ดวงใจภวินท์ - บทที่972 โลกของคนสองคน
ดวงใจภวินท์ บทที่972 โลกของคนสองคน
แต่พึ่งจะมีความสุขได้ไม่นาน พอนึกถึงเรื่องระเบิดเวลาที่ข้อเท้าของภวินท์ขึ้นมานั้น ญาธิดาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
“ใช่สิ จรณ์ คือว่าวินเขา……”
ญาธิดาเล่าเรื่องระเบิดให้จรณ์ฟัง สีหน้าของจรณ์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาย่อตัวลงหน้าภวินท์เพื่อตรวจสอบดู หลังจากนั้นก็ยืนขึ้น พร้อมกับส่ายหน้าและขมวดคิ้ว “ผมก็ยังไม่เคยเห็นระเบิดรุ่นนี้เลย……น่าจะพึ่งพัฒนามาได้ไม่นานเท่าไหร่”
ญาธิดามองเขา แล้วก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน “คุณไม่มีวิธีเลยเหรอ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีหรอกนะ แต่ถ้าเกิดอยากจะปลดระเบิดออกมาอย่างปลอดภัย พวกเราต้องใช้เวลาหน่อย”จรณ์ปลอบใจเธอ
ตามขั้นตอนทั่วไป ก็แค่ต้องถอดสายไฟที่เกี่ยวข้องในระเบิดออกเพื่อหยุดไม่ให้ระเบิด แต่ความยากลำบากมันก็อยู่ตรงนี้แหละ ภายนอกของระเบิดลูกนี้มันแข็งมาก ยากที่จะทำลายออก
และพวกเขาก็ไม่สามารถสำรวจข้างในของมันได้ แล้วถ้าเกิดพยายามใช้แรงเปิดออกล่ะก็ ต้องเสี่ยงที่จะระเบิดอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าญาธิดาเข้าใจในสิ่งที่จรณ์พูดดีอยู่แล้ว แต่เธอก็แค่รู้สึกกระวนกระวาย เพราะถึงยังไงมันก็เป็นลูกระเบิดที่มีความเสี่ยงจะระเบิดได้ตลอดเวลา เธอหวังว่าภวินท์จะได้หลุดออกมาจากวิกฤตนี้อย่างเร็วที่สุด
จรณ์เดินเข้าไปตบไหล่เธอเบาๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าเกิดว่ากลับไปถึงเมือง Jเมื่อไหร่ พวกเราต้องมีทางออกอย่างแน่นอน”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามเก็บความกังวลของตัวเองไป แล้วก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เรื่องของตระกูลสมิทได้บทสรุปแล้ว บวกกับเรื่องระเบิดที่ข้อเท้าของภวินท์อีก คนกลุ่มนี้ก็ไม่มีกระจิดกะใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปนานๆ พวกเขาเก็บกระเป๋าแล้วก็จองตั๋วเครื่องบินกลับเมือง Jไฟล์ทที่เร็วที่สุด
ระหว่างทางนั้น สีหน้าของญาธิดาก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก บรรยากาศภายในรถก็ค่อนข้างอึดอัด
พอมาถึงสนามบิน จรณ์ก็ไปเช็คอิน และเด็กน้อยทั้งสองคนก็เข็นกระเป๋าเดินทางของตัวเองไปจุดตรวความปลอดภัย แต่พอพึ่งจะตรวจกระเป๋าเสร็จ หันกลับมาก็ไม่เจอภวินท์กับญาธิดาแล้ว
ตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ นึกว่าเดี๋ยวสองคนนั้นคงกลับมา แต่จนถึงขั้นตอนการตรวจตั๋ว เด็กน้อยทั้งสองคนก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา
โทรไปก็ไม่มีคนรับสาย
ตอนที่ทั้งสามคนกำลังจะยกเลิกการขึ้นเครื่อง และไปตามหาญาธิดากับภวินท์นั้น อีธานก็พบข้อความที่ติดอยู่กับกระเป๋าเดินทาง
พอเขาอ่านข้อความจบ ก็ขยำกระดาษและโยนลงถังขยะด้วยสีหน้าที่ไม่มีอะไรจะพูด “พวกเราไปกันเถอะ”
เอลล่ากะพริบตา “พ่อทิ้งไว้เหรอ?”
อีธานพยักหน้า “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก พวกเรากลับเมือง Jกันเองเถอะ”
เอลล่าก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย ถือกระเป๋าเตรียมจะขึ้นเครื่องบินไปกับจรณ์
อีธานมองย้อนกลับไปที่ล็อบบี้สนามบิน แล้วก็แอบบ่นอุบอิบอยู่ในใจ ถ้าอยากจะอยู่ในโลกที่มีกันแค่สองคนก็บอกออกมาสิ ทำไมต้องอ้อมค้อมแบบนี้ด้วย
……
อีกทางด้านหนึ่ง ญาธิดาก็ถูกภวินท์ลากออกมาจากสนามบิน
ภวินท์เดินเร็วมาก ญาธิดาถูกเขาจูงจนเดินตามไม่ทัน “วิน……เดี๋ยวก่อน คุณพาฉันออกมาทำไมเนี่ย?”
ภวินท์เหลือบมองเธอพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ออกมาแต่ละครั้ง ผมจะพาคุณไปเดินเล่น”
เขารู้สึกว่าช่วงนี้ญาธิดาเครียดมาก ก็เลยอยากจะพาเธอออกมาผ่อนคลายหน่อย”
“พวกเราไม่กลับเมือง Jกันแล้วเหรอ?”ญาธิดาถาม
ภวินท์ตอบโดยที่ไม่ได้หันหน้ามาด้วยซ้ำ “ช่วงนี้ยังไม่กลับ”
ตอนนี้ในใจของญาธิดามันเต็มไปด้วยเรื่องระเบิดที่ข้อเท้าของภวินท์ แน่นอนว่าเธออยากจะกลับให้ถึงเมือง Jให้เร็วที่สุด และแก้ไขเรื่องนี้ให้จบ “ฉันว่าพวกเรากลับไปกันเถอะดีไหม? ระเบิดลูกนั้น……”
ภวินท์ไม่แม้แต่จะหยุดเดินเลยด้วยซ้ำ “ห้ามพูดเรื่องนี้ชั่วคราว พวกเขายังต้องใช้เวลาเพื่อหาคำตอบว่าใครเป็นคนพัฒนาระเบิดนี้ขึ้นมา มันไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอก”