ดวงใจภวินท์ - บทที่803 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
ห้องรับแขกในบ้านพักที่เคยสว่างไสว วันนี้กลับเงียบและมืดผิดปกติ ห้องรับแขกนั้นเงียบจนถ้ามีเข็มตกลงพื้นก็คงจะได้ยินอย่างชัดเจน เห็นเพียงแต่แสงระยิบระยับจากเทียนที่วางอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร
ญาธิดากับภวินท์เดินจับมือกันเดินลงมาชั้นล่าง เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงที่ถูกกดให้ต่ำลงเต็มไปด้วยความประหม่า “หรือว่ามีคนเข้ามาในบ้าน?”
เรื่องครั้งก่อนที่สิงโตและชยินบุกเข้ามาในบ้านพักยังคงฝังใจเธออยู่
ภวินท์บีบมือเธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ แล้วพูดติดตลกเบาๆ “คุณคิดว่าพวกมันจะใจดีถึงขั้นเตรียมดินเนอร์ให้เราเหรอ?”
อาจจะเพราะผู้ชายข้างๆ เธอที่มอบความกล้าหาญให้กับเธอ หรืออาจจะเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำและดึงดูดของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ยังไงก็ตามญาธิดารู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ความตึงเครียดในตอนแรกค่อยๆ คลายลง เพียงสองก้าวก็เดินมาถึงโต๊ะอาหาร
นอกจากอาหารน่าอร่อยที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ยังมีการ์ดสีชมพูอ่อนอีกหนึ่งใบ ตัวหนังสือบนการ์ดบิดเบี้ยว ดูแล้วค่อนข้างน่ารัก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนเขียน
“คุณพ่อคุณแม่ครับ พวกเราไปพักผ่อนก่อนนะครับ นี่คือดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เตรียมไว้ให้ครับ รักนะครับ” พร้อมกับอิโมจิที่น่ารักต่อท้าย
ญาธิดาหัวเราะลั่น ก่อนจะใส่การ์ดเข้าในอกของภวินท์ ก่อนจะกวาดตามองอาหารบนโต๊ะถึงสังเกตเห็นว่า อาหารคืนนี้เป็นอาหารที่ปกติเธอชอบทาน
ดอกทานตะวันที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งไม่ค่อยเข้ากับของที่วางอยู่ยนโต๊ะสักเท่าไหร่ แต่มันเป็นการจัดวางตามความชอบของเธอทั้งหมด
“เจ้าเด็กสองคนนี้เล่นอะไรแผลงๆ อีกแล้ว” น้ำเสียงที่เธอวิจารณ์นั้นกลับเต็มไปด้วยความดีใจ
ท่าทางของภวินท์นั้นสง่าและเป็นสุภาพบุรุษเป็นอย่างมาก เขาลากเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังออกให้เธอก่อน จากนั้นก็ผายมือไปที่เก้าอี้เป็นการ “เชิญ” เธอยิ้มก่อนนั่งลง ก่อนที่กลิ่นหอมหวานของแชมเปญจะลอยมาแตะจมูกของเธอ
“ภวินท์ ดุจากทรงแล้วคุณคงรู้แผนของอีธานและเอลล่าก่อนแล้วใช่ไหม แล้วปิดบังฉันอยู่คนเดียว” เธอแสร้งทำเป็นไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง
ภวินท์ชนแก้วกับเธอเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แยแสอย่างช่วยไม่ได้เล็กน้อย “ถ้าผมรู้ก่อน ก็คงไม่นั่งอยู่ในห้องทำงานนานขนาดนั้นแล้ว”
“ก็จริง” เธอจิ๊ปาก “เห็นว่าลูกทั้งสองเชื่อฟังหรอกนะ จะไม่ถือสาที่พวกเขาปิดบังก็แล้วกัน……” รอยยิ้มที่สดใสปรากฏบนใบหน้าอันบอบบางของเธอ
หลังจากที่ดื่มไปได้ไม่กี่แก้ว ใบหน้าของญาธิดาก็เริ่มเมา หัวของเธอเริ่มหมุนเริ่มเบลอไม่ได้สติ แม้แต่ลิ้นก็เริ่มจะพันกัน
เธอมองไปยังภวินท์ด้วยสายตาที่ขุ่นมัว และพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ทำไมถึงมีภวินท์สองคนกันนะ ozoneสอนวิธีแยกร่างให้คุณด้วยเหรอ?”
ดวงตาของภวินท์เต็มไปด้วยความนุ่มนวล มองท่าทางที่เซไปมาของเธอ แล้วตอบก่อนจะเงียบลง “คุณเมาแล้ว”
น้ำเสียงของเขามีความเอ็นดูที่ไม่อาจรู้สึกได้ แม้แต่ตัวเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ญาธิดาชูนิ้วออกมาก่อนจะส่ายไปมา ก่อนจะตอบกลับมาอย่างไม่ชัดเจนว่า “คุณพูดมั่ว ตอนนี้ฉันดื่มเก่งแล้ว”
ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น หัวของเธอก็ล้มลงบนโต๊ะอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ภวินท์รีบเดินไปตรงหน้าเธอก่อนจะอุ้มเธอขึ้นในแนวนอน กลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวกับกลิ่นหอมหวานของแชมเปญกระจายไปทั่วจมูกของเขา เลือดในร่างกายของเขาไหลเวียนอย่างรวดเร็ว แม้แต่ลมหายใจของเขาก็หนักขึ้นเช่นกัน
หญิงสาวในอ้อมกอดแทบจะไม่รุ้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ข้างๆ หู มุมปากของเธอก็ค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ อดไม่ได้ที่จะถูหน้าเข้ากับหน้าอกอันแข็งแกร่งของเขา “ภวินท์ ตัวคุณหอมมากเลย”
ภวินท์ตอบรับเสียงเบา รู้สึกถึงเพียงเลือดในร่างกายที่เริ่มไหลไปสะสมในที่ใดที่หนึ่ง ม่านตาของเขาหดตัวลงอย่างกะทันหัน เดินขึ้นบันไดเพียงไม่กี่ก้าวก็โยนเธอลงบนเตียงในห้องนอน
เธอเมาจนไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงกันแน่ พอสังเกตเห็นว่าตัวเธอไร้น้ำหนักก็รีบคว้าผ้าบริเวณอกของเขาเอาไว้ ทั้งสองล้มลงพร้อมกันตามความแรง
ญาธิดาบ่นอย่างจับใจความไม่ได้ แอลกอฮอล์ที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอรู้สึกคอแห้ง แขนทั้งสองของเธอโอบรอบคอของเขาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะยื่นริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอไปยังริมฝีปากบางที่เย็นเฉียบของเขา
กิริยาท่าทางทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติมาก ราวกับว่าเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของเธอ
ดวงตาของภวินท์มืดลงเรื่อยๆ เขาพยายามระงับความรู้สึกของไฟที่รุกรานในหัวใจ แล้วพูดเตือนด้วยเสียงที่แหบพร่า “คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
“รู้สิ” ญาธิดาพยักหน้าอย่างไม่มีสติ และพูดพึมพำกับตัวเอง “คุณคือสามีของฉัน ฉันอยากทำอะไร ฉัน……”
เธอยังไม่ทันที่จะพูดจบ จูบที่ไม่ได้ตั้งตัวได้ประกบลงบนริมฝีปากของเธอ เสียงหายใจที่หนักค่อยๆ ดังขึ้นในห้อง บรรยากาศภายในห้องก็ร้อนแรงมากขึ้น
…
ในขณะเดียวกัน คฤหาสน์ส่วนตัวของใครบางคนก็ฟุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ต้นกล้านั้นผล็อยหลับไปแล้ว ในห้องรับแขกเหลือเพียงนิธิศที่สีหน้านิ่งกำลังดื่มเหล้าเพื่อย้อมใจตัวเอง
ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น เขาลุกขึ้นยืนเดินโซเซไปเปิดประตูพร้อมกับยกขวดเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งขวด เมื่อเห็นว่ามีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ยืนอยู่หน้าประตู ก็ผลักเธอเข้ากับผนังอันเย็นเฉียบโดยไม่ทันได้คิดอะไร
มือที่ทาเล็บสีแดงสดวางลงบนอกของเขาในทันที เป็นการหยุดไม่ให้เขาเคลื่อนไหว เสียงเยาะเย้ยของหญิงสาวดังขึ้น “คุณนิดคะ กรุณาลืมตาของคุณมองดีๆ ฉันไม่ใช่ญาธิดาของคุณนะคะ”
พอได้ยินชื่อที่คุ้นเคย นิธิศก็ตัวแข็งทื่อในทันที แอลกอฮอล์ในร่างกายก็หายไปอย่างมากพอสมควร ดวงตาที่มองไม่ชัดค่อยๆ ปรับโฟกัส และมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าอย่างอันตราย “คุณคือใคร?”
หยิงสาวเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะถามกลับอย่างยิ้มไม่ยิ้ม “วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อผู้หญิงของคุณโดยเฉพาะค่ะ คุณนิดไม่คิดจะเชิญฉันเข้าไปนั่งหน่อยเหรอคะ?”
นิธิศจ้องรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะใช้แรงผลักมือขาวๆอันเล็กออกจากหน้าอก หันตัวกลับแล้วเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง
รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเดินตามหลังเขาเข้าไปในทันที ก้าวขาข้ามขวดเหล้าที่อยู่บนพื้น ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาอย่างสง่า
“คุณนิดลงทุนกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้จริงๆ นะคะ ตอนนี้ชีวิตของญาธิดาก็ถือว่าราบรื่นดี แต่คุณกลับดื่มเหล้าเพื่อย้อมใจตัวเองอยู่ในบ้าน ความรู้สึกแบบนี้คงทรมานไม่น้อยสินะคะ”
ดูท่าทางที่ได้ใจของเธอ ความหงุดหงิดในใจของนิธิศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ถึงแม้ว่าผมจะเมา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าใครที่ไหนจะมาจับผมเป็นคนรักได้นะ”
หยิงคนนั้นได้ยินก็หัวเราะ “ที่คุณสามารถปีนไปบนจุดสูงสุดของวงการการเมืองได้ ไม่รู้ว่าเบื้องหลังคุณเหยียบย่ำคนจนตายไปตั้งเท่าไหร่นะคะ คนแบบนี้คงดื่มจนคอแข็งแล้วสินะคะ นิธิศ สุทธิทักษ์ ”
นิธิศมองผู้หญิงตรงหน้า น้ำเสียงเย็นชาผิดปกติ “คุณกล้าสืบเรื่องผม?”
เขาไม่ได้ทำให้หญิงสาวตกใจ แต่กลับยิ่งทำให้เธอจนิ่งมากขึ้น ก่อนจะจับแก้วเหล้าในมือหมุนไปมา “ฉันเสียแรงไปเยอะเลยค่ะกว่าจะสืบเรื่องราวของคุณมาได้ ไม่แปลกใจเลยที่เป็นหนึ่งในสองคนที่มีอำนาจทางการเมืองมากสุดในเมือง J”
“คนที่สืบเรื่องผมอยู่สถานีตำรวจกันหมดแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ผมปล่อยคุณไปได้”
“ที่ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะทำข้อตกลงกับคุณนะคะ แน่นอนว่าฉันก็ต้องทราบรายละเอียดของคุณให้แน่ชัดก่อนสิคะ” หญิงสาวหยุดพูด “ธุรกิจในครั้งนี้จะทำให้คุณได้ญาธิดา คุณไม่มีทางขาดทุนหรอกค่ะ!”
นิธิศส่งสายตาเป็นการตักเตือน แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “สรุปแล้วคุณคือใคร?”
ริมฝีปากสีแดงสดของหญิงยกยิ้มขึ้น มองไปที่เขาแล้วพูดออกมาทีละคำ “นพเก้า”