ดวงใจภวินท์ - บทที่604 ผมเรื่องอื่นที่ต้องพิจารณา
บทที่604 ผมเรื่องอื่นที่ต้องพิจารณา
พอเห็นอัญมณีเปลี่ยนเป็นผู้หญิงหวานแหววในไม่กี่วินาที ญาธิดาหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ และพูดติดตลกว่า “แกรีบร้อนอะไรขนาดนั้น! นี่เพิ่งจะกี่วันเอง ถึงฉันจะเริ่มลงมือแล้วมันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?”
แก้มของอัญมณีแดงขึ้นมากกว่าเดิม พูดพร้อมยิ้มว่า “ถ้าแกรีบจัดการได้ฉันกับพายุก็จะได้ดำเนินเรื่องได้เร็วขึ้นไง แบบนั้นฉันจะได้สบายใจสักทีไง”
ญาธิดาไม่รู้จะหัวเราะหรือห้องดี “โอเคก็ได้ก็ได้ วันนี้ฉันจะกลับไปคิดหาวิธีแล้วกัน”
เธอไม่เคยเห็นอัญมณีเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะจดทะเบียนสมรสกับพายุจริงๆ พอได้เรื่องราวในครั้งนี้ เชื่อว่าอันอันก็น่าจะกระจ่างมากขึ้น ขอแค่เธอมีความสุข เพื่อนซี้อย่างเธอก็จะอวยพรให้เธอจากส่วนลึกของหัวใจ
หลังจากที่คุยเล่นกับอัญมณีอยู่พักหนึ่ง พวกเธอถึงจะบอกลาก่อน แล้วออกจากโรงพยาบาล
ระหว่างทางที่กลับบ้าน เธอเอาแต่คิดว่าต้องใช้วิธีไหนถึงจะช่วยเอาทะเบียนบ้านให้อันอันได้ เพียงไม่นาน ก็มาถึงบ้าน
พอถึงบ้าน ก็บังเอิญเจอคุณปภาวีในห้องรับแขกพอดี ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “แม่คะ ทัตอยู่บ้านไหมคะ?”
คุณปภาวีตอบกลับ “ทัตหรอ! เขากลับมาแล้ว รู้สึกเหมือนจะอยู่ห้องอ่านหนังสือชั้นบน”
“โอเคค่ะ” ญาธิดาพยักหน้า ก้าวเท้าเตรียมขึ้นบันไดไปชั้นบน แต่คุณปภาวีกลับเดินมาขวางอย่างกะทันหัน เธอยื่นมือออกมาจับมือญาธิดาไว้ “เดี๋ยวนี้ในสายตามีแต่ทัต แม่ไม่ได้อยู่ในสายตาแล้วสินะ? เพิ่งกลับมาก็จะไปหาเขาเลย!”
แม้คำพูดของคุณปภาวีจะดูหึงเล็กน้อย แต่สายตาและสีหน้าของเธอนั้นกลับยิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังแซวลูกสาวตัวเอง
ญาธิดาหัวเราะ “แม่คะ หนูมีธุระต้องคุยกับทัตค่ะ”
“โอเค้ ไม่แกล้งลูกแล้ว รีบไปเถอะ!”
ญาธิดายิ้ม ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป พอถึงหน้าประตูห้องอ่านหนังสือ กลับหยุดลงแล้วลังเลขึ้นมา
เดี๋ยวถ้าเข้าไปแล้ว เธอจะพูดขอทะเบียนบ้านยังไง? จู่ๆ จะมาเอาทะเบียนบ้านของพวกเขา ธีทัตต้องสงสัยแน่นอน!
ญาธิดาที่กำลังใช้ความคิด ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากหลังประตู เหมือนจะเป็นเสียงของธีทัตกำลังคุยโทรศัพท์ เธอได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่
ผ่านไปชั่วขณะ เธอคิดแล้วคิดอีก พอนึกถึงอัญมณี สุดท้ายก็กัดฟันสู้ ยกมือขึ้นเคาะประตู จากนั้น เธอก็ผลักประตูออกแล้วเดินเข้าไป
วินาทีที่ผลักประตูแล้วเดินเข้าไปนั้น เธอก็เห็นธีทัตที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน สีหน้าค่อนข้างเครียดเล็กน้อย สีหน้าผิดปกติแวบหนึ่ง เขารีบเก็บโทรศัพท์ แล้วถามว่า “ธิดา คุณกลับมาแล้วหรอครับ?”
ญาธิดาพยักหน้า พอจะมองออกว่าเขากำลังเลิ่กลั่ก เธอถามขึ้นทันทีว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
สีหน้าของธีทัตเปลี่ยนเล็กน้อย แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ที่บริษัทมีเรื่องด่วนนิดหน่อย แต่ไม่นานก็จัดการได้แล้วครับ”
“งั้นก็ดีค่ะ” ญาธิดาไม่ได้ใส่ใจมาก เพราะเป้าหมายของเธอคือหาทะเบียนบ้าน แทบจะไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลยแม้แต่น้อย
ญาธิดาสูดหายใจเข้า แสงสว่างวาบเข้ามาในหัว เธอถามอย่างทันทีว่า “ใช่ค่ะทัต ทะเบียนสมรสของเราอยู่ไหนคะ? จู่ๆ ฉันก็อยากดูขึ้นมา”
“ทำไมจู่ๆ คุณถึงอยากดูทะเบียนสมรสขึ้นมาล่ะครับ?” ธีทัตวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินยิ้มมาหาเธอ ก่อนจะยื่นมือออกมาแล้วโอบล้อมเธอเบาๆ
ญาธิดายืนแข็งเล็กน้อย แต่เธอยังคงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็แค่สงสัยนิดหน่อย อยากเอาออกมาดูนิดหน่อย”
“ผมเก็บไว้ในชั้นวางชั้นที่สามในห้องอ่านหนังสือ คุณลองหาดูก่อนเลยครับ”
ญาธิดารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เธอรีบเดินไป แล้วหาลิ้นชักชั้นที่สาม ก่อนจะเปิดออก
และแน่นอนว่า นอกจากทะเบียนสมรสแล้ว ยังมีเอกสารต่างๆ ตอนที่เจอสมุดเล่มสีน้ำเงินที่อยู่ด้านล่างหน่อยนั้น ญาธิดาตาลุกวาวขึ้นมาทันที
เธอแสร้งทำตัวปกติแล้วเอาทะเบียนสมรสทั้งสองแผ่นออกมา ก่อนจะเปิดดูอยู่สักพัก เธอถอนหายใจเบาๆ “ไม่คิดว่าเลยนะคะเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ แค่ชั่วพริบตา เราก็จดทะเบียนกันมานานหลายปีแล้ว”
ธีทัตตอบกลับ “ใช่ครับ เพราะฉะนั้นงานแต่งงานของเราครั้งนี้ ต้องจัดให้ดีที่สุด”
ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่เขาวางอยู่บนโต๊ะนั้นดังขึ้นอีกรอบ ธีทัตเหลือบตามอง ก็เห็นตัวหนังสือใหญ่ๆ ที่เผยขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ “ภูผา” เขาขมวดคิ้ว แล้วหันกลับมามองญาธิดาแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบกดวางสาย ก่อนจะพลิกหน้าจอคว่ำลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินไปหา ญาธิดา
ญาธิดาไม่ได้สนใจ ในหัวเธอคิดเพียงเรื่องที่ต้องขอธีทัต เธอสูดหายใจเข้า พอเห็นว่าชายหนุ่มใกล้เข้ามา เธอก็ยกมือขึ้นชี้กรอบรูปบนโต๊ะ เป็นเชิงว่าให้เขาดู “พวกเราในตอนนั้น แตกต่างจากเราในตอนนี้มากเลยนะคะ เราทั้งสองคนดูซื่อยังไง……”
อันที่จริง ในรูปนั้นทั้งสองคนไม่ได้ยิ้มเลยแม้แต่น้อย พวกเขามองกล้องด้วยสายตาที่ค่อนข้างว่างเปล่า แล้วยังเว้นระยะห่างกันอีกด้วย
พวกเขาในตอนนั้น จดทะเบียนสมรสเพียงเพราะสัญญาเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนตอนนี้ไปโดยปริยาย
ทันใดนั้น ญาธิดาก็ทรุดลง เธอถูกโอบกอดอย่างกะทันหัน เธอหันหน้ามา แล้วสบตาเข้ากับตาของ ธีทัตพอดี “ครั้งนี้ก่อนงานแต่งงาน เราก็ต้องถ่ายรูปพรีเวดดิ้งสวยๆ ว่าไงครับ?”
ญาธิดาชะงักเล็กน้อย แล้วพยักหน้าอย่างลังเลเล็กน้อย จากนั้น เธอก็มองไปที่อื่น สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ “ถ้าอันอันรู้เข้า ไม่รู้ว่ามันจะคิดยังไงนะคะ”
ธีทัตได้ยินเช่นนี้ ก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เธอรู้แล้วมันยังไงครับ?”
“ถ้าหากเธอรู้ เกรงว่าเธอน่าจะรู้สึกเสียใจ เพราะฉันที่เป็นเพื่อนสนิทกลับไม่บอกเธอว่าแต่งงานแล้ว แล้วนี่ยังจะจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้ง แล้วตอนนี้เธอก็ไม่มีท่าทีว่า……”
พอได้ยินญาธิดาพูดแบบนี้ ธีทัตก็หลบตาต่ำ เขาเม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ญาธิดาหันหน้ามา แล้วบอกกับเขาว่า “ทัต ความจริงแล้วฉันรู้สึกว่าพายุก็ค่อนข้างเป็นคนดีนะคะ ถ้ามีเขาอยู่ อันอันต้องมีความสุขแน่ๆ เลยค่ะ”
ญาธิดาเพิ่งพูดจบ ธีทัตก็ขมวดคิ้ว ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ผมไม่อนุญาตให้พวกเขาอยู่ด้วยกันครับ”
“เป็นเพราะฉันหรอคะ?” ญาธิดาหายใจเข้า แล้วพูดด้วยความกล้า“ถ้าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณไม่อนุญาต ฉันคงจะรู้สึกผิดมากค่ะ”
ธีทัตพูดอย่างชอบธรรม และจริงจังว่า “ธิดา คุณอย่าคิดมากเลยนะครับ ที่ผมไม่อนุญาตให้พายุคบกับอันอัน เพราะผมมีเรื่องอื่นที่ต้องพิจารณาครับ”
ได้ยินเช่นนั้น ญาธิดานิ่งอยู่สักพัก เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ สุดท้ายเธอทำได้เพียงกลืนคำพูดที่อยู่ตรงปากลงไปให้หมดไปโดยปริยาย
ในเวลานี้ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เกรงว่าธีทัตจะไม่รับฟังเธอเลย เห็นได้ชัดว่า เขาแน่วแน่มาก
เดิมทีญาธิดามีความคิดที่จะเกลี้ยกล่อมเขา แต่ไม่คิดว่าเขาเด็ดขาดขนาดนี้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ ก็เหลือเพียงหนทางเดียว นั่นก็คือขโมยทะเบียนบ้านของอันอัน
มีเพียงวิธีนี้ อันอันและพายุถึงจะจดทะเบียนสมรสได้ พอสายเกินแก้ ค่อยเกลี้ยกล่อมคนในบ้านให้ยอมรับพวกเขา
ญาธิดาเดินมายืนข้างลิ้นชัก ก่อนจะเก็บทะเบียนสมรสเข้าไป สายตาเหลือมองทะเบียนบ้านเล่มสีน้ำเงิน
“งั้นฉันออกไปก่อนนะคะ ขอตัวไปอาบน้ำก่อน คุณยุ่งต่อเถอะค่ะ”
เธอส่ายคอไปมา ทำท่าเหมือนเหนื่อยล้า ก่อนจากเดินออกจากห้องอ่านหนังสือ
พอเห็นว่าประตูค่อยๆ ถูกปิดลง ธีทัตถึงเริ่มเรียกสติกลับคืนมาได้ เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ แล้วเดินมายังหน้าโต๊ะทำงาน แล้วมองสายที่เขากดวางเมื่อสักครู่ ก่อนจะใช้นิ้วกดเพื่อโทรกลับ
เพียงนาน เสียงหัวเราะเบาๆ ของภูผาก็ดังขึ้นจากปลายสาย “ดูเหมือนว่า นายจะจัดการธุระเสร็จแล้ว?”
พอจะฟังออกว่าน้ำเสียงของเขานั้นค่อนข้างเสียดสี ธีทัตขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าโทรหาฉันสุ่มสี่สุ่มห้า?”
ถ้าหากเมื่อกี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องอ่านหนังสือ แล้วคนที่รับโทรศัพท์แทนคือญาธิดา เรื่องทั้งหมดที่ทำมาคงจบลง