ดวงใจภวินท์ - บทที่703 ลงทุนรีสอร์ต
วันที่สอง “สายรบกวน”ของพี่โอ๊ตก็โทรเข้ามาแต่เช้า
“ธิดา รายการเรียลลิตี้โชว์พ่อแม่ลูกให้เราสรุปแผนการวันนี้ เธอคิดดีรึยัง? ”
ญาธิดากำลังกินอาหารเช้าสบายๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงบและสบาย ตรงกันข้ามกับเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลจากปลายสายโดยสิ้นเชิง
“พี่โอ๊ต พี่ก็น่าจะรู้นะ ว่าฉันไม่ได้สนับสนุนให้ลูกๆ เข้าสู่วงการบันเทิง”
“โธ่ คุณผู้หญิง แค่ครั้งนี้ก็ไม่ได้เหรอ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคตของฉันผูกติดอยู่กับเธอนะ” พี่โอ๊ตอยากจะร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
หลังจากนั้นเธอก็ตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ลืมที่จะพูดเสริมว่า “พวกเราต้องมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ในสัญญาจำเป็นต้องเขียนให้ชัดเจนว่าต้องดูจากความต้องการของฉันเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เซ็น”
“ก็ได้ๆๆๆ ”พี่โอ๊ตรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ใช่คนที่สร้างปัญหาแบบไร้เหตุผลอยู่แล้ว และก็ไม่ใช่คนที่สร้างเรื่องยุ่งยากให้คนอื่นต้องลำบากด้วย ก็เลยรีบตอบรับทันที “ตราบใดที่เธอเต็มใจเข้าร่วมรายการเรียลริตี้โชว์ ต่อให้เธอต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า ฉันก็จะเอามาให้”
ญาธิดารู้สึกขำเพราะคำพูดของเขา แล้วก็พูดคุยกันอีกสองสามประโยคแล้วก็วางสาย
เธอมองไปที่ภวินท์ด้วยความสงสัย “ทำไมถึงได้ตอบรับเข้าร่วมโครงการเรียลลิตี้โชว์ด้วยล่ะ? คุณไม่ได้เหมือนคนที่ชอบปรากฏตัวเลยนะ”
“เพื่อบริษัท แล้วก็เพื่อลูกด้วย”ภวินท์ตอบด้วยเสียงเบา
พอได้ยินดังนั้นสายตาของเธอก็ดูไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
“ความร้อนแรงสามารถขับเคลื่อนหุ้นของบริษัทต่อไปได้ และการที่หุ้นขึ้นราคาก็สามารถทำให้บริษัทพัฒนาต่อไปได้ดีขึ้นอีก”ระหว่างที่เขาพูด สายตาก็มองไปที่อีธานกับเอลล่า
“คุณมักจะกังวลว่าตัวตนของพวกเขาจะมีปัญหา ดังนั้นการเปิดเผยตัวตนของพวกเขาต่อสายตาของสาธารณชนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”
พอภวินท์พูดจบ ญาธิดาก็นึกได้ในทันที
ใช่สิ!ทำไมเธอถึงนึกไม่ได้นะ!
อีธานกับเอลล่าคุ้นเคยกับการเป็นที่รู้จักของคนอื่นอยู่แล้ว แค่เกิดเรื่องนิดๆ หน่อยๆ เรื่องราวมันก็จะขยายไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด และข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และเธอก็ยิ่งจะมีโอกาสช่วยเหลือเด็กมากยิ่งขึ้น
ยิ่งเด็กทั้งสองคนเป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่ การจะถูกคนที่เดินตามท้องถนนจำได้ก็ยิ่งมากยิ่งขึ้น คนจริงๆ จะมีประโยชน์กว่ากล้องวงจรปิดยิ่งกว่าอีก
พอเป็นแบบนี้ ไม่มีใครสามารถลงมือจุดชนวน “ระเบิดเวลา”ได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป
“ภวินท์ คุณนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย!”พอเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอก็พึมพำเบาๆ
เสียงมันไม่ได้เบาหรือว่าดังเกินไปแต่ว่าก็พอได้ยิน เขายกยิ้มมุมปากแล้วก็พูดเบาๆ ว่า“ขอบคุณที่ชมครับ”
“ฉันไม่ได้ชมคุณ!” ญาธิดาพูดไม่ออก
พอทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ เธอก็หาเวลาไปที่คฤหาสน์ตระกูลกรเวช พอไม่รับรู้ข่าวสารของอัญมณี จิตใจเธอก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เจออัญมณี และก็ไม่ได้เจอธีทัตด้วย เธอไม่ได้แม้แต่เข้าประตูคฤหาสน์ตระกูลกรเวชไปด้วยซ้ำ
มีเพียงแต่สาวใช้ที่ตอบเธออย่างห่างเหินว่า ช่วงนี้คุณผู้ชายเอาแต่ทำงานล่วงเวลาอยู่ที่บริษัท ส่วนเรื่องคุณหนูนั้นเธอก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
ในคืนวันนั้น พอธีทัตได้ยินว่าเธอมา ก็ตั้งใจส่งข้อความหาเธอ แล้วก็บอกเธอว่าตอนนี้อันอันเตรียมตัวไปแสดงคอนเสิร์ต ก็เลยเอาแต่หลบอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน
พอญาธิดาได้รับข่าวคราวนั้น ถึงได้สบายใจขึ้นหน่อย
รายการเรียลลิตี้นี้เผยแพร่ต่อสาธารณชนในรูปแบบการถ่ายทอดสด เมื่อรถติดกล้องมาถึงที่ลานบ้านของตระกูลสถิรานนท์ก็เริ่มถ่ายทอดสดเลย
ภวินท์ช่วยประคองญาธิดาขึ้นไปบนรถติดกล้องอย่างเป็นสุภาพบุรุษ หลังจากนั้นอีธานกับเอลล่าก็ปรากฏตัวขึ้นมาหน้ากล้อง
เด็กน้อยทั้งสองคนถือกระเป๋านักเรียนญีปุ่นใบเล็ก และก็สวมหมวดรูปเป็นน้อยสีเหลืองที่น่ารัก พอร่างเล็กๆ ปรากฏตัวเข้ามาในเลนส์กล้อง คอมเมนท์ก็คึกคักขึ้นมาในทันที
“เด็กน้อยสองคนดูน่ารักกว่าในรูปโปรโมตซะอีก”
“พอเห็นพ่อกับแม่ก็รู้แล้วว่าทำไมเด็กทั้งสองคนถึงได้น่ารักขนานี้ ยีนของพวกเขาไม่ได้สูญเปล่าเลย
“อยากมีลูกอีกคนจังเลย แงๆๆๆ ”
“มีกลุ่มลักขโมยเด็กไหม ตอนนี้เริ่มลงชื่อกันแล้ว……”
ญาธิดาอ่านคอมเมนท์เกี่ยวกับรายการนี้ในIPAD ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข แม้แต่คนขับรถก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมอีธานกับเอลล่า
บรรยากาศภายในรถนั้นกลมกลืนกันมาก อีธานกับเอลล่าหันหน้าเข้าหากล้องและตอบโต้กับผู้ชมในถ่ายทอดสดเป็นบางครั้งบางคราว
“ทุกคนชอบพี่ชายมากกว่า หรือว่าชอบหนูมากกว่าเหรอคะ? ”
“หนูกับพี่ชายไม่ได้เหมือนกันนะ เขาไม่เชื่อฟังหม่ามี๊เลยแม้แต่นิดเดียว วันๆ เอาแต่อุ้มคอมพ์ไปเล่นทั้งวัน ส่วนหนูน่ะเป็นเด็กดีที่สุดแล้ว”
พอเอลล่าพูดจบ กล้องก็หันไปทางอีธาน แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ยังคงถือแท็บเล็ตที่เอาไว้ทำงานของภวินท์อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังดูอะไรอยู่
และคอมเมนท์ก็เริ่มดุเดือดขึ้นอีกครั้ง “เด็กขนาดนี้ก็ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นแล้ว น่าจะอ่านหนังสือออกเยอะแล้วแน่นอนเลย”
“ลูกคนอื่นนี่ดีจังเลย ฉันที่เป็นคุณแม่มือใหม่รู้สึกอิจฉามากเลยนะ”
“ทีมลักพาตัวเด็กพร้อมเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมจะออกเดินทางไปสถานที่ถ่ายทำ”
พอเห็นว่าทุกคนค่อนข้างจะสนใจในตัวอีธานกับเอลล่า ญาธิดาก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าการเป็นที่รู้จักมากเกินไปนั้นมันจะดีกับเด็กหรือไม่
พอเห็นว่าภวินท์ที่อยู่ข้างๆ ตัวเองนั้นสงบนิ่งมาก เธอก็เลยพยายามบังคับตัวเองให้ลบความคิดแบบนั้นไป
คนขับรถสังเกตเห็นความกังวลของเธอ แล้วก็ปลอบเธอด้วยความหวังดีว่า “คุณผู้หญิงไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกครับ สถานที่ถ่ายทำรายการของเราปิดมิดชิด และสถานที่ที่เราไปเช่าในครั้งนี้ก็คือริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท ความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งในเมือง Jแล้ว”
ญาธิดายิ้มตอบกลับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และรถก็แล่นผ่านเข้าไปในประตูริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท
และครอบครัวทั้งสี่คนก็ลงจากรถและไปรวมตัวกับผู้เข้าร่วมรายการคนอื่นๆ และก็พบกับอีกสองครอบครัวที่เข้าร่วมในรายการเรียลลิตี้โชว์พ่อแม่ลูกเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือชาช่า ดาราหญิงยอดนิยมที่กำลังตั้งครรภ์และสามีที่เป็นผู้จัดการของเธอ
อีกกลุ่มเป็นครอบครัวคนดังทางอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแอพติ้กตอก เมื่อเร็วๆ นี้ ครอบครัวของพวกเขาสามคนมักจะบันทึกวิดีโอคลิปสั้นๆ ของครอบครัว ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนพวกเขากลายเป็นคนดังทางอินเทอร์เน็ตด้วยบรรยากาศครอบครัวที่กลมกลืนและมีความสุข
ตอนที่ญาธิดาลงมาจากรถนั้น เน็ตไอดอลอย่างพี่ยู่ยี่กำลังโชว์สินค้าผ่านกล้อง โปรโมทสินค้าสำคัญของริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท
พอเห็นภวินท์ปรากฏตัวขึ้นที่กล้องด้านหลัง พี่ยู่ยี่ก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
เธอก้าวไปข้างหน้าทันทีพร้อมกับอุปกรณ์ถ่ายทอดสดแบบพกพาของเธอ ยิ้มและพูดกับกล้องว่า: “ทุกท่านคะ นี่คือผู้นำห่วงโซ่อุตสาหกรรมของอุตสาหกรรมต่างๆ ในเมือง J ถ้าเขารับประกันกับทุกท่านขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอะไรให้ต้องกังวลอีกเหรอคะ”
ภวินท์ขมวดคิ้วเข้าหากัน พยายามจะโน้มตัวหลบพี่ยู่ยี่แล้วก็เดินเข้าไปหาญาธิดา “พวกเราพาลูกไปที่ห้องก่อนเถอะ ตอนเย็นน่าจะมีกิจกรรมอย่างอื่นอีก”
ญาธิดาพยักหน้า แล้วสายตาก็มองไปที่พี่ยู่ยี่ แล้วก็ได้เห็นว่าพี่ยู่ยี่กำลังมองมาที่เธอ วินาทีที่ทั้งสองคนสบตากันนั้น ความรู้สึกไม่สบายใจของเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ก็แค่พวกเน็ตไอดอลตัวน้อยที่ไม่สามารถขึ้นเวทีได้ สะสมแฟนคลับได้แสนกว่าคนแค่นั้นก็หางชี้ฟ้าละ แต่ว่าเธอไม่กล้ายั่วเย้าเราโจ่งแจ้งหรอก เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปสนใจเธอหรอกนะ”
เสียงที่หยาบคายเล็กน้อยดังขึ้นในหูของเธอ ญาธิดาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
ชาช่าก็ไม่ได้สนใจว่าเธอจะมีท่าทีตอบสนองยังไง เธอพูดไปด้วยแล้วก็บอกให้สามีของตัวเองเข็นกระเป๋าให้ภวินท์
ญาธิดารีบเข้าไปห้ามเขาแล้วก็พูดอย่างห่างเหินเล็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องเล็กๆ พวกนี้ไม่จำเป็นต้องช่วยก็ได้ค่ะ”
“จะเกรงใจทำไม พวกเรามีเด็กน้อยทั้งสองคนที่ต้องดูแล สามีของคุณคงยุ่งมากเลย ส่วนสามีฉันน่ะไม่ได้จำเป็นต้องเลี้ยงลูกอะไร ว่างจะตาย”