ดั่งรักบันดาล - บทที่ 345 เขาเป็นเจ้าของบ้าน
เจียงฮ้วนเฉินเปล่งเสียง ” หึ ” ออกมา สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ” ไม่มีอะไร ”
เขาพูดพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์
พอเห็นท่าทีของเขาแบบนี้ หร่วนซือซือก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจของเธอก็คาดเดาบางอย่างได้
ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นเขาสัมผัสได้ถึงต่อมโมโหของเจียงฮ้วนเฉิน วันนี้ถ้าจะให้เขายอมเซ็นสัญญาคงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
หลังจากรอไปสักพัก พอเห็นว่าเจียงฮ้วนเฉินไม่มีทีท่าที่จะสนใจเธอเลย หร่วนซือซือก็ยิ้มจากนั้นก็เก็บของออกจากที่นั่นไป
หลังออกจากกองถ่ายละคร หร่วนซือซือก็มุ่งหน้าไปที่ศูนย์โรงพยาบาลหลักเพื่อไปเยี่ยมศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิว ตอนที่ทานข้าวเย็นด้วยกัน เธออดไม่ได้ที่จพถามผู้เป็นพ่อออกไปว่า ” พ่อคะ แม่คะ พ่อกับแม่เคยคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นกันไหมคะ ”
คุณหลิวที่กำลังพูดเรื่องอื่นอยู่พอได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไป จากนั้นก็หันไปมองเธอ และถามขึ้นอย่างอ่อนโยนและละเอียดอ่อนว่า ” มีอะไรรึเปล่า? ลูกอยากย้ายไปอยู่ที่อื่นหรอ? ”
” เปล่าค่ะ……”
หร่วนซือซือกระวนกระวายกับคำถาม ” หนูก็แค่ถามเฉยๆค่ะ ”
ศาสตราจารย์หร่วนหัวเราะและพูดขึ้นว่า ” เมืองเจียงโจวก็ดีมากอยู่แล้ว การใช้ชีวิตก็ไม่ได้รวดเร็วอะไร ปัจจัยพื้นฐานก็มีครบ อีกอย่างพ่อกับแม่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มากว่าครึ่งชีวิตแล้วและยังไม่เคยมีความคิดว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ”
หร่วนซือซือพยักหน้า คำที่อยากจะพูดก็ไม่สามารถพูดออกจากปากได้
ทันใดนั้น ก็รู้สึกอุ่นๆตรงหลังมือ ศาสตราจารย์หร่วนยื่นมือมาจับมือเธออย่างอบอุ่นพร้อมกับพูดว่า ” ซือซือลูก ตอนนี้พ่อก็ไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลโดยเร็ววัน ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข ชีวิตนี้ของพ่อก็ถือว่าสมบูรณ์แบบแล้ว ”
คุณนายหลิวพูดแทรกขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม ” นี่คุณอย่าพูดแบบนี้สิคะ! ต้องรอจนกว่าซือซือของเราจะแต่งงาน หน้าที่ของเราถึงจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ! ”
ศาสตราจารย์หร่วนพูดขึ้นว่า ” ถ้าลูกสาวของพ่อเจอคนที่ชอบก็แต่งงานได้เลย แต่ถ้าไม่เจอพ่อก็ยินดีจะเลี่ยงลูกไปตลอดชีวิต! ”
” ไม่ได้นะคะ ฉันไม่อยากเห็นลูกสาวตัวเองแก่จนขึ้นคาน ถ้าถึงเวลาก็เป็นเหมือนแม่เลยเจอคนที่ชอบก็แต่งเลย ทั้งชีวิตก็……”
คุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วนสลับกับพูดไปมา ทั้งสองคนเข้าสู่โหมดเถียงกันทันที
หร่วนซือซือที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาพร้อมกับมองดูฉากตรงหน้าด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ
ถึงแม้ว่าคนในครอบครัวจะเถียงกันเสียงดัง แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และรู้สึกมีความสุข
แต่ว่า……
เมื่อนึกถึงหนึ่งชีวิตเล็กๆที่อยู่ในท้องของเธอ ในใจของหร่วนซือซือก็มีกระแสแห่งความอบอุ่นผุดขึ้นมา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ใช้มือลูบที่ท้องของตัวเองเบาๆ
ตอนนี้พอมาคิดๆดูแล้ว ถ้าจะพาศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิวไปจากที่นี่คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกท่านอาศัยอยู่ที่นี่มามากกว่าครึ่งชีวิต พวกท่านจะละทิ้งความรู้สึกผูกพันเหล่านี้ไปได้อย่างง่ายๆได้อย่างไรกัน
แต่ว่า พอคิดกลับกัน ถ้าเธอไปจากที่นี่คนเดียวและทิ้งพ่อกับแม่ไว้ที่เมืองเจียงโจว เธอก็ไม่สบายใจ
พอคิดแบบนี้สลับไปสลับมา หร่วนซือซือก็ปวดหัวมากขึ้น
เธออยู่คุยกับศาสตราจารย์หร่วนจนดึก หลังจากที่กล่อมท่านนอนแล้ว เธอถึงได้กลับบ้านไป
เมื่อกลับถึงอพารท์เมนต์ หร่วนซือซือเปิดประตูพลางคิดถึงเรื่องพวกนั้นในหัว เธอเปลี่ยนรองเท้าและยังไม่ทันจะได้เปิดไฟ จู่ๆเธอก็ได้ยินเหมือนมีเสียงเล็กๆดังมาจาดตรงโซฟา
เธอสะดุ้งตกใจ เดิมทีที่รู้สึกสบายๆก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที เธอมองไปทางนั้นด้วยความตกใจ มองเห็นเงาดำๆของคนหนึ่งตรงโซฟาอย่างสลัวๆ
เธอหยิบไม้กวาดที่อยู่ข้างๆขึ้นมา น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย ” ใคร? ”
หรือว่าหัวขโมย? แล้วหัวขโมยมันเข้ามาได้ยังไง? เมื่อสักครู่ตอนที่เธอเปิดประตู ประตูก็ล็อกไว้เป็นอย่างดี
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและเตรียมกำลังจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า ก็มีเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางนั้น ” ฉันเอง ”
หร่วนซือซือสะดุ้งเล็กน้อย สักพักเธอก็เดินไปเปิดสวิตท์ไฟตรงทางเข้า
ทันทีที่เปิดไฟ ห้องก็สว่างไสวขึ้นมาทันที เธอถึงมองเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่อยู่บนโซฟาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอวี้อี่มั่วนั่นเอง!
ใจของหร่วนซือซือที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายค่อยๆสบายใจขึ้น แต่สักพักก็ดึงสติกลับมาได้ ” คุณ……คุณมาอยู่ในบ้านของฉันได้ไง? ”
อวี้อี่มั่วนั่งพิงโซฟา และพูดขึ้นว่า ” เธอแน่ใจนะว่านี่คือบ้านของเธอ? ”
ถึงพูดตามความจริง เขาต่างหากที่เป็นเจ้าของบ้านตัวจริงของบ้านหลังนี้
หร่วนซือซือชะงัก และรู้สึกได้ถึงความผิดปกติไปของอวี้อี่มั่ว เขาพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงและดูเหมือนอ่อนแอ……
เธอรวบรวมความกล้าและเดินเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตูลง เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นว่า ” คุณ…..เป็นอะไร? ไม่สบายหรอ? ”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า ” ไปเอากล่องยามาทำแผลให้ฉันที ”
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น หร่วนซือซือก็รีบสำรวจร่างกายเขาทันที และก็สังเกตเห็นว่าแขนเสื้อสีขาวข้างซ้ายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยสีแดง
เมื่อเห็นอวี้อี่มั่วยืดตัวตรงและเตรียมจะถอดเสื้อ เธอเลยยกมือขึ้นจับที่ไหลของเขาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า ” อย่าขยับ ฉันทำให้เอง ”
เวลานี้ถ้าเขายังขยับไปมาอยู่ เกรงว่าจะกระทบกับแผลของเขาได้
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น สายตาของเขาก็หยุดมองหร่วนซือซือนานมาก สุดท้ายเขาก็ไม่ขยับและยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
หร่วนซือซือหยิบกรรไกรออกมา และตัดแขนเสื้อออก จากนั้นก็ค่อยๆเปิดผ้าก๊อซออกอย่างระมัดระวัง
เผยให้เห็นบาดแผลของเขาซึ่งผ่านการเย็บมาแล้ว แต่มีเลือดไหลออกมาเยอะมาก แลดูน่ากลัวเล็กน้อย
หร่วนซือซือพยายามไม่ให้มือสั่น และล้างแผล ทายา และทำแผลให้เขาใหม่อีกรอบ
ลังจากที่ใช้ผ้าก๊อซปิดแผลเรียบร้อยแล้ว เธอค่อยรู้สึกโล่งอก เธอเงยหน้ามองอวี้อี่มั่ว ” บาดของคุณนี้ได้มายังไงกันแน่? แล้วทำไมไม่ไปโรงพยาบาล? ”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วพร้อมกับเงยหน้ามองเธอ และพูดขึ้นว่า ” ฉันกระหายน้ำ ”
หร่วนซือซือ “……”
ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น หลังจากนั้นหนึ่งนาทีหร่วนซือซือก็ยอมแพ้ จากนั้นเธอก็เดินไปรินน้ำให้เขาอย่างไม่มีทางเลือก
อวี้อี่มั่วรับน้ำมา แบะจงใจพูดว่า ” ขอบคุณ ”
หร่วนซือซือที่หันหลังเตรียมจะเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ” คืนนี้ เธอคงต้องยอมให้ฉันนอนค้างที่นี่ด้วยคืนหนึ่ง ”
” อะไรนะ?”
หร่วนซือซือระเบิดอารมณ์ออกมาทันที เธอจ้องหน้าเขา ” อวี้อี่มั่ว แม้ว่าคุณจะเป็นเจ้านายฉัน แต่ที่นี่คือบ้านของฉัน คุณจะมากินอยู่ที่นี่อย่างสบายใจแบบนี้ไม่ได้”
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น เขาก็กระพริบตาและหัวเราะพร้อมกับพูดว่า ” เธอเคยคิดไหมว่าฉันเข้ามาในบ้านเธอได้ยังไง ”
หร่วนซือซือนิ่งไป และรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อวี้อี่มั่วเข้ามาในบ้านเธออย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาเรื่อยๆ หนึ่งครั้ง สองครั้ง และทุกครั้งที่เขาเข้ามาก็ไม่เคยใช้กุญแจเลย……
” คุณ….ขโมยกุญแจของฉันแอบปั้มไปกุญแจใช่ไหม? ”
” ฉันเลวขนาดนั้นเชียวหรอ? ”
อวี้อี่มั่วค่อยๆลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาเธอ
หร่วนซือซือเดินถอยหลัง ” งั้นคุณเข้ามาได้ยังไงกันแน่? ”
เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของเธอ อวี้อี่มั่วก็ยิ้ม และค่อยๆโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเธอว่า ” เพราะว่าฉันเป็นเจ้าของบ้าน ”
” อะไรนะ! ”
หร่วนซือซือเบิกตากว้าง และรีบปฏิเสธทันที ” เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ”
อวี้อี่มั่วยิ้ม และพูดอย่างใจเย็น ” เป็นไปไม่ได้งั้นหรอ? แล้วเธอคิดว่าเงินจำนวนแค่นั้น จะได้อยู่บ้านทั้งหลังในราคาแค่นั้นงั้นหรอ?
ทันใดนั้น หร่วนซือซือถึงกับพูดไม่ออก
ตอนนั้นที่เธอเริ่มเช่าบ้านหลังนี้ครั้งแรก เธอเองก็แปลกใจว่าทำไมราคาบ้านถึงได้ถูกขนาดนี้……