ดวงใจภวินท์ - บทที่82 ฉันบริจาคไตไม่ได้
ญาธิดาขดตัวอยู่ในห้องตรวจ ร่างกายเย็นเฉียบไปหมด
เธอกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ ก็ถึงได้สติขึ้นมาบ้าง
ถึงว่าภวินท์อยากแต่งงานกับเธอ ถึงว่าเขาพาเธอมาตรวจร่างกาย ถึงว่าเขาถึงบอกว่าร่างกายของเธอไม่ได้เป็นของเธอคนเดียว……
ที่แท้ เรื่องทุกอย่างก็วางแผนมานานแล้วนี่เอง!
เขาแต่งงานกับเธอก็เพื่อบริจาคไตให้ผู้หญิงที่เขารัก!
ความรู้สึกจุกหน้าอกจนแทบขาดใจตาย ทำเอาญาธิดาหายใจไม่ออก การได้รู้ความจริงสำหรับเธอแล้วเป็นการกระตุ้นที่โหดร้ายมาก แต่ตอนนี้เธอกลับตั้งท้องลูกของภวินท์อีก!
เธอจะไม่ยอมให้พวกเขาสำเร็จแน่นอน! และเธอก็จะไม่มีวันบริจาคไตให้นิวราด้วย! เธอจะพาลูกในท้องของเธอหนีออกไปจากแผนที่น่ากลัวนี้ และหนีออกจากเงื้อมมือของภวินท์ด้วย!
ญาธิดาตัดสินใจและกัดฟันฮึดสู้
พอเสียงด้านนอกเงียบลงแล้ว เธอก็ชะโงกหัวออกไปอย่างระมัดระวัง เห็นว่าด้านนอกไม่มีคนอยู่แล้ว เธอก็รีบเดินออกไปทันที
ตอนนี้เธอจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
เธอรีบเดินไปที่ประตูลิฟต์ เพราะตื่นเต้นเกินไป ฝีเท้าจึงดูเร่งรีบมากกว่าปกติ
ทันใดนั้น ประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก พายุเดินออกมาและเห็นคนท่าทีเร่งรีบ จึงต้องหันไปดู
คนคนนั้นดูคุ้นเคยมาก เหมือนจะเคยเจอที่ไหนมาก่อน
พายุสังเกตดีๆ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
นั่นคือญาธิดานี่!
เธอมาที่นี่ได้ยังไง? หรือเธอจะรู้อะไรเข้า?
พายุร้อนรนใจ รีบกลับหลังหันเคาะประตูห้องผู้ป่วย เปิดประตูเดินเข้าไปข้างๆภวินท์ แล้วกระซิบพูดเสียงเบาว่า “คุณภวินท์ ไม่ได้การแล้วครับ เมื่อกี้เหมือนผมจะเห็นคุณผู้หญิงอยู่ด้านนอก”
ภวินท์เบิกตาโพลง “ว่าไงนะ?”
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่วิน?”
ทันใดนั้นหญิงสาวที่นั่งอาบแดดอ่านหนังสืออยู่ข้างหน้าต่างก็เงยหน้าขึ้น มองพวกเขาอย่างงุนงง
ภวินท์เงยหน้าขึ้น มองดูนิวราที่สวมชุดกระโปรงสีขาวและมีสีหน้าซีดเซียว ก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่มีอะไร แค่เรื่องงานน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ”
นิวราพยักหน้า แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
ภวินท์เดินออกจากห้องผู้ป่วยพร้อมกับปิดประตูด้วย จากนั้นเขาก็มองพายุเพื่อให้เขาพูดต่อได้
“เมื่อกี้ตอนผมออกมา ก็เห็นคุณผู้หญิงเดินไปที่ลิฟต์อย่างเร่งรีบ ผมว่า……”
แววตาของภวินท์มืดมนลง “นายกำลังจะบอกว่า เธอรู้แล้วเหรอ?”
พายุพยักหน้า “ผมว่าน่าจะใช่ครับ”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น เงียบไปสักพักใหญ่ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันกลับไปดูก่อน”
“งั้นทางคุณนิวล่ะครับ……”
“บอกเธอว่าฉันมีธุระ ดึกๆค่อยกลับมา”
พอพูดจบ ภวินท์ก็เดินออกไปทันที
ถ้าญาธิดารู้เรื่องนี้แล้วจริงๆ งั้นแผนการและจังหวะทุกอย่างของเขาก็จะวุ่นวายทั้งหมด เขาจะต้องกลับไป แล้วอธิบายให้เธอเข้าใจ!
……
อีกด้านหนึ่ง ญาธิดานั่งรถแท็กซี่ด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
เธอรู้ความลับนี้เข้าโดยไม่ทันตั้งตัว ก็เลยยังรับไม่ได้
คนขับรถที่เห็นสีหน้าซีดเซียวของญาธิดา ก็รู้สึกกังวลและคอยสังเกตอาการของเธอเป็นระยะ
ในที่สุด ลุงคนขับรถก็อดไม่ได้ถามว่า “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ญาธิดารีบส่ายหน้า กำหมัดแน่นแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ รบกวนขับเร็วหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ตอนนี้เธอแค่อยากกลับไปบ้านพักให้เร็วที่สุด เก็บข้าวของตัวเองแล้วรีบหนีออกจากเงื้อมมือของภวินท์ให้ไว
คนขับรถได้ยินแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เขาเหยียบคันเร่งแล้วขับให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ไม่นาน รถก็มาถึงบ้านพัก ญาธิดาจ่ายเงินแล้วลงรถอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็เดินเข้าบ้านพัก
ยังไม่ทันได้พูดกับป้าจันทร์ ญาธิดาก็รีบเดินไปที่ห้องนอน แล้วหยิบกระเป๋าเดินทางออกมา
ใช้ชีวิตอยู่กับภวินท์แค่ไม่กี่วัน ตอนนี้กลับคิดเพ้อฝันไปไกล แต่ท้ายที่สุด เธอก็ดูออกแล้วล่ะ ว่าทุกอย่างเป็นแค่ฝันร้ายดีๆนี่เอง!
เธอรีบเก็บข้าวของตัวเองยัดลงไปในกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว และน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนั้นเธอยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดี คิดว่าตัวเองแต่งงานกับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ไม่คิดว่าสุดท้ายคนที่โดนหลอกจะเป็นเธอเอง!
เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วดึงคันชักของกระเป๋าเดินทางออกมาได้ครึ่งหนึ่ง ด้านหลังก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น
“ธิดา เธอจะไปไหน?”
ญาธิดาตัวสั่น รีบกลับหลังหันแล้วมองภวินท์ด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
เธอกัดฟัน “นาย…ไม่ต้องเรียกฉันธิดาเลยนะ!”
ภวินท์ขมวดคิ้ว เดินเข้าไปด้วยแววตาที่เรียบเฉย แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อว่า “เธอรู้เรื่องทั้งหมดแล้วเหรอ?”
ญาธิดาหัวเราะด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่งั้นล่ะ? นายคิดจะปิดบังฉันไปถึงเมื่อไหร่?”
“ฉันไม่ได้จะปิดบังเธอเลยนะ” แววตาของชายหนุ่มมืดมนลง “แต่แค่ยังไม่ถึงเวลาบอกเธอน่ะ……”
ญาธิดากำหมัดแน่น หัวใจรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว “แล้วยังไง? นายคิดจะบอกฉันเมื่อไหร่? รอฉันถูกบังคับให้เซ็นเอกสารบริจาคอวัยวะหรือไง?”
แววตาที่เรียบเฉยของภวินท์ในที่สุดก็เปลี่ยนไป เขามองดูหญิงสาวที่มีขอบตาแดงก่ำตรงหน้า ความรู้สึกผิดในใจค่อยๆคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ
เขาไม่ควรปิดบังเธอจนถึงตอนนี้
เขาตามหามานานถึงสองปี ก็ยังหาแหล่งไตที่เหมาะสมกับนิวราไม่ได้ และเธอเป็นคนเดียวที่ช่วยนิวราได้ ถ้ารอต่อไป เกรงว่านิวราคงอดทนรอไม่ถึงวันนั้นแล้วล่ะ
เขาเงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ตอนนี้ มีแค่เธอที่ช่วยฉันได้”
ญาธิดาถอยหลัง มุมปากแสยะยิ้มขึ้นด้วยความขมขื่น ไปนาน เธอก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า “ฉันช่วยนายไม่ได้ ฉันบริจาคไตไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันตั้งท้องแล้ว……”
ภวินท์ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น นานมากก็ยังไม่พูดอะไร
ไม่คิดว่า เธอจะตั้งท้องในเวลาสำคัญแบบนี้
ญาธิดากัดฟัน ทำใจกล้าแล้วพูดว่า “ภวินท์ ฉันจะเลิกกับนาย แต่เด็กคนนี้ ฉันจะเก็บไว้”
เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาอีกแล้ว
พอพูดจบ เธอก็ลากกระเป๋าเดินออกไปด้านนอก
ในขณะที่เดินผ่านเขานั้น แขนของญาธิดาก็ถูกเขาคว้าเอาไว้ ทันใดนั้นก็ถูกเขาลากกลับไป
เธอเงยหน้าขึ้นมองดูแววตาที่มืดมนของชายหนุ่ม
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำปนกับเสียงแหบแห้งพูดขึ้นว่า “ธิดา ช่วยนิวหน่อยนะ นิวเหลือเวลาไม่มากแล้ว”
ญาธิดากำหมัดแน่น ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แล้วลูกในท้องฉันล่ะ?”
ในที่สุดริมฝีปากที่ปิดแน่นของภวินท์ก็ขยับ “เอาออก ฉันจะชดเชยเธอเอง”
คำพูดนี้เป็นเหมือนฟ้าผ่าที่ระเบิดหูของญาธิดาออกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกโกรธแค้นพุ่งขึ้นมายังสมอง เธอสะบัดมือของภวินท์ออก แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “ภวินท์ นี่คือลูกของนายนะ!”
เพื่อช่วยนิวรา เขากลับคิดที่จะแท้งลูกของตัวเองเพื่อให้เธอบริจาคไตให้คนอื่น!
แววตาของภวินท์มืดมนลง เขามองญาธิดาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ฉันจะตอบรับทุกคำขอของเธอ”
ขอแค่เธอยอมช่วยนิว เขาจะยอมรับทุกเงื่อนไขของเธอ
ญาธิดารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจ เธอกัดริมฝีปากแน่น แสยะยิ้มเย็นชา หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ไม่มีทาง ฉันจะไม่ยอมบริจาคไตให้ใครทั้งนั้น!”
พอพูดจบ เธอก็เดินอ้อมเขาออกไปทันที
ภวินท์ขมวดคิ้ว แล้วรีบตามไป “ญาธิดา!”
เธอไม่มีทางใจร้ายขนาดนั้นแน่นอน!
ญาธิดาเดินไปถึงหน้าบันได ก็ถูกคนดึงแขนเอาไว้ เธอกัดฟันกลับหลังหันแล้วผลักเขาออกไปอย่างแรง!
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
หลังจากที่ผลักเขาออกไปแล้ว เธอก็สะดุดถอยหลังไปหลายก้าว ทันนั้นใดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกลงไปโดยควบคุมไม่ได้!