห้องพระ กลิ่นควันธูปเทียนอบอวลไปทั่ว คุณย่าคุกเข่าอยู่บนเบาะกลมนุ่มๆ หันหลังให้ประตู ไม่ได้หันกลับมา แต่แค่พูดว่า “ให้เธอเข้ามา แล้วปิดประตูด้วย”