ดวงใจภวินท์ - บทที่91 สะดุดล้ม
พิชญ์สินีเหมือนจะรู้ว่าเธอจะถามคำถามนี้ หล่อนจึงพูดอย่างมั่นใจว่า “ฉันจะตรวจสอบอุปกรณ์โปรเจคเตอร์อีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ไม่งั้นพวกเราไม่มีใครรับผิดชอบไหวหรอกนะ”
ได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ ญาธิดาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอเดินออกจากห้องทำงาน แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องเอกสาร
โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะมีเอกสารลับๆ จะเอาไว้ที่ห้องเอกสารเท่านั้น แบบนี้จะสามารถป้องกันไม่ให้ความลับทางธุรกิจการค้าขายรั่วไหลออกไป รับรองความปลอดภัยของข้อมูลต่างๆ
นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมพวกเขาถึงต้องไปเอาเอกสารแผนการตอนที่แขกใกล้จะมาถึงแล้ว
พอมาถึงห้องเอกสาร ญาธิดาแสดงตัวตน เซ็นชื่ออะไรเสร็จแล้ว พนักงานในห้องเอกสารเอาเอกสารการวางแผนมาให้ จากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่ห้องประชุม
จากห้องเอกสารไปที่ห้องประชุม ไปกลับก็ใช้เวลาเยอะมาก ตอนที่ญาธิดาเดินไปถึงห้องประชุม ตัวแทนแขกก็เพิ่งมาถึงห้องประชุมพอดี ยังไม่ทันได้นั่ง ในห้องก็เลยดูวุ่นวายหน่อย
ญาธิดายืนอยู่หน้าประตู กวาดตามองรอบๆก็ไม่เห็นภวินท์อยู่ ในใจก็แอบถอนหายใจเบาๆ
นีราภากับนวิยา และตัวแทนของบริษัท กำลังเชิญแขกนั่งลงบนที่นั่งที่เตรียมไว้ให้ ญาธิดาถือเอกสารการวางแผนเดินเข้าไป แค่อยากจะแจกเอกสารให้ทุกคนเสร็จเร็วๆ ก็เลยไม่ทันสังเกตรอบๆ
เธอเดินไปข้างหน้ายังไม่ถึงหน้าโต๊ะประชุม ทันใดนั้นเธอก็สะดุดล้มลงไปข้างหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว
เสียงดังขึ้น ‘โครม!’ เธอล้มลงไปบนพื้น เอกสารการวางแผนในมือก็กระจายออกไปคนละทิศคนละทาง
ทุกคนที่ต่างก็พูดคุยกันเสียงเบาพอได้ยินเสียงแล้ว ก็รีบหันหน้าไปมองกันหมด
“อืม ตามทำตามที่ฉันว่าเลย”
ภวินท์กันไปสั่งพายุ พอเดินเข้าไปในห้องประชุม หันไปดูก็เห็นญาธิดาล้มอยู่กับพื้น ท่าทางดูไม่ได้เลย แถมเอกสารยังตกกระจายเต็มพื้นอีก
เห็นสีหน้าที่แปลกใจของแขก สีหน้าของเขาก็มืดมนลงมาทันที
ตอนเช้าพายุก็มารายงานกับเขาแล้วว่า ญาธิดากลับมาทำงานแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอจะมาเซอร์ไพรส์เขาแบบนี้
ทุกคนในห้องประชุมเงียบกันไปหมด ญาธิดาฟุบอยู่ที่พื้น ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด เธอยังคงตะลึงอยู่
ทันใดนั้น ด้านข้างก็มีเสียงรองเท้าหนังเดินมา เสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วหยุดลงข้างๆเธอ
ภวินท์โน้มตัวลงไปเล็กน้อย เขาจ้องมองเธอด้วยแววตามืดมน น้ำเสียงเย็นชาแต่กลับมีความโกรธปนอยู่ด้วย “เธอจะลุกขึ้นมาเมื่อไหร่?”
ได้ยินเสียงนี้แล้ว ญาธิดาก็เหมือนตื่นขึ้นจากฝัน เธอรีบตั้งสติแล้วลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นก็รีบเดินเก็บเอกสารการวางแผนอย่างรวดเร็ว
น่าอายจริงๆ! ญาธิดาอยากจะหาปี๊บมาคลุมหัวตัวเองจริงๆ
เธอกัดริมฝีปากบาง รีบเก็บเอกสารอย่างร้อนรน จากนั้นก็ก้มหน้าแจกจ่ายเอกสารการวางแผน
ห้องประชุมเริ่มมีเสียงพูดคุยดังขึ้น บรรยากาศก็ผ่อนคลายลง
ญาธิดาใบหน้าแดงก่ำ ฝืนทำใจเย็นแล้วแจกจ่ายเอกสารในมือ ในตอนที่เดินไปถึงข้างๆแขกตัวแทนที่มา ทันใดนั้นคนคนนั้นก็มองตัวเองแล้วยิ้มให้กับเธอ จากนั้นก็พูดขอบคุณเธอด้วยภาษาไทยที่ยังพูดไม่ค่อยคล่อง “ขอบคุณครับ”
ญาธิดาได้ยินแล้ว ความตื่นเต้นก็ผ่อนคลายลงบ้าง เธอยิ้มให้กับเขาแล้วพูดภาษาฝรั่งเศสตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
ได้ยินเธอพูดภาษาฝรั่งเศส แววตาของแขกตัวแทนคนนั้นก็เปล่งประกายขึ้นมา เขายิ้มแล้วถามกลับว่า “คุณพูดภาษาฝรั่งเศสเป็นเหรอครับ?”
ญาธิดายิ้มอ่อนๆแล้วพยักหน้า “เคยเรียนในมหาลัยมาบ้างค่ะ”
ในมหาลัยเธอเลือกเรียนสองวิชา เรียนพวกภาษากลุ่มย่อย เธอเลือกวิชาเอกเป็นภาษาฝรั่งเศสและญี่ปุ่น แม้จะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่การสื่อสารก็ถือว่าได้นิดหน่อย
แขกตัวแทนได้ยินแล้วก็พยักหน้าชมเธอ “เก่งมากเลยนะครับ”
แล้วก็ถามต่อว่า “ขาคุณเป็นยังไงบ้างครับ?”
ญาธิดาก้มหน้าลงไปมองเข่าที่แดงก่ำของตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเขินอาย “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
ทั้งสองใช้ภาษาฝรั่งเศสคุยกัน และดึงดูดสายตาของคนในห้องประชุมมาด้วย
ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองดูแก้มที่แดงระเรื่อและดวงตาที่เปล่งประกายของหญิงสาว ในใจก็หนักอึ้งโดยไม่รู้ตัว
ไม่คิดว่าเธอจะพูดภาษาฝรั่งเศสเป็นด้วย น่าแปลกใจจริงๆ
อีกด้าน พิชญ์สินีเห็นแขกตัวแทนคุยกับญาธิดาอยู่ ความอิจฉาในใจก็เปลี่ยนเป็นความแค้นช้าๆ
ตอนแรกเธอตั้งใจอ่านข้อมูลของแขกและยังฝึกภาษาฝรั่งเศสง่ายๆมาด้วย ไม่คิดว่าจะไม่ได้ใช้ แต่ญาธิดากลับคุยกับแขกอย่างเป็นกันเองได้!
ญาธิดาแจกจ่ายเอกสารเสร็จ ก็ถอยไปข้างๆ เตรียมตัวเดินออกไป
แต่ทันใดนั้น ภวินท์ก็หันหน้ามาแล้วเดินไปที่เธอ
รับรู้ได้ถึงสายตาของชายหนุ่ม ญาธิดาแกล้งทำเป็นใจเย็น แล้วเบือนหน้าหนี
เห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของเธอ ภวินท์ก็ขมวดคิ้วเป็นปม เขาไอกระแอมแล้วพูดว่า “ญาธิดา เธออยู่ก่อน มาทำบันทึกการประชุมก่อน”
เธอรู้ภาษาฝรั่งเศส ก็ต้องเหมาะสมกว่านีราภาและนวิยาที่ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศส
ญาธิดาได้ยินแล้วก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็ได้สติแล้วตอบตกลง “ค่ะ”
เห็นญาธิดาได้อยู่ต่อ พิชญ์สินีก็รู้สึกไม่พอใจ ก็นั่งข้างๆเธอไม่ยอมออกไป
การประชุมเริ่มต้นขึ้น หลังจากทั้งสองฝ่ายคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ตัดเข้าประเด็นหลัก และเริ่มคุยเรื่องโครงการนี้
ญาธิดาตั้งใจฟังอย่างมาก แต่การประชุมก็มีการแปลภาษาด้วย จดบันทึกจุดสำคัญ ฟังที่นักแปลพูดอีกที ก็เลยจดเนื้อหาหลักๆทัน
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า การประชุมก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย บรรยากาศภายในห้องก็ดูคึกคักขึ้นมา ตัวแทนทั้งสองฝ่ายต่างก็พยายามรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ต่างก็แอบมีความขัดแย้งกันบ้างทั้งลับๆและเปิดเผย
น้ำเสียงของแขกตัวแทนเด็ดขาดมาก “ครั้งนี้พวกเรามาเมือง J เอาความจริงใจมาเต็มที่ เทคนิคตอนนี้ของบริษัทเรา เทียบเท่ากับอันดับสูงสุดในวงการนี้บริษัทเราก็มอบหมายภารกิจให้พวกเรา ราคานี้เป็นไพ่ตายสุดท้ายของเรา”
คุณชญาดลของแผนกการตลาดที่บริษัทส่งมาต่อรอง หลังจากต่อรองกันอยู่นาน เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นมีความสามารถมากกว่า
สถานการณ์ใกล้เข้าจุดเดือดเต็มที คุณชญาดลมองไปที่ภวินท์ด้วยแววตาร้องขอความช่วยเหลือ
ภวินท์มีสีหน้าเข้มงวด แววตาใจเย็นจนเหมือนไม่ใจร้อนอะไรเลย เขาพูดอย่างเชื่องช้าว่า “พวกเราเห็นความจริงใจของบริษัทคุณแล้ว แต่ราคานี้ไม่เป็นไปตามที่เราคาดไว้เลย พวกคุณก็น่าจะเข้าใจนะ พวกเราไม่ได้มีแค่บริษัทพวกคุณเป็นตัวเลือกเดียว ที่เลือกบริษัทของพวกคุณ ก็เพราะพวกเรายังมีอนาคตในการร่วมงานอีกเยอะ ผมคิดว่า ราคานี้ไม่ใช่ไพ่ตายของพวกคุณหรอก อย่างน้อย ก็น่าจะลดลงกว่านี้”
เขาว่าแล้ว ก็ชูสามนิ้วให้พวกเขา
แขกต่างชาติหน้าตากันเลิ่กลั่ก เห็นได้ชัดว่ากำลังลังเลอยู่
“ผมให้เวลาพวกคุณกลับไปคิดก่อน นี่ก็เป็นราคาที่เราสามารถรับได้”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่กลับไม่ได้ทำให้ความเข้มงวดของเขาลดลงเลย สายตาที่เฉียบขาดแม่นยำของเขา แค่คำถามทดลองใจก็รู้ไพ่ตายของอีกฝ่ายแล้ว เป้าหมายชัดเจน ท่าทีเด็ดขาด ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้พูดอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่า เขาทำการบ้านมาดี และคาดเดาไพ่ตายของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ
เขายกมือขึ้น ให้ลูกน้องของตัวเองเงียบลง และให้เวลาพวกแขกตัวแทนได้คิดพิจารณา
ภายใต้สายตาที่เงียบงันของทุกคน แขกตัวแทนก็กระซิบคุยกัน เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรกันอยู่
ในที่สุด พวกเขาก็พยักหน้ายอมรับ
ญาธิดามองดูใบหน้าที่เข้มงวดของภวินท์ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วขึ้น
ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นท่าทีตอนที่เขาทำงานมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นภาพที่เขาเจรจาเรื่องธุรกิจบังคับให้อีกฝ่ายตกลงข้อเสนอของตัวเองมาก่อนเลย ไม่คิดว่า เขาจะเก่งกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก
เหมือนรับรู้ได้ถึงสายตาของเธอ ภวินท์ก็หันหน้ามาเล็กน้อย และกำลังมองไปที่ญาธิดาอยู่