ดั่งรักบันดาล - บทที่ 393 โดนงูกัด
เวลาเดียวกัน ณ โรงน้ำชา
ซูอวี้เฉิงมองไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ที่ใจลอยไม่มีสมาธิ ก็รู้สึกฉุนขึ้นมา
เขายกมือขึ้นมาเคาะบนโต๊ะ แล้วพูดขึ้นว่า : “ตาอวี้ วันนี้นายเป็นอะไรไป? คุยเรื่องงานแต่กลับใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
อวี้อี่มั่วเลิกคิ้วขึ้นสูง เขายกมือขึ้นมาปลดเนกไทให้หลวม ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เรื่องนั้น วันหลังค่อยไปคุยที่บริษัทแล้วกัน”
ซูอวี้เฉิงขมวดคิ้วลงต่ำ จ้องมองไปยังเขา อดไม่ได้จึงพูดขึ้นว่า : “เป็นเพราะหร่วนซือซือเหรอ?”
ไม่รอให้อวี้อี่มั่วได้พูด เขาก็พูดต่อว่า : “ตั้งแต่นายเห็นเธอกับเจียงฮ่วนเฉิงเมื่อกี้นี้แล้ว สีหน้าท่าทางของนายก็เปลี่ยนไปเลย!”
“นายไม่ได้จะมีความรู้สึกให้เธออีกแล้วใช่ไหม?”
ซูอวี้เฉิงถามสามคำถามรวด เขาขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม สักพัก เขาจึงเอ่ยปากพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา : “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป?”
“ตาอวี้ นายเก็บใจไว้ให้ดีเถอะ เวลานี้ไม่ใช่เวลามาพลอดรัก อย่างน้อยๆก็ต้องหลังจากนายจับลั่วจิ่วเหยียให้ได้ก่อน”
คำพูดของซูอวี้เฉิงเหมือนได้เตือนสติเขา สีหน้าของเขาดูสุขุมขึ้นมาทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมว่า : “ฉันรู้แล้ว”
ห้าปีที่แล้ว เขาโดนลั่วจิ่วเหยียเล่นงานไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้ เขาจะไม่ยอมล้มอีกเป็นครั้งที่สองแน่
วันถัดมา สำหรับหร่วนซือซือแล้ว ก็คือวันที่ต้องเริ่มทำงานใหม่ ถ้าหากเซินเซินและซาซาต้องไปถ่ายงาน เธอก็หลีกเลี่ยงการตื่นเช้าไม่ได้แล้ว
เมื่อจัดเตรียมของเสร็จแล้ว หร่วนซือซือก็หันไปมองสองเด็กที่หาวทั้งวัน อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า : “วันนี้ทั้งสองคนเป็นอะไรไป เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ?”
เซินเซินและซาซาสบตากัน ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
หร่วนซือซือรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงรีบถามต่อว่า : “ทั้งสองคน มีความลับอะไรหรือเปล่า?”
ซาซาส่ายหัว : “ไม่มีค่ะ……”
เซินเซินก็รีบพูดขึ้นว่า : “พวกเราประชุมกันครับ เราคุยกันถึงเรื่องการบ้านครับ”
หร่วนซือซือที่ไม่ค่อยเชื่อพูดต่อว่า : “เหรอ?”
เห็นสองเด็กที่รีบพยักหน้าพร้อมกัน หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม เธอยกมือขึ้นลูบหัวเด็กทั้งสองเบาๆ : “โอเค รีบไปเอากระเป๋า แล้วไปขึ้นรถกัน”
เซินเซินและซาซารีบพยักหน้าพร้อมกัน แล้วก็ขึ้นรถอย่างเชื่อฟัง
หร่วนซือซือขับรถจนไปถึงสวนสัตว์ พาทั้งคู่ไปรายงานตัวกับผู้กำกับ หลังจากนั้นก็ดูทีมงานเตรียมงานกัน และเริ่มงานใหม่กับวันใหม่
เป็นเพราะพักผ่อนไปหนึ่งวัน ทุกคนสีหน้าดูดีและดูสดชื่นขึ้น ผู้กำกับสั่งให้ถ่ายแบบธรรมชาติ เพราะนายแบบนางแบบคือเซินเซินและซาซากับสัตว์น้อยน่ารัก จะมีเรื่องสนุกๆผ่านหน้ากล้อง แล้วก็บันทึกเอาไว้ทุกอย่าง ฟังดูน่าสนุกเหมือนกัน
ก่อนถ่ายทำ ผู้กำกับใหญ่ก็พูดกับทีมงานว่า : “ฮวาฮวา อย่าลืมถ่ายวิดีโอเก็บรายละเอียดเบื้องหลังด้วย การตัดต่อก็เป็นหน้าที่ของเธอด้วย ถ้าหากผลตอบรับดี งานนี้มีรางวัล!”
เด็กฝึกงานที่ชื่อฮวาฮวา เป็นคนร่าเริงและจิตใจดี ทุกคนในทีมงานต่างชอบเธอมาก
บรรยากาศในการถ่ายทำดีมาก ผลการถ่ายทำก็ออกมาดีมาก เพียงไม่นาน ก็ถ่ายทำกับตัวลิ่นเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถ่ายทำกับงูเหลือมต่อ
การถ่ายทำกับงูเหลือมต้องใช้ครูฝึกงูและงูที่ได้รับการฝึกมาแล้วอย่างดี งูค่อนข้างเชื่อง และไม่มีพิษ หลายวันก่อนเซินเซินและซาซาที่พึ่งสัมผัสงูครั้งแรก ก็ยังกลัวอยู่เลย แต่มาวันนี้แค่เห็นงูอยู่ในกรง ไม่เพียงแค่ไม่กลัว แต่ยังสนิทสนมเหมือนเพื่อนกันเลย
ทีมงานกำลังเตรียมฉากถ่ายทำ หร่วนซือซือจึงรีบเรียกสองเด็กให้มาดื่มน้ำก่อน
เพราะอากาศที่ค่อนข้างร้อน แก้มของซาซาโดนแดดเลียจนแดงระเรื่อ น่ารักมาก
ซาซายื่นแก้วเปล่าที่ดื่มเสร็จแล้วให้หร่วนซือซือ : “แม่คะ หนูดื่มหมดแล้ว”
“เก่งมาก!”
หร่วนซือซือรับแก้วมาพร้อมกับลูบหัวเธอเบาๆ
ส่วนเซินเซินที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าเลย ทุกครั้งที่เรียกให้มาดื่มน้ำเปล่า ก็เหมือนกับบังคับให้ดื่มยายังไงยังงั้น ผ่านไปครึ่งค่อนวันเพิ่งดื่มไปนิดเดียว
เซินเซินที่เขย่าแก้วน้ำยังมีน้ำอีกครึ่งแก้ว อ้อนหร่วนซือซือด้วยเสียงหวานว่า : “แม่ครับ ผมไม่อยากดื่มแล้ว……”
หร่วนซือซือดึงสีหน้าจริงจังขึ้นมา : “ไม่ได้ ต้องดื่มอีกหน่อย”
ซาซาที่ว่างอยู่ จึงวิ่งกึ่งกระโดดไปหางูเหลือมที่อยู่ในกรง เห็นงูเหลือมที่ลืมตาจ้องหน้าเธออยู่ เธอเอียงคอดูแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงหวานว่า : “เจ้างูตัวลาย อีกเดี๋ยวเราจะมาถ่ายด้วยกันนะ……”
งูเหลือมไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
ซาซาจึงแตะที่กรงเบาๆ จู่ๆกลอนล็อคกรงก็ปลดออกเองดัง”เกล็ก” ประตูกรงค่อยๆเปิดออก
ซาซาที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่กรงก็เปิดออกเองอย่างง่ายดาย เธอตกใจอึ้งไป กำลังจะหมุนตัวไปเรียกทีมงานที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่งูที่อยู่ในกรงกลับขยับ แล้วค่อยๆเลื้อยออกมา
ซาซาที่เห็นเหตุการณ์ จึงรีบปรามงูด้วยความไร้เดียงสา : “เจ้างูตัวลาย ตอนนี้ยังออกมาไม่ได้นะ……”
พูดจบเธอก็ยื่นมือเพื่อจะไปปิดประตูกรง แต่เมื่อยื่นมือออกไปแล้ว จู่ๆงูตัวนั้นก็พุ่งฉกแขนของเธอ
ซาซาร้องกรี๊ดเสียงดัง ทุกคนต่างหันไปตามเสียง เห็นเพียงแค่งูเหลือมที่กำลังเลื้อยออกมา และกำลังเลื้อยหนีอย่างรวดเร็ว
ซาซาที่อยู่ข้างๆมีแผลงูฉกที่แขน รอยฟันงูที่ทั้งลึกและแดง น่ากลัวมาก
“แม่คะ!”
เสียงเรียกนี้ของซาซาทำเอาหร่วนซือซือสะดุ้ง เธอรีบวิ่งไปกอดซาซาไว้ : “ซาซา!”
หร่วนซือซือพึ่งกอดซาซาไว้ แต่ตัวซาซาเริ่มอ่อนแรง ตาสะลึมสะลือ
“ซาซา! เป็นอะไรไป! ซาซา!”
“โทรเรียกรถฉุกเฉินเร็ว!”
“ให้คนไปจับงูตัวนั้นไว้! เร็วเข้า!”
“……”
ตอนนี้วุ่นวายกันทั้งกองถ่าย เสียงโหวกเหวกโวยวายดังไปทั่ว ทุกๆเสียงที่กระทบกับหูของหร่วนซือซือ ยิ่งทำให้ตัวเธอเย็นเฉียบเข้าไปอีก
เพียงไม่นานรถฉุกเฉินก็มาถึง ระหว่างทาง เธอสติเตลิดเปิดเปิงไปหมด เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว ซาซาก็ถูกส่งไปที่ห้องฉุกเฉินทันที เธอถอนหายใจเบาๆ รู้สึกหน้ามืด เกือบจะเป็นลมไป
“แม่ครับ……”
เสียงเซินเซินดึงสติของเธอกลับ เธอกัดฟันแน่น พยายามอดทนไว้ ลืมตาขึ้น มองหน้าเซินเซินที่ร้องไห้จนตาแดง ในใจยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่
ยื่นแขนออกมา ดึงเซินเซินเข้ามากอดไว้ เธอสะอื้นเบาๆ : “แม่ขอโทษ เพราะแม่ไม่ได้ดูน้องดีๆ……”
เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันมาก เธอยังไม่ทันรู้เรื่องอะไร แต่ซาซากลับโดนงูกัดจนเป็นลมไปแล้ว ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?
เวลานั้นเอง ทางเดินก็ตามมาด้วยเสียงดังวุ่นวาย ผู้กำกับและทีมงานทั้งกองต่างพากันรีบมา ทุกคนต่างเป็นกังวลร้อนใจไม่แพ้กัน
ผู้กำกับหันหน้ามาทางหร่วนซือซือ รีบถามขึ้นว่า : “ซือซือ ตอนนี้เป็นไงบ้างแล้ว? สรุปเกิดอะไรขึ้น? ทำไมซาซาถึงโดนงูกัดได้ล่ะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หร่วนซือซือก็รู้สึกฉุนขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้น มองด้วยสายตาเอาเรื่อง : “ผู้กำกับ ฉันควรจะเป็นคนถามคำถามพวกนี้หรือเปล่า!”
ในตอนแรกคนที่บอกว่าไม่อันตรายเลยก็คือเขา รับประกันนู่นนี่นั่นว่าสัตว์พวกนี้ได้รับการฝึกสอนมาอย่างดี ไม่ทำร้ายคน ก็คือเขา แต่วันนี้ล่ะ ซาซากลับโดนงูฉกไปแล้ว!
ผู้กำกับเมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ก็พูดอะไรไม่ออก
หร่วนซือซือเห็นสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ : “หรือว่าก่อนถ่ายทำ ไม่ได้ตรวจเช็กความปลอดภัยกันเลยเหรอ?”