ดวงใจภวินท์ - บทที่612 แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน
“ไม่มีคนเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง?”
ดนุชรีบหันไปมองทางนั้น ไม่คิดว่าตรงนั้นจะไม่มีคนอยู่แล้ว ที่นั่งที่มีสองคนนั้นนั่งอยู่ก็ว่างเปล่า
ญาธิดาหันกลับไปมองแวบเดียวแล้วหันกลับมา มองชวิศแล้วพูดว่า “ฉันว่าน่าจะเป็นแฟนคลับของนายนะ เมื่อกี้ตอนที่พวกเราเดินมาก็มีผู้หญิงส่งสายตาให้นายเยอะแยะ แถมยังเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายด้วย”
ได้ยินญาธิดาพูดแบบนี้ ดนุชก็หัวเราะออกมาทันที เขาเกาหัวแกรๆ แล้วพูดว่า “ถ้าจะพูดแบบนี้ ฉันก็เชื่อนะ ชวิศไปไหนก็กลายเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆตลอด ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในกองทัพ มีทั้งสาวแพทย์ทหารและทหารศิลป์ตามจีบเขาใหญ่เลย!”
ได้ยินแล้ว ญาธิดาก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา เธอถามโดยไม่ได้คิดอะไรมาก “มีคนตามจีบคุณเยอะขนาดนี้ ทำไมยังไม่มีแฟนล่ะ? คุณชวิศคงไม่ได้โกหกหรอกนะ”
ชวิศกระตุกมุมปาก จิบเครื่องดื่มหนึ่งคำแล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ก็แค่ยังไม่เจอคนที่ถูกชะตาน่ะ”
คำพูดของเขาทำเอาญาธิดาหัวเราะออกมา
เขาเลิกคิ้วแล้วถามว่า “หัวเราะอะไร?”
“ไม่มีอะไร” ญาธิดาส่ายหน้าหัวเราะแล้วพูด
ด้วยเงื่อนไขของชวิศ จะหาผู้หญิงแบบไหนไม่ได้บ้าง เขากลับบอกว่าไม่เจอคนที่ถูกชะตา ถ้าพูดแบบนี้ คนที่เข้าตาเขาได้คงต้องเป็นระดับนางฟ้าแล้วล่ะ
ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ทั้งสองพูดคุยกันจนคุ้นเคยกันมากขึ้น หลังจากนั้นพวกเขาก็สั่งอาหาร ไม่นานดนุชก็ยกแก้วชานมเดินเข้ามา “คุณธิดา นี่เป็นแก้วที่ชวิศตั้งใจสั่งเป็นพิเศษเลยนะ ชานมสูตรพิเศษของร้านเรา เธอลองชิมดูสิ”
มองดูชานมแก้วนั้น ญาธิดารู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่า เธอแค่พูดออกไปขำๆเขากลับจำมันขึ้นใจ
เธอยิ้มให้กับดนุช“ขอบใจนะ”
ต่อมาก็ชิมหนึ่งคำ รสชาติแปลกใหม่ นอกจากกลิ่นชาแล้ว ยังมีกลิ่นหอมของหญ้าอ่อนๆ รสชาติสดชื่นมาก
เธอมองดนุชอย่างตกตะลึง พยักหน้าแล้วพูดว่า “อร่อยมากเลย”
ดนุชหัวเราะแล้วเกาหัวแกรกๆ “อร่อยก็ดีแล้ว ต่อไปถ้าเธออยากอื่มอีก ก็มาบ่อยๆได้เลยนะ”
ญาธิดาพยักหน้า รู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในช่วงนี้
ช่วงนี้ต้องเจอเรื่องมากมาย เธอตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา แต่วันนี้ มากินข้าวที่ร้านแพลนท์เวิลกับชวิศมื้อเดียว ได้พูดคุยกัน เหมือนความกดดันและความอัดอั้นตันใจในช่วงนี้ก็ได้หายไปทั้งหมด
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เธอกับชวิศก็เดินออกจากร้านอาหารด้วยกัน เธอหันหน้าไปมองเขา แล้วพูดเสียงเบาว่า “วันนี้ขอบคุณมากนะ ฉันมีความสุขมาก”
ชวิศหัวเราะ “น่าจะเป็นผมที่ขอบคุณสิ ช่วยผมแก้ปัญหาการเลือกของขวัญ”
เขาส่งเธอไปที่รถ ทั้งสองบอกลากัน ญาธิดาสตาร์ทเครื่อง ฮัมเพลงแล้วขับรถกลับแกรนด์ บูเลอวาร์ด
กลับถึงบ้าน เธอก็ถอนรองเท้าหน้าประตูอย่างสบายใจ ตอนแรกว่าจะกลับห้องอาบน้ำสักหน่อย แต่กลับถูกคุณปภาวีขวางทางไว้เสียก่อน
“ธิดา ลูกไปไหนมา?” คุณปภาวีมองเธอด้วยสีหน้ากังวลและร้อนรน “แม่โทรหาทำไมไม่รับ”
ญาธิดาได้ยินแล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหน้าจอ ก็มีสายจากคุณปภาวีเข้ามาหลายสายจริงๆ ยังมีข้อความที่อัญมณีส่งมาด้วย เมื่อกี้เธอขับรถ ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้แล้วใส่ในกระเป๋า ก็เลยไม่เห็นอะไรเลย
“เมื่อกี้หนูขับรถอยู่น่ะ ลืมใส่หูฟังบลูทูธ ทำไมเหรอคะ? แม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ทำไมถึงกระวนกระวายแบบนี้ล่ะ?”
คุณปภาวีรีบพูดว่า “วันนี้ทัตมาที่นี่สีหน้าดูแปลกๆ กลับมาก็ไม่พูดไม่จา แล้วเดินเข้าห้องหนังสือไปเลย แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันเลยไม่กล้าถามอะไรเยอะ ลูกรีบไปดูหน่อยเถอะ!”
พอพูดถึงห้องหนังสือ ญาธิดาก็ตื่นเต้นขึ้นมา เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรก็รีบเดินขึ้นบันได ขึ้นไปห้องหนังสือชั้นสองทันที เธอยืนอยู่หน้าประตูรู้สึกผิดขึ้นมากะทันหัน เธอคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่อัญมณีส่งมาให้ตัวเอง
“คืนนี้ฉันกับพายุจะกลับบ้านไปเจอพ่อแม่ แถมยังบอกเรื่องที่จดทะเบียนสมรสกับพวกท่าน จากนั้นไม่นานพี่ทัตก็กลับมา เขาออกไปแบบโกรธมาก สถานการณ์ตรงนั้นเธอเป็นยังไงบ้าง…….”
เห็นข้อความนี้แล้ว ญาธิดาก็รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม เธอไม่คิดเลยว่าอัญมณีจะรีบพูดความจริงกับคุณลุงคุณป้าแบบนี้ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าธีทัตจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้
งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ธีทัตก็ต้องรู้เรื่องที่เธอแอบเอาทะเบียนบ้านไปแล้วน่ะสิ
เธอกัดฟันพยายามทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ ตอนนี้เธอจะต้องไปอธิบายกับธีทัตให้ชัดเจน ไม่งั้นความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขาจะเพิ่มลึกมากขึ้น
เธอสูดหายใจเข้า ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากคนด้านใน ธีทัตยืนอยู่หน้าประตูเหมือนรู้ว่าเธอจะมา
ญาธิดาใจเต้นตึกตักจนแทบจะกระเด็นออกมา “ทัต……”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เข้ามา”
เธอไม่กล้าพูดอะไร ก้าวเดินเข้าไปข้างใน ต่อมาประตูห้องก็ถูกเขาปิดอย่างแรง
ญาธิดาเงยหน้าก็เห็นบนโต๊ะมีสมุดทะเบียนบ้านที่คุ้นตาวางอยู่บนนั้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกเหมือนมีของอะไรมาทับอยู่บนหัวไหลตัวเอง มันหนักอึ้งมาก
เธอหลับตาลงแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ ฉันยอมรับว่า ฉันแอบเอาสมุดทะเบียนบ้านไปให้อันอันเอง”
ธีทัตเอ่ยปาก น้ำเสียงเย็นชาถึงขีดสุด “คุณทำแบบนี้ทำไม?”
ญาธิดากำมัดแน่น พูดอธิบายว่า “คุณดูไม่ออกหรือไง? อันอันรักพายุจริงๆ ถึงคุณจะแยกพวกเขาออกจากกัน คุณคิดว่าอันอันจะมีความสุขเหรอ? หรือเธอจะซาบซึ้งกับการกระทำของคุณงั้นเหรอ?”
เธอพูดจบ สีหน้าของธีทัตก็มืดมนลง เขาเงียบไม่พูดอะไรสักคำ
ผ่านไปสักพัก เขาหันหน้าไปมองเธอ “งั้นผมจะหาคนที่คู่ควรกับเธอมากกว่านี้”
ความรู้สึกโกรธพุ่งพรวดขึ้นมาในใจของญาธิดา เธอพูดโดยไม่คิดเลยว่า “ความรักไม่ใช่การเห็นด้วยของทั้งสองฝ่ายเหรอ? ถึงจะหาคนที่ดีกว่าได้ เธอไม่ชอบก็ไม่มีทางมีผลลัพธ์หรอก แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ จนถึงตอนนี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
คำพูดพวกนี้เป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงจิตใจของธีทัต เสียงของเธอดังสะท้อนอยู่ในหูของเขา “แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน……”
ระหว่างเขากับญาธิดา จะเป็นความสัมพันธ์แบบนี้หรือเปล่า?
เห็นทีธีทัตเงียบไป ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดช้าลงด้วยเสียงเบาว่า “ทัต ฉันรู้ว่าคุณหวังดีต่ออันอัน แต่บางที พวกเราก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของเธอบ้างไม่ใช่เหรอ?”
“และ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ก็คงไม่ยอมปล่อยให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักหรอก ที่ฉันเอาสมุดทะเบียนบ้านให้เธอ ก็หมายความว่าฉันตรวจสอบดูพายุอย่างละเอียดแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่เชื่อถือได้จริงๆ ดังนั้น นายควรวางใจถึงจะถูก……”
ธีทัตได้ยินแล้ว ทันใดนั้นก็พูดว่า “งั้นแบบนี้ เรื่องของบ้านกรเวชคุณก็ตัดสินใจได้แล้วน่ะสิ?”
ทันใดนั้นเอง ญาธิดาก็รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อมของเธอ เธอไม่คิดเลยว่า ธีทัตจะพูดแบบนี้กับเธอ
เขาพูดแบบนี้เหมือนกำลังบอกเธอว่า เธอไม่ใช่คนของตระกูลกรเวช และการกระทำแบบนี้ของเธอคือการล้ำเส้นคิดเองเออเองโดยไม่คำนึงถึงฐานะตัวเอง!
หรือว่า ในสายตาเขา เธอเป็นแค่คนนอกมาโดยตลอดเหรอ?
ญาธิดารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอถอยหลังแล้วเดินออกจากห้องไป แต่ทันใดนั้นธีทัตก็หันหน้ากลับมามองเธอแล้วพูดว่า “ธิดา ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น……”
ญาธิดาส่ายหน้า ไม่อยากฟังคำอธิบายของเขาอีก เปิดประตูแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว