ดวงใจภวินท์ - บทที่613 เรื่องดีเกิดขึ้นพร้อมกัน
ญาธิดาวิ่งเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วล็อกประตูอย่างรวดเร็ว เธอพิงหลังประตูหายใจหอบ แล้วนึกถึงคำพูดเมื่อกี้ของธีทัต
ในเวลาห้าปีนี้ ธีทัตเข้าอกเข้าใจอบอุ่นและเอาอกเอาใจมาโดยตลอด ไม่เคยทะเลาะกับเธอเลย และไม่เคยพูดจาร้ายแรงกับเธอด้วย แต่วันนี้ เขาผิดปกติมาก
ความรู้สึกแปลกๆอัดอั้นอยู่ในใจของเธอ เธอยังไม่ทันได้จัดการความรู้สึกนี้ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก เป็นเสียงเท้าเดินที่เบามาก เธอพิงอยู่ที่หน้าประตู เคยได้ยินเสียงเดินมาทางนี้อย่างชัดเจน ไม่นาน เสียงเท้าเดินก็หยุดลง ยืนอยู่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน
ญาธิดารู้ดีว่า คนที่ยืนอยู่หน้าประตูในตอนนี้จะต้องเป็นธีทัตแน่นอน
ไม่ยอมขอประตู เธอก็ไม่ยอมเปิดประตูเหมือนกัน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงเท้าเดินจากนอกประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง และไกลออกไปเรื่อยๆ
ญาธิดาแอบโล่งอก แต่ก็เดินไปข้างเตียงอย่างรู้สึกผิดหวัง ตอนแรกเป็นแค่เรื่องของอัญมณีนี้กับพายุ แต่ตอนนี้กลับยกระดับกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างเธอกับธีทัต เรื่องนี้จะจัดการยังไงดีล่ะ?
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังไม่หยุด ญาธิดาปวดหัวแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเครื่องแล้วนอนหลับทันที
เช้าวันถัดมา ญาธิดาตื่นเพราะเสียงของคุณปภาวี ประตูห้องของเธอถูกเคาะจนดังสนั่น เธอพลิกตัว ได้ยินคุณปภาวีตะโกนพูดจากหน้าประตูว่า “ธิดา ทำไมยังไม่ตื่นอีกล่ะ อันอันมาแล้วนะ ลูกจะไม่ลงไปแน่เหรอ?”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็รีบลุกพรวดขึ้นจากเตียง
เธอรีบวิ่งไปที่หน้าประตูอย่างงัวเงีย เปิดประตูแล้วถามคุณปภาวีที่อยู่นอกประตูว่า “แม่ว่าอะไรนะ?”
เห็นท่าทางผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ คุณปภาวีก็ขมวดคิ้ว “ดูสภาพสิ ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว? อันอันรอแกอยู่ข้างล่างเป็นสิบนาทีแล้วนะ!”
ญาธิดาเกาหัวแกรๆ “อันอันมาแล้วเหรอ?”
“อืม อันอันติดต่อแกไม่ได้ โทรไปแกก็ไม่รับสาย ก็เลยมาหาแกถึงที่นี่เลย ยังเอาของขวัญมาให้ฉันพ่อแกแล้วก็เด็กๆ อีกสามคนด้วย”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “เดี๋ยวหนูลงไป”
พูดจบ เธอกลับไปที่ห้องน้ำในห้องนอน แปรงฟันล้างหน้าแล้วก็ลงไปข้างล่างในชุดนอน
ห้องรับแขกบนโซฟา อัญมณีกำลังนั่งเล่นกับเด็กสามคน พอเห็นเธอมาก็รีบยิ้มแล้วกวักมือเรียกเธอ
ญาธิดายิ้มแล้วเดินเข้าไปถามว่า “ทำไมถึงมากะทันหันล่ะ?”
อัญมณีกะพริบตาให้เธอ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “โทรหาเธอแล้วเธอไม่รับนี่? ฉันเป็นห่วง กลัวเธอจะเป็นอะไรไป ก็เลยรีบมาหานี่ไง”
ไม่รอญาธิดาตอบ เธอก็ขยับเข้าไปกระซิบถามข้างหูเธอว่า “พี่ทัตไม่ได้ว่าอะไรเธอใช่ไหม? ฉันมาที่นี่แต่เช้า ถามคุณป้า คุณป้าก็บอกว่าเขาออกไปแต่เช้าแล้ว……”
ญาธิดายกแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “ไม่มีอะไรหรอก”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่สีหน้าของเธอกลับดูเย็นชาลง อัญมณีสังเกตเห็นก็รีบถามว่า “ทำไมสีหน้าเธอแย่แบบนี้ล่ะ? พี่ทัตทะเลาะกับเธอเหรอ? ใช่ไหม?”
เจอกับคำถามเป็นชุดของอัญมณี ญาธิดาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากปิดบังต่อไป เธอถือแก้วน้ำด้วยสองมือแล้วพูดว่า “พี่ชายเธอรู้สึกว่าฉันไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของตระกูลกรเวช”
“ว่าไงนะ?”
ได้ยินแบบนี้แล้ว อัญมณีก็โมโหอย่างหนัก เบิกตาโพลงโตแล้วถามว่า “พี่ทัตพูดแบบนี้จริงเหรอ?”
ญาธิดาลังเลสักพักแล้วพยักหน้า
คำพูดนี้ทำให้เธอเจ็บปวดจิตใจอย่างมาก
อัญมณีลุกพรวดขึ้นมา พูดอย่างโมโหว่า “ฉันจะไปคิดบัญชีกับเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
ญาธิดาได้สติก็รีบคว้ามือเธอไว้แน่น แล้วดึงเธอให้นั่งลงที่เดิม “เธอจะไปทำอะไร?”
อัญมณีขมวดคิ้วแน่นเป็นปมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ฉันจะไปคิดบัญชีกับพี่ทัต เขาพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง!? ยังไม่พูดเรื่องที่เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน แต่ยังไงเธอก็เป็นภรรยาของเขา! อะไรคือไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของตระกูลกรเวช?”
ญาธิดาลังเลสักพัก แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เธอไปหาเขาตอนนี้ เขาคงคิดว่าฉันฟ้องเธออีก เดี๋ยวจะวุ่นวายไปเปล่าๆ เรื่องระหว่างเราสองคนให้พวกเราจัดการเองดีกว่า”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ อัญมณีก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก เธอถอนหายใจมองญาธิดาอย่างรู้สึกผิด แล้วพูดช้าๆว่า “ที่จริงเรื่องนี้ก็โทษฉัน ถ้าไม่ใช่ฉันให้เธอช่วยเอาสมุดทะเบียนบ้านมา พี่ทัตคงไม่ทะเลาะกับเธอ”
ว่าแล้ว เธอก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ขอบตาแดงก่ำ
ญาธิดาอึ้ง มองอัญมณีอย่างตกตะลึง “อันอัน ทำไมตอนนี้เธอถึง……”
จะร้องไห้ก็ร้องไห้เลย
ต้องรู้ว่า เมื่อก่อนอัญมณีเป็นคนเข้มแข็ง สดใส ร่าเริงและไม่เคยน้อยใจด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆเลย แต่ตอนนี้เธอกลับร้องไห้ใหญ่โต นี่ทำให้เธอรู้สึกตกใจมาก
“ทำไม?” อัญมณีเงยหน้าขึ้น กะพริบตาปริบๆ ทำท่าน่าสงสาร
ญาธิดาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ ‘ฮ่า’ ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา พูดล้อเล่นว่า “อันอัน ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องจริงสินะ เธอในตอนนี้เหมือนสาวน้อยน่ารักตัวเล็กตัวน้อยเลย!”
อัญมณีอึ้ง ไม่นานก็รู้ตัว ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อแล้วด่าทอว่า “พูดบ้าอะไรกันธิดา! เธอน่ะสิสาวน้อย!”
ทั้งสองหยอกล้อกัน ไม่นานบรรยากาศก็คึกคักขึ้นมา ผ่านไปสักพัก คุณปภาวีก็ยกจานผลไม้ออกมาจากห้องครัว แล้วส่งมาให้พวกเธอด้วยรอยยิ้ม “มาๆๆ กินผลไม้สักหน่อย”
เธอยื่นส้อมไปให้พวกเธอและไม่คิดที่จะออกไป จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามพวกเธอ “อันอันช่วงนี้มีเรื่องดีเกิดขึ้นหรือเปล่า? ใบหน้าสดชื่นแจ่มใสมาเชียว!”
อัญมณีได้ยินแล้วก็ยิ้มอย่างเขินอาย และไม่กล้าพูดออกมา
ญาธิดาหันหน้าไปมองอัญมณี สบตาแล้วยิ้มพร้อมกัน แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อัญมณีเงียบสักพัก แล้วหันหน้าไปมองคุณปภาวี พูดเสียงเบาว่า “หนูเพิ่งจดทะเบียนมาค่ะ……”
คุณปภาวีตกตะลึง รีบถามด้วยรอยยิ้มว่า “จดทะเบียน? ทะเบียนสมรสน่ะเหรอ?”
อัญมณีพยักหน้าอย่างเขินอาย
คุณปภาวียิ้มหน้าบาน รีบพูดว่า “นี่เป็นเรื่องดีนี่! ทัตรู้หรือยัง? จะจัดงานแต่งเมื่อไหร่เหรอ? ถ่ายพรีเวดดิ้งหรือยัง?”
เธอถามคำถามรัวติดต่อกัน จนอัญมณีไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี ญาธิดารีบพูดข้างๆว่า “แม่คะ แม่ถามน้อยหน่อย อันอันเป็นเด็กผู้หญิงอ่อนไหวง่ายนะคะ!”
ได้ยินดังนี้ คุณปภาวีก็ถึงรู้ตัวขึ้นมา รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่สิๆ…….ฉันตื่นเต้นเกินไปเอง!”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่เธอก็ยังเงียบลงมาไม่ได้ เหมือนกำลังพูดกับพวกเธอ แต่ก็เหมือนพูดพึมพำเองคนเดียว “งั้นแบบนี้ก็มีเรื่องดีเกิดขึ้นพร้อมกันน่ะสิ!”
ว่าแล้ว ทันใดนั้นคุณปภาวีก็เงยหน้าขึ้น แววตาเปล่งประกาย เธอมองญาธิดากับอัญมณีที่นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “งั้นแบบนี้ พวกเธอสองคนก็จัดงานแต่งพร้อมกันเลยสิ!”
อัญมณีอึ้ง “งานแต่ง?”
เธอหันหน้าไปมองญาธิดาอย่างไม่เข้าใจ “เธอจะจัดงานแต่งงานเหรอ?”