ดวงใจภวินท์ - บทที่848 การค้นพบครั้งใหม่
บทที่848 การค้นพบครั้งใหม่
ต้นกล้าก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วก็อ้าแขนให้นิธิศ
ญาธิดาเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปรับของในมือของเขา แล้วก็ช่วยเขาถอดเสื้อคลุมให้เขาและวางไว้ด้านข้างเหมือนภรรยาและแม่ที่ดี “ต้นกล้าต้องคิดถึงคุณมากแน่ๆ เลย พาเขาไปเดินเล่นเถอะ”
นิธิศมองไปดูท่าทางที่อ่อนโยนของเธอ และก็รู้สึกอบอุ่นในใจ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ได้แต่อุ้มต้นกล้าขึ้นมาแล้วก็พาเขาไปที่ศาลาไกลๆ
ญาธิดานั่งลงช้าๆ แล้วก็มองแผ่นหลังของพ่อลูกเดินจากไป อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา แล้วสายตาของเธอก็มองไปที่อลิสา “ประสิทธิภาพของพี่หลุยส์เริ่มช้าลงเรื่อยๆ แล้วนะ”
“ใช่ ทำให้ต้นกล้าที่น่าสงสารของเราต้องลำบากจริงๆ เลย อายุยังน้อยอยู่เลยแต่ต้องมาหัดแสดงละครตามสถานการณ์แล้ว เพื่อซ่อนตัวจากพ่อตัวเอง ต้องแบกรับปัญหามากมายจริงๆ ”ขวัญตาก็รู้สึกเศร้าไปด้วย
ตอนที่ต้นกล้าได้ติดต่อกับอลิสาแรกๆ การรักษาก็เป็นไปได้ด้วยดีมาก แต่ว่าทุกครั้งที่ได้กลับไปอยู่กับนิธิศนั้น อาการของโรคก็กลับมาอีกครั้ง
โชคดีที่ต้นกล้าเป็นเด็กที่ค่อนข้างฉลาด เขาตระหนักได้ว่ามีเรื่องที่มีลับลมคมใน แต่ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม และก็เริ่มปฏิเสธการคบค้าสมาคมกับนิธิศ และสุดท้ายก็แกล้งทำเป็นป่วยเพื่อซ่อนตัวจากนิธิศ
เมื่อเวลาผ่านไป นิธิศก็ระมัดระวังตัวน้อย เพื่อที่จะได้มีข้ออ้างได้ใช้เวลากับญาธิดามากขึ้น แล้วก็ปล่อยให้ต้นกล้ามาอยู่ที่ตระกูลกรเวช
พอต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้หญิงทั้งสองคน อลิสาก็กลอกตาแล้วก็พูดว่า “ฉันคิดว่าเธอน่าจะรีบร้อนรับต้นกล้าไปเลี้ยง ก็เลยเอาแต่เร่งฉันใช่ไหมล่ะ
แล้วก็ธิดาอีก ฉันช่วยเธอแก้ไขปัญหาอันใหญ่โตตั้งสองเรื่องเลยนะ เธอจะไม่ซาบซึ้งใจก็แล้วไป แต่ว่ากลับมาสร้างปัญหาให้ฉันทุกวัน ถ้าเกิดว่านิธิศเป็นคนที่สืบง่ายขนาดนั้น ก็คงไม่มานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้หรอก!”
ตอนแรกเพราะว่าขวัญตาร่างกายได้รับความเสียหาย ก็เลยนำไปสู่ภาวะของการมีบุตรยาก พอเธอเลิกกับธีทัต เธอก็เป็นคนเดียวที่ชักชวนให้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกัน
ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังหาวิธีจะเก็บเทวดาตัวน้อยอย่างต้นกล้าไว้ในบ้านตระกูลกรเวช ให้ขวัญตาไม่ต้องเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถมีลูกได้
แต่ว่าตอนนี้ทุกคนต่างกำลังพากันโจมตีเธอ!เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!
