ดั่งรักบันดาล - บทที่ 358 เจตนาฆ่าคน
“อะไรนะครับ?” ซ่งเย้อันตกตะลึง นึกว่าตนเองฟังผิดไป “ซือซือครับ เมื่อครู่นี้คุณพูดว่าอะไรนะครับ?”
หร่วนซือซือยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว มือขวาสัมผัสเข้าที่หน้าท้องไปมา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า “คุณหมอบอกว่าเป็นครรภ์แฝดค่ะ”
เมื่อซ่งเย้อันได้ยินดังนั้นแล้ว นัยน์ตาเป็นประกายแวววับขึ้นมาทันที สีหน้าตื่นเต้นปีติ “จริงหรือครับ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาแล้ว หร่วนซือซือจึงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกหงัก
“ยอดไปเลยครับ!” ระหว่างคิ้วของซ่งเย้อันยังคงแสดงความปีติไม่หยุด เขาคว้ามือของหร่วนซือซือมาจับเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “ฝาแฝดชายหญิง คุ้มสุดๆไปเลยครับ!”
เมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจของเขาแล้ว หัวใจของหร่วนซือซือมีความรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซ่งเย้อันดีต่อเธอและครอบครัวของเธออย่างไร้ที่ติด ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือเรื่องที่เธอจากเมืองเจียงโจวเท่านั้น อีกทั้งยังช่วยวางแผนให้กับศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิวเป็นอย่างดีอีกด้วย
เขาจริงใจต่อเธอจริงๆ เธอมองเห็นแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว จมูกของเธอแสบร้อนขึ้นมาทันที ก่อนที่ในดวงตาจะก่อเกิดหยาดน้ำตาขึ้น
ซ่งเย้อันเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งค้าง ทันใดนั้นเองสีหน้าก็เริ่มเลิกลั่กขึ้นมาทันที “ซือซือครับ คุณเป็นอะไรไปน่ะ?”
หร่วนซือซือส่ายหน้าไปมา ก่อนจะสูดอากาศเข้าลึกๆแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เย้อันคะ ขอบคุณคุณมากๆจริงๆนะคะ”
เมื่อซ่งเย้อันได้ยินดังนั้นแล้ว จึงยกยิ้มไปมา ก่อนที่จะเผยสายตานุ่มลึกออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ซือซือครับ ผมอาสาที่จะดูแลคุณเอง ผมเพียงแค่คิดว่าคงจะมีสักวัน ที่คุณสามารถรับผมได้”
หัวใจของหร่วนซือซือกระตุกสั่นไหว ช้อนสายตาขึ้นสบมองนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แต่ทว่าจู่ๆภายในสมองกลับมีใบหน้าของชายอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นในทันที
ในเวลานั้นเอง ราวกับว่ามีน้ำเย็นๆหนึ่งถาด สาดเข้ามาที่ศีรษะของเธอโดยตรงทันที ทำให้ในช่วงเวลานั้นเธอจึงรู้สึกตัวขึ้นมา
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะสบมองไปที่ซ่งเย้อัน แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า “เย้อันคะ อาจจะมีวันใดสักวันหนึ่ง แต่ทว่าตอนนี้ฉันนั้น……”
พูดไป เสียงของเธอก็หยุดชะงักไป ก่อนที่จะเอ่ยอะไรออกมาไม่ออกแล้ว
“ผมเข้าใจครับ” นัยน์ตาของซ่งเย้อันฉายประกายทุกข์ระทมครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยเสียงเบาว่า “ผมไม่รีบ อีกอย่างผมยอมที่จะรอครับ”
เมื่อหร่วนซือซือได้ยินดังนั้นแล้ว ความรู้สึกผิดที่มีต่อซ่งเย้อันภายในหัวใจกลับยิ่งลึกขึ้นไปอีกมากโข
ตอนนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นเลยจริงๆ อยู่ในต่างแดน ที่พึ่งได้ก็มีเพียงแค่ซ่งเย้อันเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อรอถึงเวลานั้นแล้ว ที่ติดค้างเรื่องความรักใหญ่หลวงในครั้งกับซ่งเย้อันนั้น เธอจะต้องคืนเขากลับไปอย่างแน่นอน!
อีกอย่างเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น เธอจะค่อยๆลืมเลื่อนเขาไปอย่างช้าๆ และลบเขาออกไปจากโลกของตนเองทั้งหมดเอง
หร่วนซือซือไม่รู้เลย ชายหนุ่มที่เธอยังคงลืมไม่ได้อยู่คนนั้น ก็ไม่เคยลืมเลื่อนที่จะค้นหาเธอเลย
ในประเทศ ที่คฤหาสน์ในเจียงโจว
เย่หว่านเอ๋ออยู่ในห้องนอนกำลังงุนงวงอยู่กับการเลือกสรรและเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ เหตุผลเป็นเพราะว่าเมื่อยี่สิบนาทีก่อน อวี้อี่มั่วโทรศัพท์มาหาเธอ บอกว่าจะมาหาเธอ
นี่เป็นครั้งรกหลังจากที่หมั้นกันแล้วที่อวี้อี่มั่วเป็นฝ่ายมาหาเธอที่บ้านของเธอก่อน ยังไงๆเธอก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย อีกอย่างต้องไม่ให้ดูสบายเกินไป และต้องไม่ให้ดูจริงจังเกินไป
เปลี่ยนชุดติดต่อกันมาสองสามชุดแล้ว เมื่อครู่นี้เธอพึงจะสวมใส่กระโปรงชุดสีม่วงอ่อนไว้บนกาย ประตูห้องกลับมีเสียงเคาะประตูจากหญิงรับใช้ดังลอยเข้ามาพอดี “คุณหนูคะ คุณอวี้อยู่ที่ชั้นล่างเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เย่หว่านเอ๋อได้ยินดังนั้น ก็รีบกุลีกุจอลากซิปกระโปรงขึ้นในทันที ก่อนจะจัดแจงทรงผม หลังจากนั้นจึงแสร้งทำเป็นนิ่งเฉยแล้วออกมาจากห้อง เดินมุ่งตรงลงบันไดไป
เย่หว่านเอ๋อพึ่งจะลงมาจากชั้นสอง ก็มองเห็นชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในประตูทันที เธอยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยิ้มต้อนรับ น้ำเสียงใสหวานดังขึ้นมาว่า “พี่มั่วคะ!”
อวี้อี่มั่วมีสีหน้าเคร่งขรึม ช้อนสายตาขึ้นไปสอบมองเธอ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณลุงคุณป้าไม่อยู่หรือ?”
เย่หว่านเอ๋อเดินเข้าไปหา ก่อนจะตรงเข้าไปคล้องแขนเขาด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ “คุณพ่อกับพี่อยู่ที่บริษัทกันหมดเลยค่ะ คุณแม่ไปเล่นไพ่แล้ว ให้ฉันเรียกพวกเขากลับมาไหมคะ?”
“ไม่ต้อง” นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเข้มขึ้น ก่อนที่นัยน์ตาโหดเหี้ยมทำให้คนจับไม่ได้จะฉายเป็นประกายออกมาครั้งหนึ่ง “แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว”
เย่หว่านเอ๋อได้ยินดังนั้น ภายในใจกลับปีติ ใบหน้าและแก้มเป็นเส้นแดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
ดูท่าแล้ว อวี้อี่มั่วคิดออกแล้วจริงๆสินะ ที่จะร่วมใช้ชีวิตบนโลกนี้กับเธอสองคน
เธอรีบเรียกคนรับใช้ให้มาเสิร์ฟชาเสิร์ฟผลไม่ทันที ก่อนที่จะดึงอวี้อี่มั่วให้ตรงไปทางโซฟาไปพลาง
ทันใดนั้นเอง เธอหวนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า “ถ้าไม่อย่างนั้น……พี่มั่วคะ พี่ไปที่ห้องของฉันไหมคะ ที่นั้นเงียบ……”
สีหน้าของอวี้อี่มั่วไม่แปรเปลี่ยน ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟา “ไม่ต้องหรอก พี่มาหาเธอ มีเรื่องที่จะต้องทำ”
เย่หว่านเอ๋ออดที่จะถามขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า “เรื่องอะไรงั้นหรือคะ?”
อวี้อี่มั่วไม่ได้เอ่ยอะไร ก่อนที่จะช้อนสายตาสบมองไปที่ทางประตู เย่หว่านเอ๋อเห็นดังนั้นแล้ว จึงสบมองตามสายตาของเขาไป
ที่ประตู ฮั่นชวนถูกชายสองคนจับมือไขว้หลังจะขนาบข้างซ้ายขวา สีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย
เย่หว่านเอ๋อตกตะลึง ทันใดนั้นเองสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปสบมองอวี้อี่มั่วแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พี่มั่วคะ พี่ทำอะไรงั้นหรือคะ?”
“หว่านเอ๋อ เธอจำเรื่องเมื่อเดือนก่อนได้ไหม เรื่องรถมอตอไซค์ที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูบริษัทน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว สีหน้าของเย่หว่านเอ๋อแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานนัก เธอจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ทำไมงั้นหรือคะ?”
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่นัยน์ตาแหลมคมจะสบมองไปยังฮั่วชวน “นั่นไม่ใช่อุบัติเหตุหรอก แต่มีคนเจตนาจงใจต่างหากล่ะ”
เมื่อได้ฟังเขาเอ่ยขึ้นมาแบบนี้แล้ว แผ่นหลังของเย่หว่านเอ๋อแกร็งแข็งขึ้นมาทันที เธอบีบมือเข้าหากันแน่ ช้อนสายตาขึ้นสบมองไปยังฮั่นชวน นัยน์ตาเป็นไปด้วยประกายเย็นยะเยือกเล็กน้อย
สองวินาทีหลังจากนั้น เธอแสร้งทำเป็นตกใจ ก่อนจะสบมองไปยังอวี้อี่มั่วแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เรื่องนั้นมีความเกี่ยวข้องกันกับฮั่นชวนอย่างไรหรือคะ?”
น้ำเสียงเย็นชาของอวี้อี่มั่วเอ่ยขึ้นมาว่า “ให้เขาพูดเองเถอะ”
สีหน้าของฮั่วชวนเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย เมื่อช้อนสายตาสบมองไปที่เย่หว่านเอ๋อแล้ว นัยน์ตาจึงฉายประกายทุกข์ระทมขึ้นมาทันที เขาสูดอากาศเข้าลึกๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาแม้แต่ครึ่งคำ
เย่หว่านเอ๋อกัดฟันแน่น ภายในใจกลับคาดเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ตอนนี้อวี้อี่มั่วไม่พูดไม่จาแต่กลับสั่งคนสองคนไปจับฮั่วชวนมามัดเอาไว้แล้ว สามารถพูดได้ว่าในมือของเขากำหลักฐานเอาไว้อยู่แล้วแน่ๆ หากเมื่อถึงตอนนั้นแล้วฮั่นชวนสารภาพออกมาล่ะก็ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็จะถูกเปิดโปง!
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว แผ่นหลังของเย่หว่านเอ๋อจึงมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ หันสายตาไปสบมองอวี้อี่มั่วเร็วๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะแสร้งทำเป็นโกรธและลุกขึ้นยืนตัวตรง แล้วสาวเท้าเข้าไปหาฮั่วชวนอย่างรวดเร็ว
“ฮั่นชวน! เกิดอะไรขึ้นกับคุณกับแน่!”
ฮั่นชวนเงยหน้าขึ้นสบมองเย่หว่านเอ๋อ ก่อนที่จะขยับริมฝีปากไปมา ก่อนที่จะหยุดคำที่อยากจะเอ่ยขึ้นเอาไว้อีกครั้ง
เย่หว่านเอ๋อขมวดคิ้ว ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “คุณทำอะไรกันแน่คะ? ถึงทำให้พี่มั่วโกรธมากขนาดนี้? อีกอย่างเรื่องรถมอเตอร์ไซค์นั้นมันยังไงกันแน่?”
พูดไป เธอจึงถือโอกาสที่กำลังหันหลังให้กับอวี้อี่มั่วอยู่นั้น ใช้สายตาสบมองไปยังฮั่วชวน
ฮั่นชวนได้รับสัญญาณแล้ว ก่อนจะสูดอากาศเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง แล้วก้มหน้าหลุบตามองพื้น หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหนูครับ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ผมก็ไม่มีอะไรที่จะต้องแก้ตัวแล้วครับ”
เย่หว่านเอ๋อกำหมัดเข้าหากันแน่น มีโทสะจนสีหน้าแดงก่ำ “คุณ……ทำอะไรกันแน่?”
ฮั่นชวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาทีละคำทีละคำว่า “ผมเป็นคนวางแผนเรื่องรถมอเตอร์ไซค์เองครับ เดิมทีอยากที่จะให้บทเรียนสักหนึ่งบทเรียนกับยายหร่วนซือซือคนนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆคุณหนูก็โพล่มา ขวางหน้ารถให้กับเธอ….ดังนั้นแล้ว ที่คุณได้รับบาทเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทั้งผมดเป็นความผิดของผมเองครับ”
เมื่อเย่หว่านเอ๋อได้ยินดังนั้นแล้ว จึงแสร้งทำเป็นตกตะลึง ก่อนที่จะหันไปสบมองอวี้อี่มั่ว “พี่มั่วคะ……เขาพูดจริงหรือเปล่าคะ?”
อวี้อี่มั่วส่งเสียงหึเย็นๆออกมา ก่อนที่นัยน์ตาเย็นยะเยือกจะฉายให้เห็น “ให้บทเรียนงั้นหรือ? ฉันเห็นแกมีเจตนาจงใจจะฆ่าคนเสียมากกว่า!”
ตั้งแต่ที่รู้สึกแปลกๆกับฮั่นชวนในครั้งนั้นแล้ว เขาก็ส่งคนไปตรวจสอบมันทันที ใครจะรู้ล่ะว่ากล้องวงจรปิดกลับจับภาพของมันที่เคยขับรถผ่าน ในวันที่เกิดเรื่องมอเตอร์ไซต์ขึ้นในวันนั้นที่ใกล้ๆกันกับบริเวรอวี้กรุ๊ปได้ ดังนั้นจึงสืบตามรอยไป ก็พบว่ามันกับไอ้คนขับรถมอเตอร์ไซค์นั้นพบกัน……
เรื่องทั้งหมดเขาจับต้นชนปลายเอาไว้ได้หมดแล้ว ถึงกล้าที่จะมาที่คฤหาสน์ของตระกูลเย่เพื่อมาหามัน
นึกไม่ถึงเลยว่า มันกลับรู้สึกสบายๆ ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรก็ยอมรับสารภาพไปแล้วเสียงอย่างนี้
อวี้อี่มั่วลุกขึ้นยืน มีท่าทางบีบบังคับคนและเดินตรงไปหามัน เมื่อเดินไปหยุดที่ด้านหน้าของมันแล้ว จึงเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกขึ้นมาว่า “แกบอกฉันมา ทำไมแกถึงคิดอยากที่จะให้บทเรียนแก้หร่วนซือซือ?”
มันไม่มีความโกรธแค้นอะไรกับหร่วนซือซือเลยแม้แต่น้อย ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องไปทำร้ายเธอ นอกเสียจากว่า……
อวี้อี่มั่วหันศีรษะ สายตาเย็นยะเยือกสบมองไปยังเย่หว่านเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้าง