ดวงใจภวินท์ - บทที่812 ทำไมต้องหึง
ประโยคนี้ของเขาไม่รู้ว่าพูดถึงใคร
แต่ในใจของนพเก้ารู้ดีว่า ภวินท์เชื่อในเนื้อหาของภาพถ่าย และมีรอยแยกที่ไม่เชื่อใจต่อญาธิดาแล้ว
เมื่อเห็นเขาใส่รูปถ่ายลงในลิ้นชัก แสงในดวงตาของเธอก็สลัว เธอกำหมัดและเข้าหาเขาอย่างกล้าหาญ “วินอย่ามีปัญหากับธิดาเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้เลย เรื่องนี้ยังต้องสืบให้ชัดเจน”
“ไม่ต้องสืบหรอก” เขาไขว้ขาเรียวของเขา เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างช้าๆ และน้ำเสียงของเขาก็เยาะเย้ยเล็กน้อย “สิ่งที่ชัดเจนและพบได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องไปสืบ”
เมื่อเธอได้ยินเสียงก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น มือขาวของเธอจับไปที่มือใหญ่ของเขา และเธอก็เอนตัวทั้งตัวไปพิงเขา”ฉันไม่คิดว่าธิดาจะทำเรื่องอย่างนั้นจริงๆ สงสารเด็กน่ารักสองคนที่อยู่ข้างนอก”
เธอถอนหายใจเบาๆ ลุ่มหลงอยู่กับทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ และไม่สังเกตเห็นความรังเกียจในสายตาของภวินท์
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตอบเป็นเวลานาน นพเก้าก็ไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอไม่กล้าที่จะใส่ไฟมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “แม้แต่ฉันก็ยังหาคนที่อยู่เบื้องหลังจดหมายนิรนามไม่ได้ คุณต้องระวังตัวให้มากนะ”
“คุณก็เหมือนกัน”
เป็นเรื่องยากสำหรับภวินท์ที่จะพูดแบบนี้กับเธอ มันเป็นกำไรที่ไม่คาดคิดสำหรับเธอ ความดีใจภายในหัวใจของเธอแทบจะเอ่อล้นออกมาทางปาก และเธอก็ลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง
“วิน ความรักของฉันที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะสนับสนุนคุณโดยไม่ลังเล”
“จริงเหรอ”
ความเย็นชาในเสียงของภวินท์นั้น แทบฟังไม่ออก และก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ เขาก็ใช้มือจับข้อมือของเธอ จากนั้นเงาที่แข็งแกร่งก็ยืนขึ้น เงาสีเทาก็ค่อยๆห่อหุ้มเธอไว้
เมื่อรู้สึกถึงความหนาวเย็นรอบตัวเธอ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเธอก็จับที่มุมโต๊ะข้างๆเธอโดยไม่รู้ตัว เพราะกลัวว่าดวงตาที่สะดุดตาของเขานั้นจะเห็นพิรุธ
“งั้นคุณช่วยบอกผมทีว่าใครคือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังจดหมายนิรนาม?” ริมฝีปากบางของเขาแยกออกเบาๆ และน้ำเสียงของเขานั้นเย็นชามาก
แก้มสีแดงเชอร์รี่ของนพเก้าซีดในทันที และแม้แต่นิ้วของเธอก็เริ่มซีดเพราะออกแรงมากเกินไป เธอไม่กล้าหายใจแรง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ” วิน คุณหมายความว่าอย่างไร ฉัน.. . …”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ รังสีความน่ากลัวบนร่างกายของภวินท์ก็ถูกถอนออกหมด”ฉันหาเหตุผลที่จะสงสัยคุณไม่ได้”
นพเก้ายังไม่หายจากอาการสั่น เธอยังคงกัดฟันแน่นและไม่สามารถหยุดอาการสั่นได้ และฝ่ามือของเธอก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ
เสียงประหม่าของเอลล่าดังขึ้นที่ประตูห้องนั่งเล่น “แม่คะ เอกสารบริษัทของคุณแม่อยู่ในห้องนั่งเล่นได้อย่างไรคะ”
ก่อนจะสิ้นเสียงของเด็กน้อย ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก และทั้งสองคนยังคงรักษาท่าทางเดิมไว้ ผู้ชายยืนตัวตรง ขณะที่ผู้หญิงพิงโต๊ะในท่าที่ยากลำบาก
จากมุมมองของเธอ ดูเหมือนว่าภวินท์กำลังเตรียมจะทำอะไรบางอย่างกับนพเก้า แต่ความตึงเครียดในสายตาของนพเก้าไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ลมเย็นพัดเข้ามาจากประตู ทำให้อากาศเย็นในห้องโถงเย็นลงไปอีก และยังทำให้นพเก้าสงบลงในทันที
เธอรีบเอื้อมมือออกไปผลักภวินท์ออกไป และหลังจากที่ทั้งสองคนถอยห่างออกไป เธอก็รีบจัดชุดของตัวเองซึ่งการกระทำนี้ ทำให้ผู้พบเห็นคิดว่า ทั้งสองกำลังจะทำเรื่องอย่างว่ากันได้
“ธิดา เธออย่าเข้าใจผิดนะ ฉันมาเพื่อส่งเอกสารให้วิน ตอนนี้ของส่งเสร็จแล้ว งั้นฉันก็ไม่รบกวนพวกเธอแล้ว”
ขณะที่พูด นพเก้าก็รีบวิ่งออกจากห้องนั่งเล่นด้วยแก้มแดง จนกระทั่งเธอหายตัวไปจากสายตาของทุกคน เท้าของเธอช้าลง และเธอก็หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันที่บ้านพักอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล
เธอไม่เชื่อว่าญาธิดาจะไม่สงสัยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอในเมื่อครู่นี้
ใบหน้าของญาธิดาดูมืดมนเล็กน้อย และเธอไม่ได้เหลียวแลภวินท์เลยแม้แต่น้อย เธอเดินตรงไปที่ชั้นหนังสือและหยิบสมุดบันทึกเล่มหนาออกมา
นี่คือโน้ตที่เธอจดไว้ตอนไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอนำกลับมาตอนที่เธอกับภวินท์ไปพักที่บ้านพักเก่าในอเมริกาครั้งที่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า แค่มาเอาของเก่าก็ได้เห็นฉากที่อุบาทว์ตาแบบนี้
“ช่วงบ่ายเหนื่อยมากแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเช้าๆเถอะ” เสียงเรียบนิ่งของภวินท์ก็ดังขึ้นในหูของเธอ
มือของญาธิดาชะงักไปชั่วขณะ แม้แต่ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาไม่คิดจะอธิบายฉากในเมื่อครู่
เธอตอบกลับ”อืม”ด้วยความโกรธเล็กน้อย และแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย “เดี๋ยวฉันจะย้ายของพวกนี้ออกไปคราวหน้าจะพยายามไม่รบกวนเวลาของคุณ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นภวินท์ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “คุณกำลังหึงเหรอ?”
เมื่อเธอถูกพูดจี้จุด ภายในใจยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ จับได้ว่าสามีนอกใจ ปฏิกิริยาแรกของเธอนั้นไม่โวยวายหรือซักถามเขา แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัดและหึงหวง และยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดและอับอาย แต่น้ำเสียงของเธอนั้นยังคงสงบจนน่ากลัว
“มีผู้หญิงมาเสิร์ฟถึงที่ฟรีๆแบบนี้ ก็สายเกินที่ฉันจะสุขแล้ว จะหึงไปทำไม คุณภวินท์มีเงินมากมายมหาศาลต่อให้ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย ฉันก็ไม่ว่าอะไร”
ขณะที่เธอพูดอย่างสบายๆ เธอพลิกดูสมุดบันทึกและค่อยๆหันกลับมา แต่กลับกระแทกเข้ากับอ้อมกอดอันแน่นหนาอย่างไม่คาดคิด
ก่อนที่เธอจะตอบสนอง ลมหายใจอันหนาวเหน็บที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยก็ห่อหุ้มเธอไว้แน่นและแขนที่แข็งแรงของเขา ก็กักขังเธอไว้ตรงหน้าชั้นหนังสือ
เสียงของภวินท์นั้น กำลังพยายามข่มอารมณ์โกรธ “คุณไม่สนใจ หรือคุณเตรียมมีสามีใหม่แล้ว?”
สีหน้าตะลึงงันของญาธิดาถูกแทนที่ด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว และเสียงของเธอก็ดังขึ้นสองเท่า เธอถามขึ้นอย่างเย็นชาตรงคอของเขาว่า “คิดจะให้ฉันมีความผิดเดียวกับคุณทันทีเลยเหรอ?”
หลังสิ้นสุดคำพูด และการจูบที่ดุดันของภวินท์ก็ประทับลงไปแล้ว ราวกับว่าเขากำลังระบายอารมณ์บางอย่างทำลายริมฝีปากที่เปียกชื้นของเธออย่างไร้ความปรานี
ญาธิดาอ้ำๆอึ้งๆอยู่หลายคำ และเริ่มขัดขืนขึ้นมา เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากและฟันของเธอถูกเปิดออก ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด และก็หวนนึกถึงฉากที่โต๊ะอีกครั้ง
ถ้าเธอเปิดประตูช้าอีกนิดเดียว เธอก็จะได้เห็นฉากแบบตอนนี้เลยใช่ไหม?!
ความรู้สึกคับข้องใจและความอัปยศที่ไร้ขอบเขตถูกส่งตรงจากหัวใจของเธอไปยังสมองของเธอ และก่อนที่เธอจะสามารถแยกแยะความคิดของตัวเองได้ เธอก็ยกมือขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ และตบไปยังบนใบหน้าเหลี่ยมของภวินท์
หลังจากเสียงกระทบดังก้องในห้องนั่งเล่น ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มตกลงพื้นได้อย่างชัดเจน
เธอน้ำตาคลอเบ้า และริมฝีปากสีชมพูเชอร์รี่ในตอนแรก ตอนนี้กลับแดงมาก ฝ่ามือของเธอยังคงชาเนื่องจากออกแรงมากเกินไป
“ภวินท์ ฉันรังเกียจคุณ!” เธอกัดฟันและค่อยๆพูดออกมาทีละคำ
แสงอันเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาของภวินท์ และเขาถามขึ้นอย่างเจื่อนๆ “คุณเชื่อในสิ่งที่คุณเห็นเหรอ?”
“แม้ว่าสิ่งที่ตาเห็นไม่จำเป็นต้องเป็นความจริง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องปลอมเสมอไป!” เธอยังคงจ้องเขาอย่างโกรธเคือง
ดวงตาของภวินท์มืดมนและเย็นชามากขึ้น เขาจับคางของเธอโดยตรง บังคับให้ดวงตาของทั้งสองสบกันแล้วพูดติดตลกว่า “บอกผมทีว่า บ่ายนี้คุณไปไหนมา……”
“บริษัท”
เธอขาดความมั่นใจเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้โกหก หลังจากที่เธอออกจากร้านอาหาร เธอไปที่ออฟฟิศ ดังนั้นเธอจึงกลับมาหาสมุดบันทึกเก่า
“คุณรู้ไหมว่าข้อมูลที่นพเก้าส่งมาคืออะไร?” จู่ๆเขาก็ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับประโยคก่อนหน้า