ดวงใจภวินท์ - บทที่84 ฉันขอหย่า
ญาธิดากัดริมฝีปากบาง แล้วพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เขามาเยี่ยมหนูเมื่อกี้แล้วตอนนี้มีธุระนิดหน่อย ก็เลยต้องไปจัดการก่อนค่ะ”
เธอไม่อยากบอกความจริงกับพ่อแม่ ไม่อยากให้พวกเขากังวล ยิ่งไปกว่านั้นยติภัทรยังมีโรคหัวใจด้วย ถ้ารู้ความจริงเข้า คงจะถูกกระตุ้นเอาได้ ดังนั้นเธอปิดบังไว้ก่อนดีกว่า
ได้ยินญาธิดาพูดแบบนี้แล้ว ปภาวีก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอนั่งลงแล้วถามไถ่สารทุกข์สุกดิบลูกสาว สุดท้ายก็ยุ่งอยู่กับการปอกแอปเปิลและเทน้ำร้อน
ใกล้จะถึงเวลาอาหารแล้ว ปภาวีกับยติภัทรก็ยังไม่กลับ ญาธิดาจึงต้องพูดว่า “พ่อคะ แม่คะ พ่อแม่กลับบ้านก่อนไหม เดี๋ยวจะถึงเวลาอาหารแล้วนะคะ”
ปภาวีขมวดคิ้ว ยังอยากจะอยู่เป็นเพื่อนลูกสาว แต่ไม่คิดว่ายติภัทรจะดึงมือเธอก่อน แล้วพูดว่า “พวกเรากลับก่อนเถอะ อยู่ที่นี่จะกระทบต่อการพักผ่อนของธิดาเอาได้”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ปภาวีก็ถึงลุกขึ้น
มือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มของญาธิดาก็กำหมัดแน่น แล้วยิ้มให้กับพวกเขา ทำท่าใจเย็นแล้วพูดว่า “พ่อแม่วางใจเถอะค่ะ มีป้าจันทร์ดูแลหนูอยู่ที่นี่ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ปภาวีพูดอย่างสงสารว่า “พักผ่อนดีๆนะ เดี๋ยวแม่ต้มซุปไก่มาเยี่ยมลูกอีกที”
ญาธิดาพยักหน้า ส่งพวกเขาออกไป
พอประตูห้องปิดลงแล้ว เธอก็ถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อกี้เจอปภาวีกับยติภัทร ความรู้สึกน้อยใจเธอก็พลุ่งพล่านขึ้นมา น้ำตารื้นขึ้นเต็มขอบตา ถ้าพวกเขายังไม่กลับล่ะก็ เธอคงจะร้องไห้ออกมาแล้วล่ะ
ความน้อยใจที่เธอต้องพบเจอ ตอนนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่เข้าใจ
ป้าจันทร์ดูแลอย่างใกล้ชิดมาหลายวัน ในที่สุดญาธิดาก็ลงจากเตียงได้ ร่างกายมีบาดแผลไม่น้อย แต่โชคดีที่ไม่กระทบถึงกระดูก ไม่งั้นตอนนี้เธอคงยังขยับตัวไม่ได้
แต่ช่วงนี้ ภวินท์ไม่เคยมาหาเธออีกเลย ความแค้นที่มีต่อเขาก็เพิ่มมากขึ้นอีก
“ป้าจันทร์คะ ฉันอยากออกไปเดินเล่นหน่อย ป้าไม่ต้องตามมานะคะ”
ได้ยินญาธิดาพูดแบบนี้ ป้าจันทร์ก็ยังไม่สบายใจ เห็นเธอตัดสินใจเด็ดขาด ก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก
พอออกจากห้อง ญาธิดาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ช่วงนี้ เธอใช้เวลาอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้เจอพระอาทิตย์ด้านนอกนานแล้ว
เดินไปถึงประตูลิฟต์ ญาธิดามองดูแผ่นโปสเตอร์โฆษณาในลิฟต์ ก็ถึงรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาลโชคศิริ
ก็คือโรงพยาบาลที่เธอเจอความลับของภวินท์เข้าโดยไม่ทันตั้งตัว และเป็นโรงพยาบาลที่นิวราอยู่ด้วย
พอเข้าไปในลิฟต์ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ญาธิดากัดริมฝีปาก กดลิฟต์ขึ้นไป
เธอจะดูสิว่า นิวราเป็นคนยังไงกันแน่ ถึงทำให้ภวินท์ยอมทำทุกอย่างและปกป้องขนาดนี้
เขายอมทิ้งลูกของตัวเอง เพื่อไปช่วยอีกคนหนึ่ง
เดินออกจากลิฟต์ เธอเดินตามหาด้วยความจำ ก็เห็นพายุยืนอยู่หน้าประตูห้องไม่ไกลมาก
ญาธิดาตื่นเต้น
หรือว่า ภวินท์ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน?
เธอกัดริมฝปาก กำหมัดแน่นแล้วเดินไปข้างหน้า
พายุเห็นเธอเดินมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเข้มงวดทันที “คุณผู้หญิง คุณมา……”
ญาธิดาเดินขากะเผลกไปข้างหน้า มองเขาด้วยท่าทีที่ใจเย็น แล้วพูดว่า “ฉันมาดูหน่อย ได้ไหม?”
สีหน้าของพายุดูลำบากใจ “คุณผู้หญิง……”
ญาธิดาขมวดคิ้ว “ภวินท์อยู่ข้างในเหรอ?”
พายุตอบตามตรง “ครับ”
ญาธิดาได้ยินแล้ว หัวใจของเธอก็หนักอึ้ง
เป็นไปตามที่คิดไว้เลย นิวราสำคัญกับเขามาก เธอกับนิวราอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน เขามาเยี่ยมเธอแค่ครั้งเดียว เวลาที่เหลือก็อยู่กับนิวราตลอด ใครสำคัญกว่า เธอรู้ดีแก่ใจ
“ฉันขอดูข้างนอก ไม่เข้าไปหรอก” ญาธิดากัดริมฝีปาก พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
เห็นแววตาที่ลังเลของพายุ ญาธิดาก็รู้ดี เธอก้มหน้ามองร่างกายที่มีแต่บาดแผลของตัวเอง แล้วถามกลับเสียงเบาว่า “นายคิดว่าสภาพของฉันในตอนนี้ จะทำอะไรพวกเขาได้งั้นเหรอ?”
พายุหมดคำจะพูด ลังเลสักพัก ก็ถอยหลังออกไปช้าๆ
ญาธิดาเดินไปหน้าประตูช้าๆ แล้วเงยหน้ามองเข้าไปในหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็กๆของประตู
บนโซฟาข้างๆหน้าต่างบานใหญ่ ภวินท์กำลังก้มหน้าเปิดหนังสือที่วางอยู่บนตัก หญิงสาวที่มีสีหน้าซีดเซียว กำลังซบอกของชายหนุ่มอยู่ ทั้งสองกำลังอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องจนทั้งสองเปล่งประกาย เป็นเหมือนคู่สร้างคู่สม ดูเหมาะสมจนไม่มีที่ติ
ทันใดนั้น หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดอะไรกับภวินท์สักอย่าง ชายหนุ่มกระตุกมุมปาก แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรอยยิ้ม
เห็นรอยยิ้มของภวินท์ หัวใจของญาธิดาก็บีบรัดโดยไม่ทันตั้งตัว
ในความทรงจำของเธอ ภวินท์เหมือนจะไม่เคยอ่อนโยนกับเธอแบบนี้มาก่อน
เหอะ! รักกับไม่รัก สามารถมองจากสายตาของคนได้
แต่ทำไมเขาต้องแต่งงานกับเธอด้วย? แค่เพราะไตของเธอเหมาะกับนิวราพอดีงั้นเหรอ?
ญาธิดารู้สึกหายใจไม่ออก เธอกัดฟันกรอด เบือนหน้าหนี แล้วกลับหลังหันเดินออกไป
เดินออกไปได้สองก้าว ทันใดนั้นเธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอหันไปมองพายุ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ก่อนที่จะรู้จักฉัน พวกเขาก็รักกันแล้ว ใช่ไหม?”
พายุลังเล เขาชะงักไปสักพัก แล้วตอบเสียงเบาว่า “ขอโทษด้วยครับคุณผู้หญิง ผมตอบคำถามนี้ไม่ได้จริงๆ”
เห็นสีหน้าของเขา ญาธิดาก็แสยะยิ้ม ในใจก็รู้คำตอบแล้วล่ะ
ดูแล้ว การแต่งงานของเธอกับภวินท์ ไม่ได้มีมือที่สามเลย เพราะเธอคือมือที่สามที่เข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นต่างหาก
เธอยังเอาแต่ยึดมั่นกับเส้นตายและหลักการของตัวเอง ตอนนี้พอคิดแล้ว ก็น่าขำสิ้นดี
ภายในห้องวีไอพี
ภวินท์ปิดหนังสือลง กล่อมนิวรานอนหลับ เห็นเธอนอนหลับแล้ว เขาก็ถึงเดินออกจากห้อง
เห็นเขาออกมา พายุก็พูดด้วยสีหน้าลังเล “คุณภวินท์ครับ……”
แววตาของภวินท์เต็มไปด้วยความอ่อนล้า “มีอะไรเหรอ?”
“เมื่อกี้คุณผู้หญิงมาครับ……”
พายุเล่าเหตุการณ์เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนอย่างละเอียด
ภวินท์ขมวดคิ้ว กะพริบตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันไปเยี่ยมเธอก่อน”
ว่าแล้ว เขาก็เดินออกไปทันที
มาถึงหน้าห้องญาธิดา ภวินท์ก็ชะงักฝีเท้าลง เขามองดูหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ ด้วยอารมณ์ที่สับสน
“คุณผู้ชาย มาแล้วเหรอคะ?”
ป้าจันทร์เดินเข้ามาหาเขา
ภวินท์พยักหน้า
ป้าจันทร์พูดตะกุกตะกักว่า “ครั้งนี้ไม่เข้าไปดูเหรอคะ?”
ช่วงนี้ ภวินท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเข้าไปเลย เอาแต่ยืนมองอยู่ข้างนอกแล้วก็ไป
ภวินท์ลังเลสักพัก ในที่สุดก็ยื่นมือไปเปิดประตู แล้วเดินเข้าไปช้าๆ
ได้ยินเสียงเปิดประตู ญาธิดาก็หันหน้าไปมอง พอเห็นเขามา แววตาของเธอก็มืดมนลงเล็กน้อย
ตอนนี้ เธอไม่อยากเจอเขาเลยด้วยซ้ำ
ภวินท์ขยับริมฝีปาก แล้วเอ่ยถามเสียงเบาว่า “ช่วงนี้พักฟื้นเป็นยังไงแล้วบ้าง?”
ญาธิดาตอบด้วยเสียงเรียบๆว่า “ก็ดี”
ภวินท์ชะงักไปสักพัก แล้วถามต่อว่า “ได้ยินว่าพ่อตาแม่ยายมาหลายครั้งแล้ว พวกท่าน……”
ญาธิดาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นว่า “ฉันไม่ได้บอกความจริงกับพวกท่าน และโกหกพวกท่านไปแล้ว นายไม่ต้องกังวลหรอก”
พอพูดจบ ภวินท์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
สักพัก เขาก็เดินเข้าไปใกล้เธอ “ถ้าต้องการอะไร บอกได้เสมอนะ”
เขาติดค้างเธอ เขาจะชดเชยกับเธอช้าๆ
ญาธิดาได้ยินแล้ว ร่างกายก็แข็งทื่อ เธอหันหน้าไปมองภวินท์ด้วยสีหน้าจริงจัง“ไม่ว่าฉันจะขออะไร นายก็จะตกลงใช่ไหม?”
ภวินท์ตอบโดยไม่ลังเล “ใช่”
“ฉันขอหย่า”