ญาธิดาหัวเราะออกมา แล้วก็รีบโบกมือเพื่อปลอบโยนเธอ หลังจากผู้หญิงสองสามคนนี้พูดคุยหัวเราะกัน อลิสาก็กระแอมแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ความจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าหลุยส์ของฉันสืบไม่เจออะไรเลยนะ”
แล้วผู้หญิงทั้งสามคนก็ขยับเข้าหากันทันที
“เขาได้ข้อมูลแม่ของต้นกล้า……”เธอเหลือบมองไปยังทิศทางที่นิธิศหายไป แล้วก็กระซิบพูดว่า “จากข้อมูลพบว่าผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตด้วยอาการป่วย เหมือนกับว่าจะแนบเนียนไร้ที่ติมาก พวกเราใช้เวลานานมากในการหาเบาะแส เหมือนกับว่ามีคนบงการอยู่……”
พอเธอพูดจบ แล้วก็ส่งเอกสารที่สืบค้นมาได้ไปในอีเมลของญาธิดากับขวัญตา
แม่ของต้นกล้าเป็นลูกสาวข้าราชการชั้นสูงในเมือง J ตระกูลนี้เคยใหญ่โตค้ำฟ้า นิธิศก็เลยแต่งงานเข้ามาในครอบครัวเธอ หลังจากพ่อตาเสียชีวิตไป เขาก็ใช้ทรัพยากรและเส้นสายของพ่อตาเพื่อขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้
จากข้อมูลพบว่าผู้หญิงคนนั้นมีอาการป่วยทางจิตแต่กำเนิด ตอนที่ตั้งท้องต้นกล้า ค่าต่างๆ ในร่างกายก็สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดก่อให้เกิดโรค แต่เพื่อที่จะปกป้องต้นกล้าในท้องของเธอ เธอจึงเลือกที่จะยอมสละการรักษาในที่สุด สุดท้ายจิตใจของเธอก็ไม่สามารถทนรับแรงกดดันได้ และก็เสียชีวิตไปจากการไม่รักษา
“Ozoneเคยสอบสวนมาแล้ว แม่ของต้นกล้าเป็นคนแรกที่มีประวัติการรักษาในตระกูล ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครป่วยทางจิตมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นมาภายหลัง
ยิ่งกว่านั้น ความตายอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วยทางจิตนั้นแท้จริงแล้วเป็นการฆ่าตัวตายด้วยความวิกลจริต ถ้ามารวมกับการสืบสวนครั้งก่อนแล้ว เป็นการยากที่จะระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม”
พอได้ยินอลิสาอธิบายแบบนี้ ศาลาที่ร้อนระอุก็เย็นขึ้นมาทันที
ญาธิดากำโทรศัพท์แน่น แล้วก็พูดตะกุกตะกักออกมา “เรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของนิธิศ……”
“มีความเป็นไปได้มาก!”อลิสาพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่
ในศาลานั้นเกิดความเงียบที่น่าขนลุก บรรยากาศที่กดดันทำให้ผู้คนหายใจลำบาก ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ญาธิดาอดตัวสั่นไม่ได้ แล้วก็ดึงสติกลับมาทันที
โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะหินของเธอนั้นมีเสียงดัง แล้วตัวอักษรที่เขียนว่า “นพเก้า”ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างขัดหูขัดตา แล้วข้อมูลบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมาในหน้าจอ
“ทำไมเธอถึงส่งข้อความมาได้?!”
“นี่คือโทรศัพท์ของนิธิศ……”ญาธิดาชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ตอบมาอย่างเย็นชา นิ้วทั้งห้าของเธอกำโทรศัพท์ไว้แน่น หลังจากเปิดล็อกหน้าจอด้วยรหัสที่อีธานให้มาแล้วนั้น เธอก็วางโทรศัพท์ไว้ตรงกลาง
ข้อความเสียงที่นพเก้าส่งมานั้นดูอึมครึม แล้วก็ดูขุ่นเคือง
“นิธิศ นายจะเอายังไงกันแน่? ทำไมยัยผู้หญิงชั้นต่ำอย่างญาธิดาถึงมาคบกับบอสฉันได้? ”
“ถ้าเกิดว่านายไม่มีความสามารถพาตัวเธอไป ก็อย่ามาโทษที่ฉันจะกำจัดเธอด้วยมือของฉันเองนะ แล้วก็อย่ามาโทษที่ฉันไม่เห็นแก่การที่เราร่วมมือกันครั้งที่แล้วด้วย!”
“พรุ่งนี้บ่ายสาม ฉันจะรอนายอยู่ที่ร้านกาแฟริมน้ำนี่ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะไว้หน้านาย แล้วไว้ชีวิตเธอแล้ว!”
ญาธิดาตั้งค่าข้อความให้กลับไปเป็นว่ายังไม่ได้อ่าน แล้วใบหน้าที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากนั้นก็โยนโทรศัพท์ลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง
ขวัญตาเบะปากแล้วก็เลิกคิ้วมองเธอ “คนอื่นจะฆ่าเธออยู่แล้ว แต่ว่าเธอยังมานั่งสงบอยู่ตรงนี้ได้อีกเหรอ”
“เกาทัณฑ์ลับยากที่จะระวัง แล้วคิดว่าฉันจะหลบหอกที่พุ่งมาอย่างเปิดเผยไม่ได้เหรอ? ”เธอได้ยินดังนั้นก็กลอกตา
หลังจากเล่นมุกเธอก็พูดด้วยท่าทางที่เป็นทางการมากขึ้น “ทางด้านหลุยส์ก็อย่าหยุดการสอบสวนนะ เรื่องของนพเก้าเดี๋ยวฉันจะจัดการเอง ทางที่ดีที่สุดคือใช้หลักฐานในมือล้มเขาลงมาทีเดียว”
ต่อให้เพื่อต้นกล้า ก็จะปล่อยให้นิธิศมีโอกาสได้พลิกตัวไม่ได้เด็ดขาด!
พออลิสาได้ยินดังนั้นก็ตอบสนองทันที แล้วก็ถามด้วยความแปลกใจ “เธอหมายความว่า นพเก้ากลับมาแล้วงั้นเหรอ? ”
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ตอบเบาๆ ว่า “แล้วก็……วิน……”
เมื่อได้ยินเธออธิบายสถานการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้หญิงทั้งสองก็ตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเธอต้องเจอกับประสบการณ์ที่เหมือนเดินเข้าประตูนรก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นิธิศก็พาเด็กกลับมาที่ศาลา ต้นกล้าก็ยังคงมีท่าทีเงียบเชียบเหมือนเดิม แล้วก็ได้แต่สื่อสารสั้นๆ กับคนอื่นเท่านั้น
ขวัญตาดึงเขามาโอบไว้ในอ้อมแขน แล้วก็แอบสำรวจร่องรอยว่ามีการบาดเจ็บหรือไม่ ต้นกล้าแอบดึงชายเสื้อของเธอเบาๆ เหมือนเป็นการบอกเธอว่าไม่ต้องตื่นเต้น เธอถึงได้สบายใจขึ้น
นิธิศยังคงมีท่าทีปกติเหมือนเดิม แล้วก็ขอบคุณอลิสาอย่างสุภาพ แล้วเธอก็ตอบกลับไปว่า “ต่อไปต้องนัดธิดามาอยู่เป็นเพื่อนเด็กบ่อยๆ หน่อยนะคะ อาการของต้นกล้ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ฉันต้องขอโทษด้วยมากจริงๆ ”
“คุณเหนื่อยมาเยอะแล้วจริงๆ นะครับ เจ้าเด็กต้นกล้าคนนี้เนี่ยผ่านมาหลายปีก็ยังไม่ดีขึ้นเลย ผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของคุณเลยด้วยซ้ำ” เขาตอบอย่างถ่อมตนราวกับว่าไม่แปลกใจกับผลลัพธ์
ญาธิดาช่วยสวมเสื้อคลุมกลับไปให้เขา เธอกังวลเล็กน้อยว่าเขาจะกระหายน้ำหรือเหนื่อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นกว้างขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความ แล้วคิ้วของเขาขมวดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แต่ว่าก็กลับมาเป็นปกติในชั่วพริบตา
เธอเห็นทุกอย่างในสายตาของเธอ และสายตาของเธอก็มีประกายขึ้นมา หลังจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “นิด ถ้าอาการของต้นกล้าดีขึ้น พวกเราค่อยพาเขาออกไปเดินเล่นกันนะ”
“อืม……”
เขาตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ ญาธิดาก็ไม่ได้สนใจ ก็เลยเอียงหัวแล้วก็ถามเขาต่อ “พรุ่งนี้ตอนบ่ายคุณมีธุระไหมคะ ฉันอยากพาคุณไปเจอเพื่อนหน่อย”
นิธิศสบตากับเธอ หลังจากคิดอยู่นานก็ปฏิเสธข้อเสนอ บอกว่ามีเรื่องให้ต้องจัดการ