ดั่งรักบันดาล - บทที่ 391 เป็นนายหน้าของเขา
เจียงฮ่วนเฉินเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พูดขึ้นว่า : “ไม่งั้นเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ?”
หร่วนซือซืออึ้งไปเล็กน้อย หลังจากนั้น เธอก็หันหน้ามองรถของเธอที่นอกหน้าต่าง รู้สึกงุนงงและสงสัย
เธอเองไม่เชื่อว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เจอ ทำไมถึงดันมาเจอกันในซอยเล็กๆแคบๆตรงนี้ได้
“เมื่อกี้รถนั่น……”
เจียงฮ่วนเฉินได้ยินแล้ว ก็หัวเราะขึ้นมา เขาหรี่ตาลง แล้วกระพริบตาให้เธอ : “วางใจได้ ฉันไม่ให้เธอชดใช้หรอก!”
พูดจบ ก็หันไปสั่งกับบอดี้การ์ดว่า : “นายขับรถของเธอไปที่ศูนย์ซ่อมรถ 4s ซ่อมรอยขีดข่วนให้เรียบร้อย”
บอดี้การ์ดได้ยินแล้ว ก็รีบตอบรับ แล้วปิดประตูรถทันที
จากนั้น บอดี้การ์ดก็เข้าไปนั่งฝั่งคนขับแล้วออกรถ รถแล่นทะยานออกไปข้างหน้าทันที
หร่วนซือซือที่ไม่ทันตั้งตัวและคาดไม่ถึง รีบหันหน้าไปถามเจียงฮ่วนเฉินทันที : “คุณจะพาฉันไปไหน?”
“ไม่เจอกันนานขนาดนี้ ก็ต้องลำลึกความหลังกันหน่อย”
เจียงฮ่วนเฉินยิ้มให้เธอ ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความคลุมเครือ
ไม่รู้ทำไม หร่วนซือซือนอกจากกังวลใจแล้วก็ยังจะกังวลใจอีก ผ่านไปห้าปี นึกไม่ถึงเลยว่าคนประเภทเจียงฮ่วนเฉินจะยังจำเธอได้
เห็นรถที่วิ่งเร็วขึ้น หร่วนซือซือเริ่มนั่งไม่ติด : “เจียงฮ่วนเฉิน คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ถ้าแฟนคลับคุณมาเห็นเข้า ฉันไม่โดนฉีกออกเป็นชิ้นๆแล้วเหรอ?”
เจียงฮ่วนเฉินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหันหน้ามายิ้มให้เธอ : “วางใจเถอะ ฉันจะพาเธอไปที่ที่เงียบสงบ”
ได้ยินเขาพูดมาแบบนี้ หร่วนซือซือก็สะดุ้งโหยง รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
คำพูดนี้ ทำไมฟังยังไงก็รู้สึกอึดอัดใจจังเลยนะ?
ไม่นานนัก รถก็พ้นออกจากซอย แล่นสู่ถนนสายหลักด้วยความเร็วสูง ตอนนี้ถึงเธอจะร้องไห้จะโวยวายก็คงไม่ทันแล้วมั้ง เธอพยายามรวบรวมสติ แล้วค่อยๆสงบลง
เจียงฮ่วนเฉินที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อเห็นสีหน้าเธอแล้ว เขาอิงตัวไปพิงด้านหลัง มองไปยังหน้าของเธอพร้อมกับหรี่ตาลง : “หลายปีมานี้ เธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ”
เทียบกับหญิงแกร่งปากแข็งคนนั้นแล้ว หร่วนซือซือในตอนนี้ เธอสุขุมและสง่างาม ดูเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากขึ้น
หร่วนซือซือหันหน้ามามองเขา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกันว่า : “คุณเองก็เหมือนกัน”
อดีตเจียงฮ่วนเฉินพ่อหนุ่มเนื้อหอม สยบสาวๆทุกคนด้วยใบหน้าอันหล่อเหลา วันนี้เขากลายเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จแล้ว ถึงแม้สไตล์อาจเปลี่ยนไป แต่ใบหน้าของเขาไม่ทิ้งร่องรอยอายุไว้เลยแม้แต่น้อย
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า จู่ๆก็ขยับเข้าไปใกล้เพื่อดูผิวหน้าของเขา อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า : “คุณใช้รองพื้นยี่ห้ออะไร ดูแล้วผิวดีมากๆเลย?”
ผิวเนียนเงาสว่าง ยังดีกว่าผิวหน้าของผู้หญิงหลายๆคนด้วยซ้ำไป
เจียงฮ่วนเฉินได้ยินแล้ว ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เขายิ้มที่มุมปาก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ธรรมชาติล้วนๆ”
เขาเห็นหร่วนซือซือที่กำลังกลอกตามองบน จึงหัวเราะแล้วพูดต่อว่า : “จริงๆนะเนี่ย ปกติฉันก็บำรุงไม่ใช่น้อยๆ มีร้านประจำด้วย ถ้าเธออยากรู้ว่าร้านไหน ก็ชมฉันเยอะๆ เดี๋ยวรอบหน้าฉันจะพาไป”
หร่วนซือซือหัวเราะเบาๆพร้อมกับปฏิเสธ : “ชั่งเถอะ”
ถ้าเธอยังชมเขาอีก เกรงว่าเขาจะลอยไปแล้วล่ะมั้ง?
ทั้งคู่มีเรื่องให้คุยและถกเถียงกันมาตลอดทาง
ผ่านไปสักพัก รถก็จอดลงข้างทาง เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกลชุมชน รถจอดตรงหน้าตึกสามชั้นสีเขียวหม่น ประตูบ้านออกแนวค่อนข้างโบราณ พร้อมกับกรอบสีทองรอบๆ สไตล์หรูหรา
หร่วนซือซือนึกไม่ถึงว่าในพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลยังมีโรงน้ำชาที่สวยขนาดนี้ เธอเปิดประตูรถ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร ก็โดนเจียงฮ่วนเฉินที่อยู่ข้างๆดึงเสื้อเธอแล้วพาเข้าไปข้างในตึก
เมื่อเข้าไปถึง ภายในตกแต่งหรูหรามากกว่า หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า เดินตามเจียงฮ่วนเฉินขึ้นไปบนห้องวีไอพีชั้นสาม เดินผ่านหน้าจอ เข้าไปที่โต๊ะด้านใน
สไตล์การตกแต่งทั้งหมด รู้ได้ถึงรสนิยมของผู้ออกแบบ
สักพัก ก็มีบริกรยกน้ำชาเข้ามาหนึ่งกา วางลงบนโต๊ะ แล้วพูดขึ้นว่า : “นี่เป็นใบชาใหม่ของปีนี้ เถ้าแก่ตั้งใจเก็บให้คุณเป็นพิเศษ”
เจียงฮ่วนเฉินหัวเราะเบาๆ : “ขอบคุณ”
เมื่อบริกรออกไปแล้ว ทั้งห้องก็เหลือเพียงเธอและเขาสองคน
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา สักพัก จึงถามขึ้นว่า : “คุณมาหาฉัน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เจียงฮ่วนเฉินยักไหล่ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เธอยังมีหน้ามาพูด ส่งดอกไม้ไปให้เธอ เธอยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนส่งให้ รอตั้งหลายวันไม่เห็นเธอจะติดต่อมา สุดท้ายฉันก็เลยต้องมาหาเธอเองนี่ไง”
หร่วนซือซือกำมือแน่นขึ้น เธอถามต่อว่า : “คุณมาหาฉันทำไม คุณไม่ได้สนิทกับฉันขนาดนั้นซะหน่อย แล้วคุณรู้เรื่องของฉันได้ยังไง?”
ห้าปีที่แล้วเธอเคยเป็นผู้ช่วยจำเป็นของเขา แต่เพียงแค่นี้เขาก็มาติดตามเธอแล้วเหรอ?
เจียงฮ่วนเฉินหรี่ตาลงสีหน้าเข้ม เขายกถ้วยชาในมือขึ้น นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า : “ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าขู่เจียงฮ่วนเฉินคนนี้ไง”
หร่วนซือซือเมื่อได้ยินแล้ว เธอก็อึ้งไป
ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็พูดขึ้นว่า : “ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนของฉันจริงๆ”
เขาดูสีหน้าจริงจัง ไม่ได้ทีเล่นทีจริงเหมือนอย่างปกติที่เคยเป็น ดูเหมือนจะพูดเรื่องจริง
ในใจหร่วนซือซือรู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเงยหน้าขึ้นถามเขาว่า : “งั้นตอนแรก คุณผิดสัญญาเหรอ?”
เธอไปอเมริกาหลายเดือนแล้วถึงเพิ่งรู้เรื่องหนังสือสัญญาของเจียงฮ่วนเฉิน ได้ยินมาว่าเจียงฮ่วนเฉินกับอวี้อี่มั่วไม่ลงรอยกัน ตอนหลังก็ยังได้ยินซ่งเย้อันบอกว่าเป็นเพราะเธอ แต่เธอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วไม่ได้สนใจอะไรมาก
มาตอนนี้ เธอก็พอที่จะเริ่มเชื่อแล้ว
“คุณทำเพื่อฉันจริงๆเหรอ?”
เจียงฮ่วนเฉินลังเลไปพักหนึ่ง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “เพราะเธอด้วย และเพราะซูหลิงด้วย”
หร่วนซือซือรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
เจียงฮ่วนเฉินดูแล้วเป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไร แต่พอจะดื้อขึ้นมาก็ไม่แพ้ใครเลย อย่างน้อยๆก็เป็นอย่างนี้เฉพาะกับซูหลิง
เธอหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า : “ยังดีที่ตอนแรกคุณไม่ได้จริงจัง”
เจียงฮ่วนเฉินก็หัวเราะขึ้น : “ตอนนั้นก็คือตอนนั้น ส่วนตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วหัวเราะ ช่องว่างของความเหินห่างระหว่างทั้งคู่ก็ค่อยๆลดลง คุยกันไปสักพัก ความรู้สึกก็เหมือนกับเพื่อนเก่าที่กลับมาเจอกัน
ทั้งคู่คุยกันเรื่อยเปื่อย จู่ๆเจียงฮ่วนเฉินหันมา เขานิ่งไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า : “จริงๆแล้ว ฉันมาหาเธอวันนี้ เพราะมีเรื่องจะบอกกับเธอ”
“หืม? เรื่องอะไรเหรอ?”
เจียงฮ่วนเฉินเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกาย : “ฉันเคยเห็นผลงานของเธอ และรู้ว่าเธอเคยได้รับรางวัลมาด้วย ตอนแรกตั้งใจจะให้คนในบริษัทไปซื้อตัวเธอมา แต่ใครจะไปนึกล่ะว่าเธอจะปฏิเสธ เธอไม่คิดจะลองทำอย่างอื่นบ้างเลยเหรอ”
หร่วนซือซือเมื่อได้ยินแล้ว ก็นึกถึงคำพูดของพี่ฉีที่เคยพูดกับเธอว่ามีบริษัทอยากทำสัญญากับเธอ ที่แท้แล้วก็เกี่ยวข้องกับเจียงฮ่วนเฉินนี่เอง
เธอเลิกคิ้วขึ้นสูง : “อย่างอื่นแบบไหน?”
เจียงฮ่วนเฉินยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “ฉันรู้สึกว่า เธอเหมาะกับการเป็นนายหน้าของฉัน”
“นายหน้า?”
“ถูกต้อง คุณฉยงสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี สองเดือนก่อนหน้านี้ก็ลาวงการไปแล้ว ตอนนี้ฉันขาดนายหน้าไปหนึ่งอัตรา คนที่ฉันนึกถึงคนแรกก็คือเธอ เพราะฉะนั้นฉันถึงให้คนไปตรวจสอบข้อมูลของเธอ”
เจียงฮ่วนเฉินพูดไปเรื่อยๆ จู่ๆก็ทำท่าทีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา : “ใครจะไปนึกว่าจู่ๆเธอก็กลับมาที่เมืองเจียงโจว นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว”