ดวงใจภวินท์ - บทที่619 เพราะเธอ ฉันจึงรักคนที่เธอรักด้ว
บทที่619 เพราะเธอ ฉันจึงรักคนที่เธอรักด้วย
“ว่าไงนะ?”
ญาธิดาตกตะลึง ขนาดถุงมือในมือก็ยังไม่ได้ถอด ก็รีบวิ่งไปด้านนอกหน้าประตูใหญ่ มองดูลานบ้านที่ว่างเปล่า นอกจากฟุตบอลบนพื้นหญ้าแล้ว รอบด้านก็ไม่มีเณรศีลอยู่เลย
ญาธิดารีบถามเด็กๆสองคนที่ร้อนรนทำตัวไม่ถูก “เณรศีลไปไหนแล้ว? พวกลูกเห็นไหม?”
“ไม่นะครับ ผมหันมาเขาก็หายไปแล้ว……”
เอลล่าตกใจสะอื้น พูดทั้งน้ำตาว่า “หนูเห็นประตูเปิดเอาไว้ แล้วพี่เขาก็วิ่งออกไป……”
ญาธิดารีบวิ่งไปที่หน้าประตู ก็เห็นประตูเปิดแง้มเปิดออกนิดเดียวจริงด้วย เธอรีบวิ่งออกไปมองซ้ายมองขวา มองดูรอบๆก็ยังไม่เห็นใครเลย!
“ลูกแน่ใจนะว่าไม่ได้ดูผิดไป?”
“ไม่นะครับ/คะ……”
อีธานกับเอลล่าส่ายหน้าพร้อมกัน
ญาธิดารู้สึกใจสั่นขึ้นมา เธออ้าปากรู้สึกคอแห้งมากและส่งเสียงออกมาไม่ได้
ตอนนี้เอง คุณปภาวีก็วิ่งออกมา แล้วถามอย่างร้อนรนว่า “ทำไมเหรอ? มีเรื่องอะไรกัน?”
ญาธิดาอยากจะร้องไห้ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ถ้ารู้แบบนี้เธอน่าจะเฝ้าอยู่ข้างๆดีกว่า ใครจะไปรู้ว่าเธอเพิ่งออกไปแค่ไม่ถึงสิบนาที เณรศีลก็หายไปแล้ว
หรือว่า เขารู้สึกว่าบ้านหลังนี้ไม่ดีพอเหรอ? ดังนั้นเลยตั้งใจวิ่งออกไป?
สมองของญาธิดาแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลย เห็นว่าใกล้ตึกแล้ว วิ่งออกไปตอนนี้ ถึงจะอยากหาก็คงหายากมาก
และในตอนนี้เอง ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เสียงของธีทัตดังขึ้น “ทำไมเหรอ? แต่ละคนมายืนอยู่ข้างนอกทำไมกัน”
ญาธิดารีบหันหน้ากลับไปมองธีทัต แล้วพูดเสียงสะอื้นมาก “เณรศีลหายไปแล้ว……”
“ว่าไงนะ?” ธีทัตขมวดคิ้วเป็นปมแน่น รีบเดินไปข้างหน้าถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ๆถึงหายตัวไปล่ะ?”
อย่าธิดารู้สึกเป็นกังวล น้ำตาไหลออกมาโดยควบคุมไม่ได้ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเพิ่งละสายตาแค่สิบนาที อีธานกับเอลล่าก็วิ่งบ้านบอกฉันว่าเณรศีลหายตัวไป ฉันตามออกไปดู ข้างนอกก็ไม่เจอใครเลย ตอนนี้ก็ใกล้จะค่ำแล้วด้วย เขาจะเป็นอะไรไหม……”
“ไม่ต้องร้อนใจไป ” ธีทัตเดินเข้าไปข้างหน้ายกมือขึ้นปาดน้ำตาให้เธอเบาๆ ต่อมาก็หันหน้ากลับไปมองคุณปภาวีที่ร้อนรนเหมือนกันว่า “แม่ครับ แม่พาลูกแฝดกลับเข้าบ้านก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้หรอกครับ”
คุณปภาวีรีบพยักหน้า จับมือเด็กสองคนที่ดวงตาแดงก่ำเข้าไปในบ้าน
ธีทัตรีบกลับหลังหัน มองญาธิดาอีกครั้งแล้วพูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะออกไปหาเดี๋ยวนี้ เขายังเป็นเด็ก คงยังไปไหนได้ไม่ไกลหรอก และแกรนด์ บูเลอวาร์ดยังม่กล้องวงจรปิดด้วย ผมจะให้ยามเอาวิดีโอมาดู คุณรออยู่ที่บ้านนะ ไม่แน่เขาอาจจะกลับมาเองก็ได้ พวกเรามีระบบรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา”
ญาธิดารีบพยักหน้า ตอนนี้ วิธีการของธีทัตเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
มองดูธีทัตวิ่งออกไป จนกระทั่งไม่เห็นแผ่นหลังของเขาก็ถึงกลับเข้ามาในบ้าน แต่เธอก็กระวนกระวายจนนั่งไม่ไหว
เธอยังไม่ได้ให้เณรศีลกับธีระเจอกันเลย ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คิดไปคิดมาแล้ว เธอก็รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
เธอบอกให้คุณปภาวีกับดร.ยติภัทรพาลูกแฝดไปกินข้าวในบ้านก่อน แล้วตัวเองก็ไปนั่งรอบนโซฟา ตอนนี้ทุกวินาทีผ่านไปช้ามาก ช้าจนเธอรอไม่ไหว
เธอมองดูเข็มนาฬิกาวิ่งหมดหนึ่งรอบ แต่ด้านนอกกลับยังเงียบสนิท ไม่มีเสียงเท้าเดินกับเสียงอื่นเลย
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตู หัวใจยังคงกังวลไม่หาย
ไม่รู้ว่าผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ เธอรู้สึกเมื่อยขามาก ฟ้าก็มืดแล้ว เหมือนความมืดมนครอบงำโลกไว้
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ญาธิดารีบเงี่ยหูฟัง จ้องมองจดจ่อไปที่หน้าประตูใหญ่ และในตอนนี้เอง ก็มีคนปรากฏขึ้นในเส้นทางของเธอ เธอตื่นเต้นจนรีบวิ่งออกไป
เห็นเพียงธีทัตอุ้มเณรศีลที่เป็นลมอยู่ ใบหน้าบวมช้ำและมีเลือดออกมุมปาก รีบเดินเข้ามา
ญาธิดาตกใจจนตัวสั่นเทา รีบวิ่งเข้าไปถามว่า “นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“เข้าบ้านก่อนค่อยพูด”
ธีทัตหายใจหอบ รีบเดินเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เองญาธิดาก็ถึงเห็นว่า กางเกงของเขามีรอยขาดอยู่ และมีเลือดซึมออกมาด้วย
เข้าไปในห้องรับแขก ธีทัตก็วางเณรศีลที่เป็นลมอยู่ลงบนโซฟา เขาขากะเผลก เหมือนไปโดนบาดแผลเข้า เขาเจ็บจนคิ้วขมวดและร้องซี๊ดออกมา
ญาธิดารีบไปเอากล่องปฐมพยาบาลมารักษาแผลให้เขาอย่างรวดเร็ว
ลองดูกางเกงที่มีเลือดซึมออกมาของเขา ญาธิดาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นายอยากขยับ ฉันห้ามเลือดให้นายก่อน”
ธีทัตที่นั่งอยู่บนโซฟา ลังเลสักพัก ก็ไม่ขยับแล้วยอมให้เธอรักษาให้
ญาธิดาตัดกางเกงข้างที่ขาดของเขาออก ตอนที่เห็นแผลบนขาของเขา ก็เบิกตาพร้อมโต้และพูดว่า “นี่…นี่มันแผลจากมีดนี่!”
ธีทัตเหมือนอดทนกับความเจ็บปวดไว้ แล้วพยักหน้า “ใช่”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ญาธิดารักษาแผลให้เขาพลางถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นคลอน
ธีทัตเงียบไปสักพักก็เล่าเสียงเบาว่า “ผมออกไปหารอบๆ ไปถามยามที่หน้าประตูใหญ่ อย่าบอกว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่งลากเด็กผู้ชายออกไป ผมได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ก็เลยรีบตามออกไป ไม่คิดว่าจะไล่ตามทันจริงด้วย! พวกเขามีกันหลายคน ตอนที่ผมตามออกไป ผู้ชายคนนั้นอุ้มเณรศีลเตรียมขึ้นรถ ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรมากก็รีบพุ่งเข้าไป ไม่คิดว่า พวกเขาจะพกมีดด้วย……”
ธีทัตเงียบไปสักพัก แล้วฝืนยิ้มออกมาให้เธออย่างปลอบใจ “แต่ยังดีที่เณรศีลไม่เป็นไร……”
ได้ยินดังนั้น น้ำตาของญาธิดาก็ไหลออกมาเหมือนเม็ดไข่มุก “เป๊าะแป๊ะ” ไหลลงมาไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดหัวใจไปหมด
เธอไม่อยากจะคิดเลย ตอนนั้นเขาเข้าไปต่อสู้กับคนพวกนั้นจะอันตรายมากแค่ไหน เขายอมเสี่ยงอันตรายไปช่วยเณรศีลกลับมา
เธอเอาผ้ามาทำแผลให้เขาด้วยมืออันสั่นคลอน มันก็มองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ อดไม่ได้ถามว่า “ตอนนั้นคุณไม่ชอบเณรศีลไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงยอมออกไปช่วยเขาล่ะ…….”
ธีทัตกระตุกยิ้มมุมปาก น้ำเสียงอ่อนโยนมากขึ้น “เพราะมีประโยคหนึ่งเรียกว่ารักใครก็ต้องรักคนที่เขารักด้วย”
คำพูดนี้เป็นเหมือนหมัดที่ชกเข้าหัวใจของเธออย่างจัง ทำเอาเธอรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
ไม่คิดว่าธีทัตจะยอมทำเพื่อเธอขนาดนี้ แต่เธอกลับคิดที่จะยกเลิกงานแต่งเพราะคำพูดไม่กี่คำของภวินท์ ไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริงๆ!
“ธิดา ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เณรศีลน่าจะถูกพวกเขาวางยาสลบ ให้เขานอนไปก่อน ยาหมดฤทธิ์แล้วเดี๋ยวก็คงตื่นเอง”
ข้างหูมีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ญาธิดาพยักหน้าก้มหน้าลงด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น
ธีทัตว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปข้างๆเณรศีล โน้มตัวลงไปอุ้มเขาขึ้นมา “ผมส่งเขาเข้าห้องนอนก่อนนะ”
ญาธิดาเงยหน้ามองเขา พูดอะไรไม่ออกเลย แค่เดินตามหลังเขาไปเงียบๆ มองดูเขาวางเณรศีลลงบนเตียงในห้องนอน
ต่อมา พวกเขาก็ออกมาจากห้องเงียบๆ ธีทัตปิดประตูลงเบาๆ
มองดูแผ่นหลังของเขา ญาธิดาก็รู้สึกหวั่นไหว อดไม่ได้ขยับเข้าไปกอดเขาไว้จากด้านหลัง “ทัต ขอบคุณมากนะ ”
ต่อมาเธอก็พูดเสียงเบาว่า “ก่อนอาทิตย์หน้า พวกเรามาจัดงานแต่งให้เสร็จกันเถอะ”