ดวงใจภวินท์ - บทที่513 จำเป็นต้องกลับประเทศ
ญาธิดารู้สึกว้าวุ่นเป็นอย่างมาก ในหัวของเธอปรากฏภาพความน่าเป็นทั้งหมดที่พอจะเป็นไปได้ ก่อนจะสลัดความคิดพวกนั้นออกไป แล้วระงับความคิดที่ไม่สมควรเมื่อสักครู่ลง
เธอยิ้มให้กับคนที่ช่วยปลดล็อกโทรศัพท์ หลังจากขอบคุณเขาแล้ว เธอจึงจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วจากไป
เธอเดินก้าวขาไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเธอ แต่เธอกลับไม่เข้าใจเลยสักนิด และข่าวการเสียชีวิตของภวินท์ที่เธอได้ยินเมื่อสักครู่นั้น เหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่ ที่กดทับหลังของเธอ จนทำให้เธอหายใจแทบจะไม่ออก
แต่ว่า ถึงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอก็ยังคงไม่เชื่อ คนแน่วแน่อย่างภวินท์ จากโลกนี้ไปง่ายๆ ได้ยังไง
เขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ และเขาไม่ใช่คนที่จะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง!
เธอไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อ!
เมื่อถึงประตูหน้าห้องพักคนไข้ของอัญมณี เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วยกมือขึ้นเปิดประตูเข้าห้องไป
เพราะห้องพักคนไข้นี้เป็นห้องวีไอพี จึงมีพื้นที่กว้างขวาง แล้วยังมีห้องนอนแยกอีกหลายห้อง พอเธอเดินเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นก็คือห้องรับแขก ส่วนห้องพักคนไข้ของอัญมณีนั้นอยู่ห้องข้างๆ
ในเวลานี้ ธีทัตที่นั่งอยู่บนโซฟา อ่านหนังสือเป็นเพื่อนอีธานและเอลล่า พอได้ยินเสียงคนเข้ามา พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
พอธีทัตเห็นว่าเป็นญาธิดา ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอย่างอบอุ่นขึ้นมาทันที “กลับมาแล้วหรือครับ?”
ญาธิดาตอบเขาแบบเมิน ก่อนจะมองเด็กทั้งสองคนที่วิ่งมาหาเธอ
อีธานและเอลล่ากอดขาของเธอเอาไว้คนละข้าง พร้อมอ้อนเธอตามประสาเด็ก
ญาธิดาก้มหัวลง มองเด็กที่น่ารักราวกับเทวดาตัวน้อยทั้งสองคน ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงได้นึกถึงภวินท์ขึ้นมา ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเรื่องบางอย่างในใจ เธอลูบหัวเด็กทั้งสองคน แล้วพูดเสียงเบาว่า “เด็กๆ ไปเล่นกันเองก่อน ได้ไหมคะ? แม่มีเรื่องอยากคุยกับพ่อของลูกนิดหน่อย”
อีธานพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม และรับปากแม่ของเขาอย่างลูกผู้ชาย “แม่ครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะดูแลน้องอย่างดีครับ!”
ญาธิดาหัวเราะ มองภาพที่พวกเขาจับมือกันแล้วเดินไปอ่านหนังสืออีกด้านอย่างรู้งาน ถึงจะหันกลับมามองธีทัตอีกฝั่ง เธอพูดด้วยเสียงอันเบา “ทัต คุณออกมาแป๊บหนึ่ง ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
รอยยิ้มใต้ตาของธีทัตหายไปในทันที ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาพยักหน้าตอบ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเธอ แล้วแสร้งถามด้วยท่าทางสบาย “เจมส์บอกอะไรคุณหรือเปล่า? สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”
ญาธิดาฝืนยิ้ม เดินหันตัวออกจากห้องคนไข้ แล้วปิดประตูลง เธอถึงจะหันมามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด เหมือนกับกำลังให้กำลังใจตัวเองก่อนจะพูดออกมา “ทัต ฉันอยากกลับประเทศก่อนกำหนด”
“ว่าไงนะ?” สีหน้าของธีทัตนั้นตกใจ มองเธอด้วยความตกใจ แล้วถามอีกครั้ง “คุณว่าไงนะ?”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าอีกครั้ง แล้วพูดอีกรอบ “ฉันอยากกลับประเทศ”
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้เธอเป็นแบบนี้ อะไรทำให้เธอตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไม่มีเหตุผล แต่อย่างไรก็ตาม ในหัวของเธอตอนนี้ มีเพียงความคิดนี้เท่านั้น
ธีทัตที่เห็นเธอแน่วแน่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไม?”
ญาธิดาสูดหายใจเข้า ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเกิดเรื่องอะไรกับภวินท์ เธอจำเป็นต้องรีบถามไถ่เกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้ เธอกับเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน……
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่เหมือนกัน
ธีทัตจ้องหญิงสาวที่หลบตาเขาเล็กน้อยพร้อมสายตาที่ลังเล เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วถามว่า “เพราะภวินท์ใช่ไหม?”
พอได้ยินชื่อนี้ ญาธิดาก็แอบตกใจ เธอเงยหน้าขึ้น มองไปยังธีทัตด้วยความสงสัย เพียงไม่นาน เธอก็เข้าใจบางอย่าง
แท้จริงแล้ว เขารู้เรื่องทั้งหมดสินะ
เขารู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมือง J แล้วก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับภวินท์ แต่ช่วงที่ผ่านมา เธอแทบจะไม่ได้ยินเขาพูดถึงมันเลย
เป็นได้ไหมว่า ธีทัตต้องการจะปิดบังเรื่องนี้กับเธอ?
เพียงเท่านี้ เรื่องที่โทรศัพท์ของเธอถูกปิดกั้นการมองเห็นก็ผุดเข้ามาในหัว เธอหายใจเข้าลึกๆ มือที่จับโทรศัพท์ไว้จับแน่นขึ้นเรื่อยๆ เธอพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แล้วถาม “คุณรู้เรื่องทั้งหมด ใช่ไหม?”
ธีทัตไม่ตอบ แค่มองหน้าเธอเงียบๆ
การที่เขาเงียบแบบนี้ แสดงว่าเขายอมรับสินะ
“ทำไมไม่บอกฉัน?”
“เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว ธิดา ตอนนี้ผมแค่ต้องการให้คุณมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่น”
“หรือคะ?” ญาธิดารู้สึกหนาวเย็นไปถึงหัวใจ เธอยกมือขึ้น ในมือของเธอถือโทรศัพท์เอาไว้ เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วคุณแฮ็คโทรศัพท์ฉันทำไม?”
เพราะเขาคือคนที่ไปซื้อโทรศัพท์ให้เธอตั้งแต่แรก แล้วปกติการที่เขาจะได้โทรศัพท์เธอไปนั้น ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เพราะฉะนั้น ที่โทรศัพท์ของเธอโดนตั้งค่าแปลกๆ นั้น คนแรกที่เธอสงสัยก็คือเขา
ธีทัตชะงักเล็กน้อย ไม่คิดว่าเธอจะรู้เรื่องนี้
เขาเงียบไปสักพัก ยังไม่ทันที่จะคิดว่าควรแก้ตัวยังไงดี ก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของญาธิดา ก่อนเธอจะเดินจากไป
ธีทัตรีบก้าวขาเดินตามอย่างรีบร้อน ก่อนจะคว้าแขนของเธอเอาไว้ได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ธิดา ผมรู้ว่าการที่ผมทำแบบนี้ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคุณนั้น ผมรู้ว่ามันผิด……แต่ผมไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง J มากระทบการใช้ชีวิตของพวกเราในตอนนี้ ผมแคร์คุณมาก และยิ่งกว่านั้นคือผมไม่อยากเสียคุณไป ผมแค่อยากจะพาคุณและอีธานกับเอลล่าใช้ชีวิตใหม่ในที่ใหม่นี้ คุณเข้าใจไหม?”
หัวใจของญาธิดากระจุกเล็กน้อย เธอมองสายตาของชายหนุ่ม เธอใจอ่อนลงเล็กน้อย แต่หลังจากที่คิดดูแล้ว เธอก็กัดฟันเบาๆ แล้วยืนนิ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทัต ตอนนี้อาการของอันอันก็เริ่มดีขึ้นแล้ว มีหมอเจมส์คอยดูแล ฉันก็สบายใจ แต่ฉันจำเป็นต้องกลับประเทศสักพัก”
เธออยากจะไปยืนยัน ว่าเรื่องที่ภวินท์จากโลกนี้ไปนั้นจริงหรือเปล่า เพราะอย่างไรก็ตาม เขาก็ถือว่าเป็นสายเลือดโดยตรงของอีธานและเอลล่า หากเธอไม่กลับไป เธอก็จะรู้สึกไม่สบายกายสบายใจ
ใต้ตาของธีทัตเผยสายตาที่สิ้นหวัง เขายิ้มอย่างขมขื่น “จำเป็นต้องไปจริงๆ หรอ?”
จนกระทั่งวันนี้ หากการที่เธอกลับประเทศนั้นเป็นเพราะภวินท์ล่ะก็ แสดงว่าในใจของเธอนั้นยังมีพื้นที่สำหรับภวินท์ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ความรู้สึกนี้ทำให้เขาแทบบ้าคลั่ง!
เขาค่อยๆ กำหมัดของเขา สีหน้าของเขาแย่ลงเล็กน้อย
ญาธิดาสูดหายใจเข้า แล้วให้สัญญาเขาอย่างมั่นใจ “ทัต ไม่ต้องกังวล ฉันจะกลับไปสักพัก แล้วจะยืนยันให้ได้เร็วที่สุด ถ้าการรักษาของอันอันที่นี่ยังไม่จบ ฉันจะรีบกลับมา”
ธีทัตได้ยินเช่นนั้น ทำได้แค่เงียบไม่ได้ตอบกลับอะไร แล้วมองเธอที่เดินกลับไปยังห้องคนไข้ แล้วบอกเรื่องที่จะกลับประเทศให้กับอีธานและเอลล่า เขากระตุกมุมปากอย่างช่วยไม่ได้
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว และเธอตัดสินใจไปแล้ว ถ้าเขารั้งเธอเอาไว้ เขากลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นจะตึงเครียดกว่าเดิม
เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้……