ดวงใจภวินท์ - บทที่614 จัดการแต่งพร้อมกันได้
บทที่614 จัดการแต่งพร้อมกันได้
มองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของอัญมณี ญาธิดาก็ไอค่อกแค่กอย่างเขินอาย
เรื่องที่เธอกับธีทัตจะจัดงานแต่งที่เมือง J เธอยังไม่ได้บอกกับอันอัน ไม่คิดว่าอันอันจะรู้เรื่องนี้ด้วยวิธีการนี้……
ญาธิดาลังเลสักพัก แล้วอธิบายเสียงเบาว่า “เพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่อเมริกาพวกเราไม่ได้จัดงานแต่งกัน ดังนั้นตอนนี้บางคนก็ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเรา คิดไปคิดมาแล้ว พี่ชายเธอก็รู้สึกว่าจัดงานแต่งสักหน่อยจะดีกว่า ฉันก็ตอบตกลงแล้วด้วย”
“งั้นก็ดีเลยสิ!” ใบหน้าของอัญมณีตื่นเต้นขึ้นมา “งั้นถึงตอนนั้นพวกเราก็จัดพร้อมกันเลยสิ!”
อัดเพิ่งพูดจบ ความตื่นเต้นบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังแทน “แต่พี่ทัตต้องไม่ตกลงแน่เลย”
เพราะเรื่องที่เธอแอบเอาสมุดทะเบียนบ้านไปจดทะเบียนสมรสกับพายุ เขาก็โกรธมากอยู่แล้ว แล้วจะยอมรับให้พวกเขาจัดงานแต่งพร้อมกันได้ยังไง?
คุณปภาวีที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็แปลกใจ ถามอย่างไม่เข้าใจบ้าง “ทำไมถึงไม่ตกลงล่ะ?”
ญาธิดาถอนหายใจเสียงเบา มองเธอแล้วพูดว่า “แม่คะ แม่ไปดูลูกแฝดก่อนสิคะ เดี๋ยวหนูขอพูดกับอันอันสองคนก่อน”
คุณปภาวีได้ยินแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ งั้นพวกลูกคุยกันเลยนะ”
ว่าแล้ว เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
คุณปภาวีไปแล้ว บรรยากาศทั้งนี้ของพวกเธอก็ผ่อนคลายลงมา ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ตอนนี้พวกเธอจดทะเบียนสมรสแล้ว ฉันว่าเดี๋ยวธีทัตก็ยอมรับได้เอง ตอนนี้เขาอาจจะไม่สบายใจ แต่เดี๋ยวผ่านไปสักพักเขาก็คงดีขึ้น เรื่องงานแต่งไม่ต้องรีบร้อนไป พวกเรารอด้วยกันไปก่อนนะ”
หลังจากที่พูดเกลี้ยกล่อมเธอแล้ว อัญมณีก็ถึงอารมณ์ผ่อนคลายลงมาบ้าง
เพราะอัญมณีไม่ได้มาหาพวกเด็กๆนานแล้ว บวกกับที่คุณปภาวียื้อให้เธออยู่ต่อ เธอก็ถึงอยู่ต่อแล้วเล่นเป็นเพื่อนพวกเด็กๆทั้งวัน
ตกดึก ทางนี้คุณปภาวีเพิ่งทำกับข้าวเสร็จ ทางนั้นอัญมณีก็เก็บของเตรียมกลับ แต่พอไปถึงหน้าประตู ก็ถูกคุณปภาวีที่กระโดดออกมาจากห้องครัวขวางไว้ก่อน
“อันอันจะไปแล้วเหรอ? ยังไม่ได้กินอาหารเย็นเลยนะ!”
อัญมณียิ้มให้กับเธอ แล้วรีบพูดว่า “คุณป้าคะ วันนี้หนูคงต้องกลับก่อนแล้วค่ะ ไว้ครั้งหน้ามาทานอาหารฝีมือของคุณป้าใหม่นะคะ!”
คุณปภาวีรีบพูดเกลี้ยกล่อม “ได้ยังไงกัน? ป้าทำมาทั้งเย็น มีแต่อาหารที่หนูชอบทานหมดเลยนะ หนูนานๆทีจะมา……”
อัญมณีหันไปมองอาหารที่อยู่เต็มโต๊ะ สายตามืดมนลง ญาธิดาเห็นท่าทางเธอแบบนี้ก็กระตุกยิ้มแล้วพูดเสียงเบาว่า “เอาล่ะอันอัน เธอก็อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะ วันนี้ทัตเขาอาจจะกลับมาช้าก็ได้นะ”
อัญมณีรีบไปแบบนี้ เพราะกลัวจะเจอธีทัต ทั้งสองทะเลาะกันที่บ้านเมื่อวาน วันนี้มาเจอกันอีก คงได้ทะเลาะกันอีกแน่
อัญมณีลังเลสักพัก ต่อมาก็กะพริบตาให้เธอ “ได้ ถ้าเจอพี่ทัต เธอก็อย่าลืมช่วยฉันล่ะ!”
ญาธิดายิ้มอย่างเหนื่อยใจ “ได้อยู่แล้ว ฉันตกลงเธอแล้วไง”
ว่าแล้ว เธอก็ลากอันอันไปนั่งกินข้าวบนโต๊ะ
ตอนแรก บนโต๊ะอาหารมีอัญมณีที่พูดเก่งเพิ่มมาหนึ่งคน บรรยากาศการกินข้าวก็ผ่อนคลายลงมาเยอะมาก ลูกแฝดกับเณรศีลสามคนพูดคุยกับอันอัน บนโต๊ะอาหารมีเสียงหัวเราะและพูดคุยไม่ขาดสาย
แต่ใครจะไปรู้ว่าเพิ่งกินข้าวเสร็จ ทันใดนั้นหน้าประตูก็มีเสียงเท้าเดินดังขึ้น ไม่นาน ธีทัตก็ปรากฏขึ้นหน้าประตู เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้ามา
การปรากฏตัวของเขา ราวกับอาวุธที่มีรังสีแผ่ซ่านออกมา ทันใดนั้นทุกคนก็หยุดพูด โดยเฉพาะอัญมณี สีหน้าแย่แล้วกับหนูที่เจอกับแมว
ตอนนี้เอง คุณปภาวีก็เอ่ยถามขึ้นมา “ทัต เลิกงานแล้วเหรอ กินข้าวหรือยัง แม่ตั้งใจอุ่นไว้ในหม้อให้แล้ว……”
สีหน้าธีทัตเย็นชา พูดอย่างจริงจังว่า “กินแล้วครับ”
บ้าแล้ว สายตาเขาก็กวาดตามองไปยังพบเธอ กวาดตามองอัญมณีด้วยสายตาที่เรียบเฉย และไม่มองข้ามญาธิดาเบาๆ
เขาลังเลสักพัก ก้าวเดินไปทางนั้น เดินไปข้างๆญาธิดา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ธิดา คุณกินข้าวเสร็จ ตามผมมาหน่อย ผมมีอะไรจะบอกกับคุณ”
ญาธิดาอึ้งเล็กน้อย เธอพยักหน้าแล้วลุกขึ้นมา
เธอยังไม่ทันได้ก้าวเดินไป ทันใดนั้นอัญมณีที่อยู่ตรงข้ามก็ลุกขึ้นมา พูดกับธีทัตก่อนว่า “ยังไงก็พูดกับฉันเถอะ!”
เธอโมโหมากอยู่แล้ว พอเห็นธีทัตพูดแบบนี้กับเพื่อนสนิทตัวเอง เธอก็ยิ่งโกรธขึ้นมาใหญ่
ธีทัตชะงักฝีเท้า หันไปมองเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เธออยู่ที่นี่แหละอย่าไปไหน”
น้ำเสียงของเขาเข้มงวดมากและยังทรงพลังมากด้วย อัญมณีอึ้งเงียบ ยืนอยู่กับที่พูดไม่ออก
ญาธิดาเดินตามธีทัตไปยังข้างๆระเบียงเล็ก ในใจก็เดาไม่ออกว่าเขาอยากพูดอะไรกันแน่ ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ดีเสียงขอโทษจากชายหนุ่มยังไม่ทันตั้งตัว “ขอโทษด้วยนะ”
ญาธิดาอึ้งจนหันหน้ากลับไปมองธีทัต เห็นสีหน้าเขาเศร้าหมอง สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจและลังเล เขามองดูเธอนิ่งอย่างเข้มงวด
คำขอโทษอย่างจริงใจที่มาจากชายหนุ่มกะทันหัน ทำเอาเธอตั้งตัวไม่ทัน เธออ้าปากแต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี
ตอนนี้เอง ธีทัตก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า “ผมลองมาคิดดูคำพูดของเธอ ผมไม่ควรเข้าไปยุ่งกับความรักของอันอัน ที่ผมทำแบบนั้น เป็นเพราะพี่ชายที่เป็นห่วงน้องสาว กลัวว่าเธอจะบาดเจ็บ กลัวว่าเธอจะเสียเปรียบ ถึงได้กังวลไม่สบายใจและอยากยุ่งกับทุกอย่าง”
“และคำพูดที่ผมพูดกับคุณเมื่อวาน ผมคิดน้อยไปเอง คนเวลาโกรธ จะพูดอะไรออกไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นธิดา คุณจะเข้าใจผมได้ไหม?”
ธีทัตพูดด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงจริงใจ ญาธิดามองดูเขาด้วยจิตใจที่หวั่นไหว แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
และในตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็หยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าอย่างช้าๆ เปิดออกแล้วยื่นให้ญาธิดา เขาพูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นสถานที่จัดงานแต่ง ผมจองเอาไว้แล้ว แต่เป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่มาก ถ้าคุณอยากจัดพร้อมกับอันอัน ผมก็ตกลงนะ……”
ญาธิดาอึ้ง คิดว่าตัวเองฟังผิดไปเสียอีก เธอลังเลไปสองวินาทีแล้วถามอย่างตกตะลึงว่า “งั้นแบบนี้ คุณยอมรับเรื่องของอันอันกับพายุแล้วเหรอ?”
ธีทัตพยักหน้าช้าๆ “อืม เพราะรู้สึกว่าที่คุณพูดมาก็มีเหตุผล”
ได้ยินคำพูดแบบนี้ ญาธิดาทั้งตะลึงทั้งดีใจ เธอยิ้มอย่างร่าเริงแล้วพูดว่า “ดีจังเลย!”
เห็นเธอยิ้ม ธีทัตก็กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วถามเสียงเบาว่า “งั้นยังโกรธผมอยู่ไหม?”
ก้อนหินที่กดทับหัวใจของญาธิดาก็หายวับไปทันที เธออมยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่โกรธแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าคุณอยากให้ฉันหายโกรธโดยใช่วิธีนี้หรอกนะ?”
ธีทัตยิ้ม “ได้ยังไงกัน? ฉันคิดได้แล้วจริงๆ”
ว่าแล้ว เขาก็เดินเข้าไปใกล้เธอ นมตัวลงเล็กน้อยแล้วกระซิบพูดเบาๆว่า “งั้นคุณเตรียมตัวไว้หรือยังครับคุณภรรยา ?”
ญาธิดาตะลึง รู้สึกแปลกใจ ในตอนที่มองดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของชายหนุ่ม ก็อดไม่ได้กระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา ในขณะเดียวกัน แก้มสองข้างของเธอก็ร้อนผ่าวไปด้วย
ทันใดนั้น เขาก็โอบเอวเธอเข้าไปหาเขา ไม่รอเธอตั้งตัว ธีทัตก็เชยคางของเธอขึ้น แล้วโน้มตัวลงไปหาเธอ
ญาธิดาใจเต้นตึกตักเหมือนกลองชุด ทั้งใจสั่นและแปลกใจ แต่กลับไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนสาววัยรุ่นปั๊ปปี้เลิฟเลย และในตอนนี้เอง ประตูระเบียงก็ถูกเปิดออกเสียงดัง ‘ปัง!’ ขัดจังหวะของธีทัตพอดี
“พี่! พี่จะทำอะไรน่ะ! คงไม่ได้คิดรังแกธิดาหรอกนะ!”