ดวงใจภวินท์ - บทที่607 ขโมยทะเบียนบ้าน
บทที่607 ขโมยทะเบียนบ้าน
เมื่อญาธิดาได้สมุดทะเบียนบ้านของตระกูลกรเวช ก็เที่ยงวันของวันที่สองแล้ว เธอตั้งใจรอจนกระทั่งธีทัตออกจากบ้าน แล้วแอบเข้าไปในห้องสมุดอย่างเงียบๆ เปิดลิ้นชักนั้น ในนั้นยังคงมีทะเบียนสมรสที่เธอเพิ่งอ่านเมื่อวาน และยังมีเอกสารอื่นๆ รวมถึงทะเบียนบ้านที่เก็บไว้ด้านล่างสุด
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบสมุดทะเบียนบ้านออกมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้ออกไป
จะว่าไป เรื่องขโมยของแบบนี้ ตั้งแต่เธอเกิดมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลา20ปี เธอไม่เคยทำมาก่อน แต่ตอนนี้เพื่อความสุขของเพื่อนสนิท เธอจึงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง
ญาธิดากัดฟัน หยิบโทรศัพท์ออกมา หันกล้องไปทางทะเบียนบ้าน และถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว แล้วส่งไปให้อัญมณี จากนั้นเอาสมุดบัญชีมาไว้ในอ้อมแขน แล้วรีบออกไปจากห้องสมุดอย่างเงียบๆ
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เธอแอบถอนหายใจ แล้วเดินไปที่ห้องของตัวเอง ใครจะไปรู้ว่า จู่ๆก็มีบางอย่างผิดปกติ เธอก็กระชับร่างกาย และหันศีรษะไปทางนั้นทันที
ตรงทางเข้าบันได มีเด็กชายร่างเล็กยืนมองเธออย่างจดจ่อ เห็นได้ชัดว่า การกระทำทุกอย่างของเธอในเมื่อสักครู่ ล้วนอยู่ในสายตาของเขา
ญาธิดารู้สึกร้อนระอุไปทั้งตัว ทันใดนั้น ความตื่นตระหนกในการเป็นขโมยก็ท่วมท้นในใจเธอ เธออ้าปากค้าง และรีบมุ่งเดินไปทางเณรศีลแสร้งทำเป็นปกติและยิ้มให้เขา “เณรศีล หนูมาทำอะไรที่นี่”
“ผมตื่น ก็เลยออกมาดูครับ”
ขณะที่จือจี้พูด สายตาของเขาจับจ้องไปที่สมุดทะเบียนบ้านที่เธอถืออยู่ในอ้อมแขนของเธอ และเขาถามขึ้นด้วยความสงสัย “นี่อะไรหรอครับ?”
ร่องรอยของความผิดปกติปรากฏบนใบหน้าของญาธิดา เธอรีบแสร้งยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า”ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นแค่หนังสือเล่มเล็กน่ะ”
แต่เณรศีลสนใจหนังสือเล่มนี้มาก เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ผมอยากดูครับ”
ญาธิดารู้สึกกดดัน และเธอพูดเสียงแข็งว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกนะเณรศีลกลับไปที่ห้องของตัวเองนะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกพวกเธอออกมากินข้าว”
เณรศีลตอบกลับ”ครับ”คำหนึ่ง แล้วจ้องไปยังเธอแล้วพูดขึ้นเบาๆว่า”คุณน้า ดูเหมือนกำลังประหม่านะมาก”
หลังจากที่ให้เณรศีลอาศัยอยู่ที่บ้าน เด็กคนนี้ก็รู้จักเข้าเธอแล้ว และเขาก็เปลี่ยนสรรพนามมาเรียกเธอว่า”คุณน้า”
แต่ตอนนี้ เผชิญหน้ากับเขาแบบนี้ ญาธิดายิ่งร้อนรนใจมากขึ้น “ไม่นี่ อาจจะเพราะวันนี้อากาศร้อนเกินไป กลับไปที่ห้องของเธอเถอะ……”
ญาธิดาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไป แล้วดันเณรศีลกลับไปที่ห้อง แล้วเธอก็วิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วยความตื่นตระหนก
หลังจากปิดประตู เธอถึงจะวางใจ เธอหายใจเข้าลึกๆ และได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง “ดิงดอง” เสียงของโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้งจากนั้นเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา
เป็นข้อความจากอัญมณี แม้จะเป็นเพียงตัวหนังสือและสติกเกอร์ แต่เธอก็ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเธอได้อีกต่อไป ญาธิดามั่นใจว่า ถ้าเธอเจอกับอัญมณีในเวลานี้ เธอจะกรี๊ดแล้ววิ่งไปกอดเธอไว้
ฉากนี้แวบเข้ามาในความคิดของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้เธอตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
จากนั้นอัญมณีก็ส่งตำแหน่งที่ตั้งมา ตรงกับตำแหน่งสำนักงานกิจการพลเรือนที่ใหญ่ที่สุดในเมือง J
ญาธิดายกยิ้มมุมปาก แล้วส่งข้อความกลับไปว่า”ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้แหละ”
เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมเสื้อกันลมสีเบจคู่กับกางเกงสแล็คสีขาว ดูสดใสและสะอาด จากนั้นเธอลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว หยิบกุญแจรถ เตรียมที่จะออกไป
ทว่า คุณปภาวีรั้งเธอไว้ “อาหารเช้ายังไม่พร้อม ลูกจะรีบออกไปไหน?”
ญาธิดาขยิบตาให้เธอ จากนั้นไปหยิบขนมปังที่เพิ่งปิ้งเสร็จบนโต๊ะ แล้วเดินออกไป “มีธุระค่ะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีค่ะแม่ เดี๋ยวกลับมาแล้ว หนูจะเล่าให้ฟังนะคะ”
คุณปภาวีก็รั้งเธอไม่อยู่ เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด จึงทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
ญาธิดาขับรถแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมาย ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่หมาย
ทันทีที่เธอลงจากรถ ก็เห็นอัญมณีและพายุรออยู่ที่ประตูอย่างกระตือรือร้น
เธอรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว และมองไปที่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ทั้งสองคนสวมในวันนี้ เธอยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก”อัญมณีเอ๋ยอัญมณี ไม่คิดว่าเธอจะมีวันนี้”
อัญมณียิ้มแล้วกลอกตาใส่เธอ จากนั้นก็รีบยื่นมือออกไปหาเธอ “พอได้แล้ว รีบเอาของมาให้ฉันสิ!”
ญาธิดายิ้มและแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ของอะไรอ่ะ! ฉันไม่รู้!”
อัญมณีที่ถูกเธอแกล้ง ทั้งหงุดหงิดทั้งตลก จึงเข้าไปจั๊กจี้ตัวเธอ “ธิดา เธอแกล้งฉันอีกแล้วนะ! รีบเอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่า!”
ญาธิดาพยายามหลบ แต่สุดท้ายก็รีบยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่ายอมแพ้แล้ว “โอเคๆ ฉันให้เธอเดี๋ยวนี้แหละ ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วย!”
ขณะที่เธอพูด เธอหยิบทะเบียนบ้านออกจากกระเป๋าเหมือนสมบัติล้ำค่า แล้วยื่นให้อัญมณี อัญมณีรีบรับมา แล้วพุ่งเข้าไปกอดญาธิดาและหอมแก้มไปทีหนึ่ง “รักเธอที่สุดเลย!”
พายุที่อยู่ด้านข้าง มองดูทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม เมื่อทั้งสองปล่อยมือ เขามองไปที่ญาธิดาและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ธิดา ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะ”
“ขอบคุณอะไรกัน เพื่อนกันทั้งนั้น และนายก็ช่วยฉันมามากแล้วไม่ใช้หรอ?”
พายุที่อยู่ด้านข้าง มองดูทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม เมื่อทั้งสองปล่อยมือ เขามองไปที่ญาธิดาและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ธิดา ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะ”
ญาธิดายิ้มและหันไปมองอัญมณีที่อยู่ข้างๆเธอ และน้ำเสียงของเธอก็จริงจังขึ้นทันที “ต่อจากนี้ไป นายต้องดูแลอันอันให้ดีนะ ถ้าฉันได้ยินว่าเธอถูกรังแก ฉันจะไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
เมื่ออัญมณีได้ยินสิ่งนี้ เธอก็หันไปหยิกพายุที่อยู่ข้างๆ แล้วขยิบตาให้เขา “นายได้ยินหรือยัง อย่าคิดที่จะรังแกฉันนะ!”
พายุยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวลหรอก”
“โอเคๆ รีบไปต่อแถวเถอะ อีกสักพักคนก็จะเริ่มเยอะแล้ว”
อัญมณีขยิบตาให้เธออย่างมีความสุข “งั้นเราไปก่อนนะ! เธอหาที่นั่งรอเราก่อน เดี๋ยวไปกินหม้อไฟด้วยกัน!”
ญาธิดาโบกมือให้พวกเขา “โอเค รีบไปเร็ว!”
เมื่อเห็นทั้งสองคนก้าวเข้าไปในสำนักงานกิจการพลเรือน ญาธิดาก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ ราวกับว่าเธอกลับไปเมื่อ2-3ปีก่อน ตอนนั้นที่เธอเดินเข้าไปในสำนักงานกิจการพลเรือน ไม่ใช่อารมณ์แบบนี้
ตอนนั้นเธอเพิ่งคลอดอีธานและเอลล่า เธออยู่ในความตึงเครียดตลอดเวลา จิตใจของเธอตึงเครียด และรู้สึกอึดอัด……
เมื่อนึกย้อนกลับไปช่วงเวลาในอดีต เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลัง แต่โชคดี หลังจากที่เธอมีอีธานและเอลล่า เธอจึงอดทนอยู่รอดมาได้ถึงตอนนี้
เธอยิ้มอย่างโล่งอก เดินไปข้างทางและไปหาเก้าอี้นั่ง จากนั้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นข้อความที่ธีทัตส่งมา เป็นรูปภาพให้เธอช่วยตัดสินใจ
“ลองดูสิ เธอชอบงานแต่งสไตล์นี้ไหม?”
สไตล์นอร์ดิก งานแต่งงานจัดขึ้นบนสนามหญ้าสีเขียว ตกแต่งด้วยฉากสีขาวสไตล์มินิมอล การตกแต่งและการจัดวางสวยหรู เป็นงานแต่งงานขนาดเล็ก สถานที่ไม่ใหญ่ แต่อบอุ่นและสวยงามมาก
ธีทัตเป็นคนใส่ใจรายละเอียด คุ้นเคยและรู้ความชอบของเธอ มักจะจัดการทุกอย่างให้เหมาะสมและละเอียดอ่อนเสมอ เธอยกยิ้มมุมปาก และส่งข้อความตอบกลับไปว่า “ดีมากเลย ฉันชอบมันมาก”
ไม่ช้า ธีทัตก็ตอบกลับมาว่า “โอเค งั้นผมจะหาคนไปจัดการตอนนี้แหละ”
ญาธิดาถือโทรศัพท์ไว้ ความอบอุ่นที่อธิบายไม่ถูกก็ผุดขึ้นในหัวใจ ธีทัตยิ่งปฏิบัติต่อเธอดีเพียงใด เธอก็ยิ่งรู้สึกผิด ยิ่งกว่านั้น วันนี้เธอได้ทำสิ่งที่ผิดต่อเขา แต่จากนี้ไป เธอยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดใช้มันคืน
ชีวิตหลังจากนี้ เธอเพียงต้องการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกับธีทัต ซึ่งดูท่าแล้วค่อนข้างไปในทางที่ดีเลยล่ะ