ดวงใจภวินท์ - บทที่603 อคติต่อเขามากเกินไปแล้ว
บทที่603 อคติต่อเขามากเกินไปแล้ว
ให้ลูกแฝดเป็นเด็กโปรยดอกไม้ในงานแต่งงานของเธอกับธีทัต เธอต้องรู้สึกผิดบ้าง ทั้งรู้สึกผิดต่อธีทัต และรู้สึกผิดต่อลูกแฝด ราวกับว่าเธอทรยศพวกเขาทั้งสองฝ่าย ในคราวเดียวกัน
“ธิดา……”
พอได้ยินเสียงที่ธีทัตเรียก ญาธิดาถึงเรียกสติกลับคืนมาได้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาเธอถึงได้เพิ่งกลับมาโฟกัส แล้วหันไปมองธีทัต
“คุณเป็นอะไรครับ? สีหน้าแย่ขนาดนี้? ไม่สบายหรือเปล่าครับ?”
ธีทัตถามด้วยความเป็นห่วง พลางยกมือขึ้นแล้วทาบลงบนหน้าผากของญาธิดาเพื่อวัดไข้ “ก็ไม่ร้อน ทำไมเหงื่อถึงไหลขนาดนี้ครับ?”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยกมือขึ้นแล้วผลักมือเขาออก พูดเสียงเบาว่า “น่าจะหิวมากแล้วค่ะ”
พอได้ยินเช่นนี้ คุณปภาวีก็รีบดึงตัวเธอเดินไปยังโต๊ะอาหาร “หิวก็ไม่รีบบอก เร็วเข้า อาหารเสร็จหมดแล้ว เดี๋ยวแม่ไปเรียกพวกเด็กๆ ลงมา”
ญาธิดาค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมา แล้วพยักหน้า จากนั้นก็กวาดตามองธีทัตแวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงเบา “เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ”
ธีทัตสังเกตเห็นว่าเธอแปลกๆ เขาลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็ถามว่า “ธิดา โกรธที่ผมบอกเรื่องงานแต่งของเราให้แม่คุณหรอครับ?”
ญาธิดาส่ายหัวทันที “เปล่านะคะ คุณคิดมากเกินไปแล้ว”
ถึงแม้เธอจะปฏิเสธเต็มปากเต็มคำ แต่น้ำเสียงของเธอนั้นเย็นชาเป็นอย่างมากอย่างไม่รู้ตัว ธีทัตอยากจะพูดอะไรต่อ เขาขยับปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป
“ใช่ค่ะ ทัต พรุ่งนี้อันอันจะไปตรวจสุขภาพที่กับนวดบำบัดที่โรงพยาบาลพัฒนา ฉันอยากไปดูเธอหน่อย คุณจะไปกับฉันไหมคะ?”
ธีทัตครุ่นคิดอยู่สักพัก ส่ายหัวแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ผมกลับไปนอนที่บ้าน ช่วงเช้าผมน่าจะไม่ไปแล้ว ที่บริษัท”
“ใช่ค่ะ ทัต พรุ่งนี้อันอันจะไปตรวจสุขภาพที่กับนวดบำบัดที่โรงพยาบาลพัฒนา ฉันอยากไปดูเธอหน่อย คุณจะไปกับฉันไหมคะ?”
ญาธิดาพยักหน้า “ค่ะ”
หลังจากที่พูดเสร็จ ก็เหมือนว่าเธอจะไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกับธีทัตแล้ว ความรู้สึกของทั้งสองที่เพิ่งเริ่มจะเพิ่มขึ้นนั้น ราวกับว่าถูกลดลงไปอีกครั้ง กลับไปที่จุดเริ่มต้น มีความอึดอัดและระยะห่างที่บอกไม่ถูก ทำให้ทั้งสองยากที่จะเผชิญหน้ากัน
ญาธิดาสูดหายใจเข้า ตอนที่เธอกลับห้องไปอาบน้ำนั้น เธอมองแหวนที่สวมอยู่บนนิ้ว แล้วตกอยู่ในภวังค์
แหวนสวยมาก และเธอชอบมาก แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อธีทัตนั้น ยังไม่ได้ถึงขั้นที่ยอมรับได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ คิดไปคิดมา ห้าปีที่ผ่านมา เป็นแบบนี้ทุกๆ ครั้ง ทุกๆ ครั้งที่เธอและธีทัตจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้น แต่พอนึกถึงภวินท์หรือเห็นหน้าลูกๆ ก็เหมือนถูกน้ำเย็นราดตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้ความรู้สึกของเธอต้องหยุดไว้เพียงแค่นั้น สร้างกำแพงในใจสูงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาของตัวเธอเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธีทัตเลยแม้แต่น้อย
แต่ครั้งนี้ เธอไม่อยากวิ่งหนีอีกแล้ว และไม่อยากเอาเปรียบธีทัตอีกแล้ว งานแต่งงานครั้งนี้ ในเมื่อเธอตอบตกลงธีทัตไปแล้ว ก็ต้องทำให้สำเร็จแน่นอน
คิดไปคิดมา ในใจของเธอเหมือนมีปมใหญ่ๆ อุดเอาไว้ เธอเปิดฝักบัว ยืนอยู่ใต้มัน แล้วหลับตาลง ให้ตัวเองได้อยู่ในโลกที่เงียบชั่วขณะ
เช้าวันรุ่งขึ้น ญาธิดาออกจากแกรนด์ บูเลอวาร์ด แล้วตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลพัฒนา
หลังจากที่กลับจากต่างประเทศ อัญมณีได้บอกว่าร่างกายของเธอนั้นฟื้นฟูเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังต้องติดตามอาการอยู่ตลอดเวลา และต้องนวดบำบัดกล้ามเนื้อ เมื่อวานก่อน อัญมณีได้บอกเรื่องที่ตัวเองต้องไปโรงพยาบาลกับเธอแล้ว เป็นการแสดงเจตนาว่าอยากให้เธอไปเป็นเพื่อน ญาธิดาในฐานะเพื่อนซี้ จึงตอบรับไปโดยธรรมชาติ
แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจะเจอกับชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้า หลังจากที่ถึงโรงพยาบาล เธอสายไปสี่สิบนาทีจากเวลานัดที่เธอและอัญมณีได้นัดกันไว้ เธอรีบวิ่งไปยังห้องนวดบำบัดกล้ามเนื้อที่อัญมณีอยู่ พอมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงคุยกันที่ดังมาจากด้านในห้อง
หรือว่าจะเป็นหมอ? ดูเหมือนว่าการรักษายังไม่จบสินะ
ญาธิดาที่คิดว่าเป็นแบบนั้น ยื่นมือออกไปผลักประตูห้องผู้ป่วย และคนในห้องบังเอิญเปิดประตูออกอย่างแรงพอดี ด้านในประตูยังมีคนอีกคน เธอเกือบจะล้มใส่เขา
พายุนี่เอง แต่มองเข้าไปอีก คนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์กลับเป็นภวินท์ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว น่าจะกำลังเตรียมตัวออกไปจากที่นี่
ญาธิดาอึ้ง รีบเงยหน้ามองหาอัญมณีบนเตียงผู้ป่วย ก่อนที่สายตาจะกลับมาหยุดลงที่ภวินท์อีกครั้ง ความโมโหก่อขึ้นในใจของเธอ
เขายังกล้ามาเจออันอันที่นี่อีก! เรื่องแฟลชไดรฟ์เธอยังไม่ได้เคลียร์กับเขาเลยนะ!
เธอกัดฟัน มองเขาด้วยสายตาที่ระวังตัว “ภวินท์ คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ภวินท์มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “มีเรื่องบางอย่างที่ต้องอธิบายให้คนในเหตุการณ์ ไม่ได้หรอ?”
ญาธิดาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก “คุณจะอธิบายอะไร? เรื่องนี้เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับคุณ? คุณเองยังไม่รู้อีกหรอคะ?”
เธอกับเขารู้จักกันมาหกปี ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนิวราก็ตาม เขาจะเข้าข้างฝ่ายนั้นตลอด เรื่องนี้เธอรู้ดีกว่าใครๆ นิวราเป็นผู้หญิงในฝันของเขา เป็นที่หนึ่งในใจเขา เป็นคนที่เขาเข้าข้าง ไม่ว่าเธอจะผิดหรือถูก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ เขาอาจจะเข้านิวราด้วยก็ได้
ภวินท์จ้องเธอตาไม่กะพริบ “ญาธิดา อย่างน้อยก็รอให้คุณมีหลักฐานค่อยมาคุยเรื่องนี้กับผม”
พูดจบ เขาก็บังคับวีลแชร์ออกจากที่นั่น ญาธิดารู้สึกไม่พอใจ ที่โดนเขากวนประสาทใส่ ความโมโหในใจค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนระเบิดออกมา
“ภวินท์คุณพูดให้เคลียร์ก่อนค่อยไปนะ…….”
ทันใดนั้น เสียงของอันอันดังขึ้นจากภายในห้องผู้ป่วย “ธิดา แกมานี่ ฉันมีเรื่องจะคุยกะแก”
ญาธิดาชะงักเบาๆ เธอเงยหน้ามองไปยังเตียงผู้ป่วย อัญมณีกำลังกวักมือเรียกเธออยู่
ญาธิดากัดฟัน มองภวินท์แล้วหันมามองอันอัน สุดท้ายเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย “อันอัน เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่า……”
อันอันจับมือของญาธิดาเอาไว้ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ภวินท์อธิบายให้ฉันแล้ว เรื่องครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขา”
“แกเชื่อเขาได้ยังไง?”
ญาธิดาหัวร้อน แค่คิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว เธอก็ยิ่งโกรธ
เริ่มแรก เขาเป็นคนขอให้เธอร่วมหาหลักฐานที่นิวราชนคน คนที่ได้คลิปและทำให้เธอเข้าใจเรื่องราวที่แท้จริงก็คือเขา จากนั้นคนที่ถือหลักฐานเอาไว้ไม่ยอมส่งให้ตำรวจสักทีก็คือเขา จนทุกวันนี้แฟลชไดรฟ์หายไป จะไม่ให้เธอไม่สงสัยเขาได้ยังไง?
อันอันที่เห็นญาธิดาหงุดหงิดจนขาดสติ พูดเสียงเบาว่า “ถ้าเขาเป็นคนทำจริงๆ แกคิดว่าทำไมเขาต้องมาอธิบายให้ฉันด้วยตัวเองอีกครั้งล่ะ?”
ญาธิดาชะงักเบาๆ เงียบไปสักพัก
อันอันพูดถูก ถ้าเขาเป็นคนทำจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องแสร้งมาอธิบายถึงตรงนี้อีกครั้งสินะ
“ยังจำชยินลูกน้องของนิวราได้ไหม?” อัญมณีที่เห็นเธอสงบสติลง ก็ค่อยๆ พูดต่อว่า “ช่วงนี้พายุกำลังตามรอยมัน แค่จับตัวมันได้ เรื่องทุกอย่างก็จะได้คำตอบ”
ญาธิดาที่ฟังอยู่ อารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อสักครู่ได้เย็นลง เธอสูดลมหายใจเข้า พึมพำว่า “จริงด้วย……เป็นแบบนั้นจริงด้วย”
อันอันลังเลอยู่สักพัก พูดช้าๆ ว่า “ธิดา บางครั้งแกก็อคติกับภวินท์เกินไปหรือเปล่า? จริงๆ แล้วฉันรู้สึกว่าเขาก็ไม่แย่นะ”
ญาธิดาเงียบไม่ได้ตอบอะไร เธอนิ่งอยู่สักพัก จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย “แกนวดบำบัดกล้ามเนื้อเสร็จแล้วหรอ?”
“เสร็จแล้ว” อันอันส่งยิ้มให้เธอ พลางกะพริบตา “วันนี้ที่ฉันเรียกแกมา จริงๆ แล้วมีเรื่องอย่างอื่นน่ะ”
ญาธิดาสับสน “เรื่องอะไร?”
ทันใดนั้น แก้มสองข้างของอัญมณีได้แดงขึ้น “คือว่า เรื่องทะเบียนบ้านนั่น……”