ดั่งรักบันดาล - บทที่ 375 ไปซื้อตั๋วมาสองใบ
ผู้จัดการเหอตกใจไปกับอวี้อี่มั่วด้วย รีบมองไปทางที่เขากำลังมองอยู่ แต่ทางนั้นเป็นเพียงผู้คนที่เข้าแถวรอเข้าสวนสนุก ไม่มีอะไรแปลกเลยนี่นา
เขารวบรวมความกล้าแล้วถามไปว่า : “ท่านประธานอวี้ มี…มีอะไรเหรอครับ?”
อวี้อี่มั่วยืนอยู่ที่เดิม เขาเพ่งมองไปทางนั้นอย่างไม่ละสายตา เขาหรี่ตาลง มองไปยังผู้หญิงที่ใส่เสื้อฮู้ดสีขาวคนนั้น
เป็นเธอ ความรู้สึกของเขาไม่ผิด
นี่เป็นเพียงการมองผ่านๆเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงจำแผ่นหลังของเธอได้ทันที
มองเห็นสองเด็กที่อยู่ข้างๆหร่วนซือซือ อวี้อี่มั่วก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก หันหน้าไปสั่งตู้เยี่ยว่า : “ไปต่อแถวซื้อตั๋วมาสองใบ”
ตู้เยี่ยอึ้งไปเล็กน้อย นึกว่าตัวเองฟังผิดไป : “ท่านประธานอวี้?”
อวี้อี่มั่วหันกลับมา มองหน้าตู้เยี่ย แล้วพูดขึ้นว่า : “ไปซื้อตั๋วมาสองใบของนายกับของฉัน”
ตู้เยี่ยดูแล้วเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงรีบพยักหน้าแล้วตอบกลับ : “ครับ”
ผู้จัดการเหอที่ยืนอยู่ข้างๆก็งงไปกันใหญ่ มองตู้เยี่ยที่รีบไปต่อแถวซื้อบัตรอย่างจริงจัง เขาจึงทักขึ้นเสียงเบาว่า : “ท่านประธานอวี้ คุณไม่จำเป็นต้องซื้อบัตรนี่ครับ……”
สวนสนุกเมืองเจียงโจวทั้งหมดคือธุรกิจภายใต้อวี้กรุ๊ป เขาคือท่านประธานทั้งคน ไม่เหมาปิดทั้งงานก็ช่างแล้ว นี่ยังต้องไปซื้อบัตรเหรอ?
อวี้อี่มั่วยิ้มขึ้นที่มุมปาก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบว่า : “ผู้จัดการเหอ มีเรื่องให้คุณไปทำนิดหน่อย”
“……”
ผ่านไปหลายสิบนาที หร่วนซือซือที่จูงมือเซินเซินและซาซาต่อแถวอยู่นั้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่เห็นข้อความตอบกลับจากซ่งเย้อันเลย
หรือว่าเขาจะมาไม่ได้จริงๆนะ แล้วที่เธอไปรับประกันกับเซินเซินและซาซาไว้ล่ะ ไม่เท่ากับตบหน้าตัวเองหรอกเหรอ?
เธอถอนหายใจเบาๆ มองแถวที่ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แล้วก็ก้มลงมองสองเด็กที่ต่อแถวจนเริ่มเหนื่อย ในใจก็แอบรู้สึกผิดลึกๆ
ถ้าเธอพาทั้งสองไปเข้าแถวตั้งแต่แรก ป่านนี้ก็คงจะได้เข้าไปแล้วมั้ง
“แม่ครับ เมื่อไหร่เราจะได้เข้าไปครับ!”
เซินเซินเงยหน้าขึ้นถาม แล้วทำปากจู๋
เธอหยิบทิชชูออกมาซับเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากของเซินเซิน ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง : “โทษนะครับ ใช่คุณหร่วนหรือเปล่าครับ?”
หร่วนซือซือได้ยินแล้วก็หันหน้ากลับมามอง เห็นผู้ชายร่างอวบคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มให้เธออยู่
หร่วนซือซืออึ้งไปชั่วครู่ : “คุณคือ?”
“ผมเป็นคนดูแลพื้นที่สวนสนุก คุณเรียกผมว่าผู้จัดการเหอก็ได้ครับ ”
ผู้จัดการเหอยื่นนามบัตรให้เธอไปหนึ่งใบ
หร่วนซือซือรับบัตรมา อ่านรายละเอียดด้านบน แล้วเงยหน้ากลับไปมองเขา พร้อมกับถามขึ้นว่า : “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอคะ?”
“คือมันเป็นแบบนี้ครับ ตอนนี้สวนสนุกของเรามีกิจกรรม ตั๋วทุกๆหนึ่งพันใบจะจับฉลากให้กับนักท่องเที่ยวผู้โชคดีหนึ่งท่าน นักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตรนี้ไปเข้าประตูเขียวได้เลยครับ”
พูดจบ ผู้จัดการเหอก็ยื่นบัตรสีรุ้งให้เธอ
บนบัตรเขียนตัวหนังสือตัวใหญ่ๆว่า “บัตรสวนสนุกสายรุ้ง”
หร่วนซือซืออึ้งไปเล็กน้อย หันไปมองเขา : “จริงเหรอคะ?”
“จริงแน่นอนครับ”
ผู้จัดการเหอหัวเราะเบาๆ หันไปส่งสัญญาณกับพนักงานที่ยืนอยู่ด้านหลัง : “นักท่องเที่ยวที่โชคดียังได้ของขวัญอีกด้วยนะครับ”
พนักงานที่ใส่ชุดสวนสนุกสายรุ้งก็เดินมาด้านหน้า ยื่นตุ๊กตานำโชคของสวนสนุกให้เซินเซินกับซาซาคนละตัว
“ยินดีด้วยนะคะ แค่ใช้บัตรสายรุ้งนี้ ก็เล่นได้ทุกอย่างในสวนสนุก โดยไม่ต้องต่อแถวค่ะ”
“แม่คะ ดีจังเลยค่ะ!”
“ดีจังเลยครับ! พวกเราไม่ต้องต่อแถวแล้ว!”
ทั้งคู่ดีใจกระโดดโลดเต้นกันใหญ่
หร่วนซือซือรับบัตรมา ดูๆแล้วเขาคงจะไม่ได้หลอกมั้ง เธอมองหลังพนักงานที่กำลังเดินออกไป ถึงเพิ่งได้สติ
ในตอนแรกหร่วนซือซือเองยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จูงมือเด็กทั้งสองไปยังทางเข้าอีกทาง ยกบัตรสายรุ้งให้พนักงานดู พนักงานรีบทำความเคารพแล้วเชิญพวกเขาเข้าด้านใน
“โอ้โห! เยี่ยมไปเลย!”
เซินเซินกับซาซากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว ทั้งคู่ก็ดีใจกระโดดโลดเต้นไม่หยุด
หร่วนซือซือที่เห็นทั้งคู่หัวเราะดีใจ เธอก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
ดูๆแล้ววันนี้ ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้เลยนะ!
เธอเดินไปด้านหน้าของเด็กทั้งสอง แล้วถามขึ้นว่า : “เด็กๆอยากเล่นอะไรก่อนดี?”
เซินเซินกระโดดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น : “Giant Drop ครับ!”
“ไม่ได้ อันนั้นสูงเกินไป!”
“บ้านผีสิง!”
“ไม่ได้! เดี๋ยวจะกลับไปฝันร้ายเอา”
เซินเซินที่เสนอไปสองอย่างแล้วโดนหร่วนซือซือปฏิเสธทั้งหมด ก็เริ่มงอนแล้วทำปากจู๋
ซาซาที่ยืนอยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นว่า : “แม่คะ หนูอยากนั่งม้าหมุนค่ะ!”
“อันนี้ได้! ไปกันเถอะ!”
เซินเซินรีบท้วงขึ้นว่า : “มีแต่ผู้หญิงถึงจะเล่นอันนั้น!”
หร่วนซือซือจูงมือทั้งสองเดินไปทางม้าหมุน แล้วพูดขึ้นว่า : “ใครบอกว่าผู้ชายห้ามนั่งม้าหมุน!”
เมื่อมาถึงด้านหน้าม้าหมุนแล้ว เซินเซินที่เห็นม้าสูงใหญ่และสวยงาม ก็ตาลุกวาวขึ้นมาทันที : “ผมก็จะนั่งครับ!”
หร่วนซือซืออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จูงมือทั้งสองเข้าไปด้านใน รอม้าหมุนรอบต่อไป
ไม่ไกลมาก อวี้อี่มั่วในชุดสูท กำลังยืนมองทั้งสามคนตั้งแต่แรกแล้ว
เขาที่ยืนอยู่ตรงนั้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมา หันหลังมามองเขาไม่หยุด
ข้อหนึ่ง เป็นเพราะเขากับตู้เยี่ยที่ใส่ชุดสูทอย่างเป็นทางการและเนี้ยบมาก ไม่เหมาะกับการมาที่นี่เลย ข้อสอง เพราะใบหน้าของเขาดึงดูดสายตาทุกคน ดึงความสนใจจากคนรอบข้างไม่น้อย
อวี้อี่มั่วก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เขาขมวดคิ้ว แล้วหันไปทางตู้เยี่ย ถามขึ้นว่า : “ทำไมพวกเขาถึงพากันมองฉัน หน้าฉันมีอะไรเหรอ?”
ตู้เยี่ยอดขำไม่ได้ เขากระแอมเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า : “ท่านประธานอวี้ ผมแนะนำให้คุณถอดเสื้อนอกออก แล้วก็ถอดเนกไทด้วย แบบนี้น่าจะดีขึ้นหน่อยครับ”
อวี้อี่มั่วได้ยินแล้ว ก็พยักหน้าเห็นด้วย : “ที่นายพูดมีเหตุผล”
พูดจบเขาก็ถอดเสื้อนอก ยกแขนขวาขึ้นมาปลดเนกไทออก
ผู้หญิงที่เดินผ่านมองตาค้างเป็นแถวๆ บางคนถึงขั้นเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูป
“โอ้ย หล่อเกินไปแล้ว!”
“ท่าเมื่อกี้นี้ ยอมแล้วจริงๆ!”
อวี้อี่มั่วที่ไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างแต่อย่างใดเลย เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางม้าหมุน หร่วนซือซือที่พาเซิงเซิงและซาซากำลังลงมา เขายื่นเสื้อตัวนอกและเนกไทให้ตู้เยี่ย พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบว่า : “นายไปดูแลต่อ มีอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องงาน นายไปจัดการให้เรียบร้อย อย่ามารบกวนฉัน”
พูดจบ เขาก็เดินตรงไป ทิ้งตู้เยี่ยอยู่กับความสับสนวุ่นวายไว้ข้างหลังคนเดียว
ท่านประธานของเขาคือคนที่เห็นงานสำคัญกว่าเป็นอันดับแรก แต่วันนี้เป็นอะไรไปนะ?
ส่วนทางนี้ หร่วนซือซือพาเซินเซินและซาซาลงจากม้าหมุน เพื่อไปที่สถานีต่อไป—-เรือโจรสลัด
เรือโจรสลัดทุกลำกว้างและยาวมาก ด้านบนมีคนนั่งเยอะแล้ว แถวช่วงตรงกลางมีคนนั่งเยอะที่สุด หัวเรือและท้ายเรือมีเพียงหนึ่งที่นั่ง หลังจากนั้นก็ สองที่นั่ง สามที่นั่ง สี่ที่นั่ง……
หร่วนซือซือที่กำลังพาเด็กๆรีบไปอยู่นั้น ก็เหลือแค่ที่นั่งด้านหน้าแถวสุดท้ายแล้ว
แถวนั้นมีสี่ที่นั่ง ฝั่งด้านข้างทั้งสองข้างเป็นที่นั่งผู้ใหญ่ ส่วนตรงกลางเป็นที่นั่งเด็กสองที่นั่ง
ถ้าหร่วนซือซือนั่งอยู่ตรงกลางจะได้ดูแลความปลอดภัยของเซินเซินและซาซาได้ แต่ที่นั่งมันเป็นแบบนี้ อีกคนเธอก็ดูแลไม่ได้ล่ะสิ
ทำยังไงดีล่ะ? ควรนั่งดีหรือเปล่าเนี่ย?