ดวงใจภวินท์ - บทที่602 หาตัวชยินให้เจอก่อน
เมื่อสักครู่ที่ญาธิดาทานข้าวกับธีทัตด้วยกันนั้น เขาพอจะเดาออกว่าธีทัตสวมแหวนให้ญาธิดา……
ทำไมเขาถึงได้สวมแหวนให้เธอ ในเวลาแบบนี้กันนะ ให้เป็นของขวัญเฉยๆ? หรือมีความหมายแฝงอย่างอื่น?
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ถ้าเขาไม่เคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่าง เขาก็จะรู้สึกคาใจไม่หาย โชคดีที่บนเพดานบริเวณโต๊ะที่ญาธิดานั่งนั้น มีกล้องวงจรพอดี ถ้าเขาเดาไม่ผิด กล้องน่าจะบันทึกภาพพวกเขาเอาไว้หมด
แพรวาเลิกคิ้วเบาๆ หันไปมองโต๊ะนั้นแวบหนึ่ง เธอหัวเราะออกมาไม่ได้พูดอะไร แล้วกวักมือเรียกลูกน้อง ให้นำทางภวินท์ไปยังห้องดูกล้องวงจร
กล้องวงจรปิดชั้นวีไอพี สนามกอล์ฟSRมีห้องแยกเฉพาะ หลังจากที่เดินออกจากห้องอาหารวีไอพี เดินตรงไปตามทางเดิน ไม่นานก็จะถึงห้องข้างในสุด
ลูกน้องผลักประตูออก แล้วคุยกับพนักงานที่ทำงานในนั้นไม่กี่ประโยค จากนั้นก็ออกมาจากห้อง แล้วเข็นภวินท์เข้าไปในห้อง
พอถึงห้องดูกล้องวงจร พนักงานได้สอบถามข้อมูลกับภวินท์ว่า บริเวณไหน เวลาประมาณเมื่อไหร่ เพียงไม่นาน ก็พบกับเป้าหมาย
ภวินท์ให้พนักงานหลีก แล้วตัวเองนั่งอยู่หน้าคอมแทน เขาดูวนอยู่หลายรอบ กล้องวงจรจับเสียงได้อย่างเบามาก เบาจนเขาแทบจะไม่ได้ยิน แต่เขาพอรู้สถานการณ์แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
จัดงานแต่งงาน ญาธิดาและธีทัตจะจัดงานแต่งงานย้อนหลังในเมืองJนี่เอง
ทันใดนั้น หัวใจของภวินท์ถูกบีบรัด ความขมขื่นผุดขึ้นในใจ
ถึงแม้เขาจะรู้ตัวดีว่าตอนนี้ระยะห่างระหว่างเขากับญาธิดานั้นจะไกลมากแค่ไหน แต่พอรู้ข่าวเรื่องนี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
จะพูดให้ถูกก็คือ เป็นเพราะเขาแคร์งั้นหรอ?
ภวินท์เงยหน้าขึ้น เขาจ้องหน้าจอนั้นตาไม่กะพริบ จากนั้นก็บังคับวีลแชร์ หันตัวออกจากห้องนั้น
ออกจากสนามกอล์ฟSR ตอนที่เขาเพิ่งขึ้นรถนั้น ประตูที่ปิดแน่นถูกเปิดออก พายุขึ้นมาบนรถ “คุณภวินท์”
ภวินท์มองเขา นิ่งแล้วถามเขาว่า “เรื่องของตัวเองจัดการเสร็จแล้วหรอ?”
พายุพยักหน้า “ใกล้แล้วครับ”
ภวินท์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “อืม เริ่มกลับมาถามงานวันนี้หรอ?”
หลังจากที่พายุได้ยิน ก็ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพูดว่า “ครับ ช่วงก่อนค่อนข้าง……”
ภวินท์พูดแทรกด้วยเสียงเบา “ไม่ต้องอธิบายแล้ว ไหนๆ ก็กลับมาแล้ว ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตแล้ว มีแกอยู่ จากนี้ไปฉันก็ค่อยสบายใจหน่อย”
สายตาของพายุนั้นตื้นตันเป็นอย่างมาก เขาพยักหน้าอย่างแรง “ผมจะทำงานอย่างเต็มที่ครับ”
ภวินท์ออกคำสั่งให้คนขับรถออกรถได้ แล้วเขานึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน แล้วหันมาหาพายุก่อนจะพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นกับ แฟลชไดรฟ์นั่นกันแน่?”
พายุเล่าเหตุการณ์ที่วันนั้นพวกเขาได้นำแฟลชไดรฟ์ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจให้เขาฟังอย่างละเอียด
ภวินท์ที่ฟังอยู่ ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแน่น จากนั้นก็พูดกับพายุว่า “อาจจะมีคนแอบสลับเอาของจริงไป แต่ไม่มีหลักฐานจากกล้องวงจร เลยตรวจสอบยาก”
ภวินท์ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพูดว่า “นายไม่เคยสงสัยฉันหรอ?”
พายุได้ยินเช่นนั้น ก็รีบส่ายหัว และพูดอย่างปฏิเสธว่า “ไม่ครับ”
เขาเชื่อใจภวินท์เพราะทำงานให้เขามาหลายปี เขาพอจะรู้ว่าภวินท์เป็นคนยังไง ถ้าเขาไม่ยอมให้แฟลชไดรฟ์ของจริง เขาคงอ้อมโลกขนาดนี้ เพื่อลำบากตัวเอง และคนอื่นหรอก
ภวินท์ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นสีหน้าก็จริงจังขึ้น เขานิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะพูดว่า “แกว่า แฟลชไดรฟ์นี้หายไป ใครจะได้ประโยชน์ที่สุด?”
“นิวรา”
หลักฐานวิดีโอในแฟลชไดรฟ์นั้น มากเพียงพอที่จะทำให้นิวราเข้าคุก เพราะฉะนั้นเธอน่าจะเป็นคนที่กลัวแฟลชไดรฟ์ตกถึงมืออัญมณีมากที่สุด ดังนั้น คนที่พยายามทำถึงขั้นขโมยไปต้องเป็นนิวรา หรือไม่ก็หนึ่งในลูกน้องของเธอ
พายุสูดหายใจเข้า “แต่ลงมือยังไงไม่ให้มือร่องรอยหลักฐานเลย เกรงว่าเธอจะไม่ได้ทำคนเดียวนะครับ”
“จำคนที่ชื่อชยินได้ไหมครับ? ก่อนหน้านี้ที่เกิดเรื่องมากมาย ไม่ว่าจะทำร้ายคุณญาธิดา ทำร้ายอัญมณี รวมถึงทำร้ายลูกแฝด มีเรื่องไหนที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องบ้าง? เขาเป็นทั้งคนคิดแผน และลงมือ ถ้านิวราเป็นคนออกคำสั่ง ชยินก็คงเป็นคนลงมือ”
ภวินท์วิเคราะห์อย่างใช้สมาธิ จากนั้น สายตาของเขาก็หยุดลงที่พายุ “ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย เราต้องจับตัวเขาให้ได้ก่อน ถึงจะยับยั้งนิวราได้ชั่วคราว ส่วนเขา ก็เป็นพยานสมรู้ร่วมคิดเรื่องราวทั้งหมด”
พายุตระหนักได้ทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจับชยิน!”
ภวินท์พยักหน้าเบาๆ “จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
ราวกับว่าพวกเขาได้พบแสงที่สว่างในคืนที่มืดมิด พายุเริ่มมองเห็นหนทางในการตามหา เขาพยักหน้า “คุณภวินท์ ผมรู้ว่าต้องทำยังไงแล้วครับ!”
ภวินท์พยักหน้าแล้วพูดเสียงเบา “แล้วก็ทางภูผา เราห้ามหละหลวมเด็ดขาด”
ทุกวันนี้รอบตัวเขามีแต่อันตราย ถ้าเขาไม่ระวังตัว เขาก็จะสูญเสียทุกอย่างไป รอบตัวเขานั้น ล้อมรอบไปด้วยศัตรู เขาต้องป้องกันตัวอย่างห้ามประมาท หากเดินผิดหนึ่งก้าว เขาและSTNอาจถึงจุดจบโดยไม่เหลือเศษซาก
ทุกวันนี้ เขาต้องระวังทั้งคำพูดและการกระทำ ทุกย่างก้าว
สำหรับญาธิดาแล้ว ตั้งแต่ที่เธอสวมมัน แหวนวงนั้นบนนิ้วของเธอราวกับว่ามีเวทมนตร์ ตั้งแต่วินาทีที่สวมมันเหมือนจิตใต้สำนึกของเธอสั่งเธอให้มีความรับผิดชอบไปโดยธรรมชาติ ระหว่างเธอและธีทัตสนิทสนมขึ้นมากกว่าเดิมอย่างไม่มีสาเหตุ ราวกับว่าส่วนลึกของใจเธอนั้นได้ค่อยๆ ยอมรับแล้ว
ในวันเดียวกันขณะที่เธอและธีทัตจับมือกันกลับบ้านนั้น พอเดินเข้าประตูก็พบคุณปภาวีพอดี คุณปภาวีที่เห็นท่าทางของพวกเขา ตาเบิกกว้างทันที ทั้งตกใจและดีใจ
ก่อนมื้อค่ำ ธีทัตเสนอตัวเป็นผู้ช่วยครัวคุณปภาวี คุณปภาวีดีใจเป็นอย่างมาก เธอยิ้มอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหุบยิ้ม เธอทำอาหารมากมายที่ญาธิดาชอบทาน ขั้นตอนการทำนั้นซับซ้อนและเป็นอาหารที่ปกติเธอไม่ค่อยได้ทำ
ก่อนที่ซุปหม้อสุดท้ายจะเสร็จนั้น คุณปภาวีนั้นได้ออกมาจากห้องครัวก่อน เธอหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือของตัวเอง แล้วเดินยิ้มแย้มมาทางญาธิดา เธอกดเสียงต่ำแล้วพูดว่า “ในที่สุดก็คิดถูกสักทีนะ ลูกกับทัตไปด้วยกันได้ดี แม่กับพ่อก็สบายใจ ลูกไม่ต้องห่วงนะ แม่กับพ่อจะอยู่จนกว่าลูกกับทัตจัดงานแต่งงานเสร็จแน่นอน”
“อะไรนะคะ?” ญาธิดาอึ้งเล็กน้อย หัวใจกระตุกถึงตาตุ่ม “แม่คะ แม่ได้ยินจากไหนคะ?”
“จะใครอีกล่ะ? ก็ทัตไง!” คุณปภาวีพูดอย่างสมเหตุสมผล จากนั้นก็ปรับน้ำเสียง “ทำไม? นี่ลูกยังอยากปิดบังเรื่องนี้กับแม่งั้นหรอ?”
“เปล่าค่ะ ” ญาธิดาใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย
เดิมทีเธออยากจะหาเวลาที่เหมาะสมกว่านี้แล้วค่อยบอกคุณปภาวีและดร.ยติภัทรแต่ไม่คิดว่าธีทัตจะรีบร้อนขนาดนี้ ถึงได้พูดเรื่องนี้ออกมาในวันนี้เลย เธอยังเตรียมใจไม่พร้อมแม้แต่น้อย!
และในขณะนั้นเอง ธีทัตถือน้ำซุปอาหารถ้วยสุดท้ายออกมาจากห้องครัว แล้ววางมันลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินยิ้มแย้มมาทางพวกเขา “แม่ครับ ธิดา คุยเรื่องอะไรกันอยู่ครับ?”
“จะเรื่องอะไรอีกล่ะ? ก็เรื่องงานแต่งคุณกับธิดาไง!”
คุณปภาวีพูดพลางหัวเราะ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาจับมือของญาธิดาเอาไว้ แล้วพูดเสียงเบาว่า “แม่ว่านะ! เรื่องนี้เรื่องน่ายินดี แม่เห็นด้วยมาก ก่อนหน้าพวกลูกแต่งงานกันที่ต่างประเทศ แม่กับพ่อไม่ได้ไปร่วมงานเลย พอลูกกลับมาหลานก็โตขนาดนี้ละ ตอนนี้จัดย้อนหลังก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ชวนญาติพี่น้องที่สนิทมารวมตัวกัน แม่รู้สึกว่ามันไม่เห็นจะแย่ตรงไหน!”
น้ำเสียงของคุณปภาวีติดตลก ญาธิดาที่ฟังอยู่ หัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว
คุณปภาวีพูดอีกว่า “รูปแบบงานจะจัดประมาณไหนแม่ขอไม่ออกความเห็นแล้วกัน พวกลูกสองคนตัดสินใจกันเองเลย ยังไงแล้ว แม่กับพ่อเห็นดีเห็นชอบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์! วันงานให้ลูกแฝดเป็นคนโปรยดอกไม้ได้ด้วย เพอร์เฟคอะไรขนาดนั้น!”
พอได้ยินคำพูดของคุณปภาวีแล้ว ในหัวของญาธิดาก็นึกภาพตามอย่างไม่รู้ตัว แต่ทันใดนั้น เธอก็คิดอะไรบางอย่างออก หัวใจของเธอเจ็บแปลบขึ้นมา
เพราะความเป็นจริงแล้ว อีธานและเอลล่า ไม่ใช่โซ่ทองคล้องใจระหว่างเธอและธีทัต แต่พ่อแท้ๆ ของพวกเขา คือภวินท์ สถิรานนท์
พอนึกถึงจุดนี้ หัวใจของเธอก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาอุดไว้ รู้สึกทรมานจนไม่ไหว