ดั่งรักบันดาล - บทที่ 392 ต้นแบบที่ดี
หร่วนซือซือได้ยินแล้ว เธอขมวดคิ้วขึ้น และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย
เจียงฮ่วนเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงมองไปยังหร่วนซือซือ เขาหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับพูดว่า : “วางใจได้ ฉันให้ค่าตอบแทนที่ดีที่สุดกับเธอแน่นอน”
“เกรงว่าจะไม่ได้น่ะสิ” หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า : “ฉันอยู่ในประเทศอีกไม่นานเท่าไหร่ อาจจะกลับต่างประเทศเดือนหน้าเลยก็ได้”
เธอพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองเจียงฮ่วนเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าผิดหวัง
ทั้งสองมองหน้ากัน พูดอะไรไม่ออก
เงียบไปสักพักใหญ่ เจียงฮ่วนเฉินก้มหน้าลง แล้วพูดขึ้นว่า : “เป็นเพราะอวี้อี่มั่วใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หร่วนซือซือรู้สึกจุกขึ้นมา เธอพยักหน้าเบาๆ
เจียงฮ่วนเฉินเห็นท่าทีของเธอแล้ว สีหน้าของเขาก็เข้มขึ้น : “ถ้าเกิดมีอะไรให้ฉันช่วย ก็บอกได้เต็มที่เลยนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หร่วนซือซือก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอพยักหน้าให้เขาเบาๆ
ทั้งคู่คุยกันมาครึ่งค่อนวัน ช่องว่างความเหินห่างก็หายไปจนหมดอย่างสิ้นเชิง ต่างพากันเปลี่ยนเรื่องคุย คุยกันราวชั่วโมงกว่าๆ
ดูเวลาไม่เช้าแล้ว หร่วนซือซือจึงขอตัวกลับก่อน
ทั้งคู่พากันเดินออกจากห้องวีไอพี
“ถ้าคุณได้เป็นนักแสดงชายยอดเยี่ยมแล้ว ก็อย่าลืมฉันนะ”
“แน่นอนสิ ถึงเวลาก็อย่าเสียใจที่ไม่ได้เป็นนายหน้าของฉันตั้งแต่แรกนะ”
“……”
ทั้งคู่เดินไปหัวเราะไป ขณะที่กำลังเดินผ่านทางบันได ก็มีเงาสูงใหญ่สองคนเดินมา
หร่วนซือซือหันไปมองผ่านๆ เมื่อเห็นหน้าคนที่เดินมาแล้ว เธอก็หยุดชะงักไป
โลกมันแคบขนาดนี้เชียวเหรอ ถึงได้มาเจออวี้อี่มั่วและซูอวี้เฉิงในพี่แบบนี้ได้!
จู่ๆทั้งสี่คนก็หยุดเดิน ต่างเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
หร่วนซือซือมองเข้าไปในดวงตาสีดำทมิฬของอวี้อี่มั่ว จู่ๆในใจก็เกิดวุ่นวายขึ้นมา
สายตาของเขาราวกับไปมีดที่ คมกริบ พี่สาดใส่หร่วนซือซือและเจียงฮ่วนเฉิง จนรู้สึกเย็นยะเยือกไปหมด
เวลานั้น บรรยากาศรอบๆทั้งอึดอัดและตึงเครียด
เจียงฮ่วนเฉิงเป็นคนเริ่มทำลายความเงียบคนแรก
เขาเก็บสีหน้า พร้อมกับยื่นแขนยาวมาโอบไหล่ของหร่วนซือซือไว้ ก้มหน้าลงมาข้างหู พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงหวานว่า : “ค่ำนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันพาเธอไป หื้ม?”
หร่วนซือซือที่เพิ่งได้สติ รีบหันหน้าไปมองเจียงฮ่วนเฉิน ขณะเดียวกันใบหน้าของเขากับของเธอก็ใกล้กันมาก จนแทบจะจูบกันได้
ตอนแรกหร่วนซือซือคิดจะหลบไป เมื่อนึกขึ้นได้ ก็รีบยิ้มตอบพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “อะไรก็ได้ ให้คุณเป็นคนเลือก”
อวี้อี่มั่วที่ยืนอยู่ตรงข้าม มองทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นยะเยือก ในใจเกิดไฟปะทุขึ้นมาอย่างแรง เผาไหม้โหมกระหน่ำอยู่ข้างใน
เขาเองไม่รู้เลยว่า หร่วนซือซือกลายเป็นคนง่ายๆแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
มีครอบครัว มีสามี มีลูกแล้ว แต่ยังกล้ามาอ่อยผู้ชายอยู่ข้างนอก เธอกล้ามากจริงๆ!
ขณะที่ความอดทนของเขากำลังจะหมดไป ก็มีมือยื่นมาจากข้างๆตบไหล่ของเขา : “ตาอวี้ ห้องวีไอพีอยู่ฝั่งโน้น”
เขาดึงสติตัวเองกลับ มองตามทิศทางสายตาของซูอวี้เฉิง
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า เดินตามเจียงฮ่วนเฉิงลงบันไดไป
ออกจากโรงน้ำชา หร่วนซือซือก็รู้สึกหายใจคล่องขึ้น
เมื่อขึ้นรถแล้ว เธอเงียบไปสักพัก จู่ๆก็นึกขึ้นได้ เธอรีบหันไปทางเจียงฮ่วนเฉิน แล้วถามขึ้นว่า : “เมื่อกี้ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น?”
เจียงฮ่วนเฉินหัวเราะ แล้วกระพริบตาให้เธอ : “คิดว่าเพราะอะไรล่ะ?”
หร่วนซือซือรู้สึกฉุนหน่อยๆ : “คุณรู้ว่าฉันมีครอบครัวแล้ว ทำแบบนี้ ไม่เท่ากับว่าต้องการให้เขาเข้าใจผิดเหรอ?”
เจียงฮ่วนเฉินได้ยินแล้ว เขานิ่งไปสักครู่ จึงพูดขึ้นว่า : “ในเมื่อคิดจะจบกับเขา แล้วจะไปแคร์ความคิดของเขาทำไมล่ะ?”
คำพูดคำเดียว ราวกับโดนน้ำเย็นสาดลงมาทั้งถัง หร่วนซือซือรู้สึกตัวขึ้นเป็นกอง
จริงอย่างที่เขาว่า ในเมื่อเลือกที่จะจากเขาไป แล้วจะยังใส่ใจเขาขนาดนี้ทำไม
ตลอดทางกลับบ้าน ในใจหร่วนซือซือเต็มไปด้วยความสับสนและวุ่นวาย
เจียงฮ่วนเฉิงส่งเธอที่ปากทางเข้าสวนสาธารณะซีเฉียว หร่วนซือซือลงจากรถ ก็เห็นรถของเธอจอดอยู่ไม่ไกลมาก มีบอดี้การ์ดยืนอยู่ข้างๆรถเธอ
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า หันมาหาเจียงฮ่วนเฉิงที่อยู่ในรถ โบกมือเบาๆ : “ฉันไปก่อนนะ”
เขาเงยหน้าขึ้น จู่ๆเขาก็ยื่นนามบัตรใส่ลงไปในมือของเธอ : “รีบไปเถอะ คิดถึงก็อย่าลืมโทรหาแล้วกัน”
หร่วนซือซือหัวเราะเบาๆ เธอไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวแล้วเดินไปที่รถของเธอ
เมื่อเข้าไปในรถของตัวเองแล้ว เธอก็เริ่มคิดอะไรต่างๆนานามากมาย โดยที่ไม่สามารถหยุดความคิดของตัวเองได้
ผู้ชมจะอ่านเกมส์ขาดมากกว่าพูดเล่นเสมอ คำนั้นของเจียงฮ่วนเฉิน เหมือนโดนเธอเข้าอย่างจัง และทำให้เธอคิดอะไรได้มากมาย
เพราะฉะนั้น ที่ผ่านมาเธอจึงไม่สามารถรับรักของซ่งเย้อันได้ เป็นเพราะในใจมีคนอื่นอยู่แล้วหรือเปล่านะ และคนคนนั้นจะใช่อวี้อี่มั่วรึเปล่า
เมื่อหร่วนซือซือค่อยๆเข้าใจข้อเท็จจริงข้อนี้แล้ว จู่ๆก็รู้สึกรับมันไม่ได้
เธอจะยังรักอวี้อี่มั่วตั้งห้าปีได้ยังไง? ห้าปีมานี้เธอเหนื่อยและลำบากแค่ไหนกับการเลี้ยงลูกตัวคนเดียว ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาคนเดียว แล้วทำไมเธอถึงยังมีความรู้สึกต่อเขาอยู่นะ?
คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย สับสนวุ่นวายไปหมด เธอไม่สามารถจะตอบคำถามข้อไหนได้เลย
แต่ไม่ว่ายังไง สิ่งที่เธอจะต้องทำให้ได้คือ ต้องลืมผู้ชายคนนี้ให้ได้ และเปิดใจรับคนที่ดีกับเธออย่างแท้จริง
เธอขับรถเข้าไปจนถึงสวนสาธารณะซีเฉียว จอดรถตรงสวนหย่อม แล้วเดินเข้าบ้านไป
ห้องรับแขกไม่มีใครเลย หร่วนซือซือตรงขึ้นชั้นสองทันที
เวลานี้ เซินเซินและซาซาคงกำลังนอนกลางวัน
เธอเดินไปถึงหน้าห้องของเด็กๆ เห็นประตูที่ไม่ได้ปิด เธอจึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไป
ซ่งเย้อันที่นั่งอยู่ข้างเตียง กำลังเล่านิทานให้เซินเซินและซาซาฟังด้วยเสียงที่อ่อนโยน
เขามีความอดทนค่อนข้างสูง และเป็นคนอ่อนโยน เป็นต้นแบบที่ดีและเป็นคุณพ่อที่เพอร์เฟคคนหนึ่ง
หร่วนซือซือยืนอยู่ที่หน้าประตูพักใหญ่ เธอรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ผู้ชายคนนี้ ดีกับเธอมาก และดีกับลูกของเธอมาก เธอมีเหตุผลอะไรที่จะไปปฏิเสธคนอย่างเขากัน?
หร่วนซือซือนึกๆ ในใจก็รู้สึกแปล๊บขึ้นมา เธอเริ่มสับสนวุ่นวาย
เธอค่อยๆปิดประตูลง กะว่าจะรอให้สงบอารมณ์แล้ว ค่อยเดินจากไป แต่จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก
ซ่งเย้อันเดินออกมา เห็นหร่วนซือซือที่ยืนอยู่นอกประตู รู้สึกแปลกใจ : “ซือซือ”
หร่วนซือซือกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้จะพูดอะไรดี
แต่ซ่งเย้อันกลับเริ่มพูดก่อน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า : “ซือซือ เรื่องรอบก่อน มันเกิดเรื่องขึ้นกะทันหันเกินไป……”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ หร่วนซือซือก็รู้สึกผิดเข้าไปอีก เธอเดินไปข้างหน้า ยื่นแขนออกไปโอบกอดเขาไว้ แล้วพูดกับเขาว่า : “เย้อัน ไม่ต้องพูดแล้ว”
ซ่งเย้อันยืนอึ้งอยู่ที่เดิม เขานึกไม่ถึงว่าเรื่องจะเกิดขึ้นกะทันหันขนาดนี้ เมื่อเขาได้สติ เขาก็ยกมือขึ้นมาตบหลังเธอเบาๆ : “ซือซือ……”
“เย้อัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะค่อยๆเปิดใจรับนาย นายให้เวลาฉันหน่อยนะ”
ซ่งเย้อันเมื่อได้ยินแล้ว ทั้งตกใจทั้งดีใจ : “ซือซือ ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? เธอ……”
ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน เขาตั้งใจไม่มาหาเธอสักพัก เพราะเขาต้องการสงบสติอารมณ์ตัวเอง สุดท้าย เขาจึงเพิ่งรู้ว่า ชีวิตที่ไม่มีเธอมันดูไม่มีความหมายเลย
นึกไม่ถึงเลยว่า พอเขากลับมาอีกครั้ง หร่วนซือซือจะลองเปิดใจยอมรับเขา
สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
“ซือซือ ฉันยินดีที่จะรอ”
ขอแค่เขายังมีความหวัง จะอีกสักห้าปี เขาก็ยินดีที่จะรอ!