ดั่งรักบันดาล - บทที่ 419 จุดอ่อนของเธอ
หร่วนซือซือกุมโทรศัพท์ไว้แน่น เธอรู้สึกนั่งไม่ติด ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด
เมื่อวานเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น วันนี้ไปเจอหน้ากันคงอึดอัดใจน่าดู เธอไม่เข้าใจว่าอวี้อี่มั่วจะเจอเธอทำไมอีก
เธอสูดลมหายใจเข้า ตอบกลับไปว่า : “ไม่ว่าง”
ไม่นานเขาก็ตอบกลับมาว่า : “เอาจริงเหรอ?”
หร่วนซือซือตอบอย่างแน่วแน่ : “ไม่ไป”
“ก็ดี อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
เห็นข้อความสุดท้ายของเขา ในใจหร่วนซือซือก็เกิดความสงสัยขึ้นมา อ่านประโยคนี้แล้วก็ชวนให้นึกถึงสีหน้าแววตาเย็นชาและดุดันของเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ลึกๆในใจก็รู้สึกผิดขึ้นมาแปลกๆ
ราวกับว่าถ้าเธอไม่ไปเจอเขา เขาจะทำเรื่องอะไรขึ้นมาแน่ๆ
หร่วนซือซือกัดฟันแน่น กุมมือถือไว้ ตัดสินใจไม่ได้สักที
เวลานั้นเอง มีเสียงอ่อนโยนของผู้ชายดังขึ้นมาข้างหูว่า : “คิดอะไรอยู่?”
หร่วนซือซือหันหน้ากลับมา ก็สบตาเข้ากับเขาพอดี เธอกุมมือถือในมือแน่น ลังเลไปพักหนึ่ง ส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไม่มีอะไร เราจะไปตอนไหนเหรอ?”
“เก็บของเสร็จ ก็กลับได้แล้ว”
ซ่งเย้อันพูดพลางยื่นมือออกมา ทัดผมข้างหูให้เธอ ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เซินเซินและซาซาเตรียมตัวเสร็จแล้ว เธอล่ะ?”
การกระทำของเขาดูสนิทสนมมาก หร่วนซือซือขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว การปฏิเสธจากจิตใต้สำนึก เธอนิ่งไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า : “ฉันก็เตรียมตัวเสร็จแล้ว”
ซ่งเย้อันไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาพยักหน้า : “โอเค เดี๋ยวฉันให้คนไปขับรถมา”
พูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอกทันที
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น มองแผ่นหลังที่สูงโปร่งของเขา ในใจรู้สึกทนไม่ไหว
เธอไม่นึกเลยว่า เธอรู้จักกับซ่งเย้อันมาห้าปีกว่า แต่พอเขาทำตัวสนิทสนมเธอกลับรู้สึกไม่ชิน แต่เธอจำได้ชัดเจน กับอวี้อี่มั่วเมื่อวานนี้ไม่ได้เป็นแบบนี้…..อย่างน้อยๆ กับอวี้อี่มั่วเธอกลับไม่มีปฏิกิริยาปฏิเสธเลย
คิดถึงตรงนี้ หร่วนซือซือรู้สึกอึ้งไป ในส่วนลึกของจิตใจรู้สึกรับมันไม่ได้
หรือว่าในใจของเธอนั้น อวี้อี่มั่วมีน้ำหนักมากกว่าซ่งเย้อันเหรอ?
หรือว่า คนที่อยู่ในใจเธอมาโดยตลอดคืออวี้อี่มั่ว ที่ไม่เคยไปไหนตั้งแต่แรกแล้ว
ความสงสัยทำให้เธอคาดเดามั่วไปหมด ความสับสนวุ่นวายในหัวของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถคิดอะไรต่อได้
สุดท้ายแล้ว เธอหันไปมองหน้าเซินเซินและซาซา เธอสลัดความคิดซับซ้อนวุ่นวายทุกอย่างออกจากหัว พาทั้งสองออกจากสนามม้า มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะซีเฉียว
เมื่อถึงสวนสาธารณะซีเฉียวแล้ว ก็กลางวันพอดี ทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วก็ต่างพากันพักผ่อน หร่วนซือซืออยากอ่านหนังสือสักหน่อย จู่ๆก็มีสายจากผู้กำกับโทรเข้ามา
เมื่อเธอรับสายผู้กำกับก็พูดขึ้นมาทันทีว่า : “ซือซือ เย็นนี้ว่างหรือเปล่า?”
หร่วนซือซือลังเลไปสักพัก จึงตอบกลับไปว่า : “ผู้กำกับ มีเรื่องอะไร ก็พูดออกมาเถอะค่ะ”
“ในระหว่างที่เซินเซินและซาซาพักผ่อน ฉันรวบรวมรูปถ่ายทั้งหมดออกมาแล้ว เย็นนี้เข้ามาหน่อย มาดูภาพรวมด้วยกัน”
หร่วนซือซือนิ่งไปสักครู่ จึงพูดขึ้นว่า : “ไปที่ไหนคะ?”
ผู้กำกับบอกที่อยู่เรียบร้อย : “นี่เป็นที่อยู่ห้องทำงานของเรา ถ้าเธอมาถึงแล้ว ก็เข้ามาได้เลย”
สุดท้าย เธอก็รับปากไป : “โอเค งั้นเดี๋ยวตอนเย็นฉันจะเข้าไปค่ะ”
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องงานของเซินเซินซาซา เธอไม่อยากจะค้างคา ถ้าหากจบงานนี้งานได้เร็วขึ้น เธอจะได้พาเด็กๆออกจากเมืองเจียงโจวได้เร็วขึ้น
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ความรู้สึกที่ไม่อยากไปของเธอก็หายไป เธอกลับห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเตรียมตัวออกจากบ้าน
ก่อนออกจากบ้าน ซ่งเย้อันก็ถามสถานการณ์อยู่สองสามคำ จึงค่อยวางใจให้เธอออกจากบ้าน
หร่วนซือซือกวักมือเรียกรถ แล้วบอกที่อยู่ไป ราวครึ่งชั่วโมง ก็ถึงจุดหมายปลายทาง
เธอไปแจ้งที่หน้าเคาน์เตอร์ ก็มีคนพาเธอไปที่ลิฟต์ ตรงไปยังห้องทำงานของผู้กำกับ
ผู้ช่วยส่งเธอไปถึงหน้าห้องทำงาน เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป พร้อมผายมือเชิญเธอ
หร่วนซือซือพยักหน้าเบาๆเป็นการขอบคุณ แล้วเดินเข้าไป แต่พอเข้าไปแล้ว เมื่อเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอชะงักไป ยืนนิ่งอยู่กับที่
อวี้อี่มั่วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
เธอรีบหันไปมองรอบๆไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้กำกับ เธอนิ่งไปสักครู่ ก็รู้สึกฉุนขึ้นมา : “ผู้กำกับล่ะ? ทำไมถึงเป็นคุณ?”
คนที่เรียกเธอมาเป็นผู้กำกับนี่นา แต่คนที่มาเจอหน้า
ทำไมถึงเป็นอวี้อี่มั่วได้ล่ะ นี่ไม่ใช่แผนหลอกเธอ แต่ตั้งใจให้เธอรู้ว่านี่มันเป็นแผนต่างหาก
อวี้อี่มั่วนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาพิงไปที่พนักพิง พร้อมกับยิ้มแล้วเงยหน้ามองเธอ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “เธอไม่รับปากจะเจอฉัน ฉันก็ต้องหาวิธีสิ”
“คุณ……”
หร่วนซือซือโกรธจนพูดอะไรไม่ออก จ้องเขาตาถลึง เธอสูดลมหายใจ พยายามให้ตัวเองสงบอารมณ์ลง พูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า : “ต้องการจะเจอขนาดนี้ มีเรื่องอะไรจะพูดเหรอ?”
อวี้อี่มั่วนั่งตัวตรง หยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมา วางลงบนโต๊ะตรงหน้าเธอ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “ดูสิ”
หร่วนซือซือลังเลไปสักพัก เธอสูดลมหายใจเข้า เดินไปหยิบเอกสารฉบับนั้นขึ้นมาดู
เปิดดูไปหลายหน้า เธอขมวดคิ้วอดสงสัยไม่ได้ : “นี่หมายความว่ายังไง?”
นี่เป็นสัญญารับจ้างถ่ายหนังสั้นฉบับหนึ่ง ฝ่าย ข.ต้องทำตามความประสงค์ของฝ่าย ก. เป็นหลัก ตามสคริปต์ที่ให้มา เป็นหนังสั้นประชาสงเคราะห์ ที่ทำให้หร่วนซือซือแปลกใจก็คือ ฝ่าย ข.ที่พูดถึงเป็นชื่อของเธอ ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเธอ
อวี้อี่มั่วค่อยๆนั่งตัวตรงอีกครั้ง เขาพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า : “ก็หมายความตามที่เห็น บริษัทอวี้กรุ๊ปต้องการจ้างเธอให้เป็นผู้กำกับ”
เธอมองดวงตาที่ดำสนิทของเขา วางหนังสือสัญญาลงบนโต๊ะ ส่ายหน้าพร้อมกับพูดปฏิเสธไปว่า : “ฉันไม่อยากทำ”
ถึงแม้ว่าข้อตกลงและค่าตอบแทนจะน่าสนใจมาก เธอไม่อยากจะรับมัน เธอแค่อยากจบงานให้เร็ว พาเซินเซินและซาซาออกจากเมืองเจียงโจวให้เร็วที่สุด
การปฏิเสธของเธอ ไม่ได้ทำให้อวี้อี่มั่วแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขาลุกขึ้น เดินตรงมาที่เธอ ร่างที่สูงใหญ่ของเขานำมาซึ่งแรงกดดัน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมว่า : “แต่หนังสั้นนี้ มีแค่เธอคนเดียวที่ถ่ายได้”
หร่วนซือซือถอยหลังไปหนึ่งก้าว เธอส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่อยากถ่าย”
อวี้อี่มั่วเลิกคิ้วขึ้นสูง : “เป็นเพราะเงื่อนไขต่ำกว่าเกณฑ์ของเธอหรือเปล่า?”
หร่วนซือซือส่ายหน้า : “เป็นเพราะปัญหาส่วนตัวค่ะ”
พูดจบ เธอก็หมุนตัว เตรียมจะเดินออกจากห้องไป แต่เธอก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังมาจากด้านหลัง มันเป็นเสียงที่น่าอายสำหรับเธอมาก
เธอหยุดนิ่งตัวแข็งทื่อ รีบหมุนตัวกลับไปทันที เห็นเพียงอวี้อี่มั่วที่จับมือถืออยู่ เสียงนั้นดังมาจากมือถือของเขา
เสียงที่ทับซ้อนกันเป็นคลื่น เพียงครู่เดียวก็ดึงความทรงจำของเธอกลับมา เสียงนั้นไม่ได้มาจากที่อื่น แต่เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากเธอและเขาเมื่อคืนนี้
หร่วนซือซือราวกับโดนสายฟ้าฟาด เมื่อเธอหายอึ้งแล้ว ความรู้สึกเดือดจัดก็ขึ้นมาแทน
เธอเดินไปข้างหน้า มองอวี้อี่มั่วด้วยสายตาฉุนจัด : “คุณต้องการจะทำอะไร?”
“นี่เป็นหนึ่งในเงื่อนไข” อวี้อี่มั่วกดปิดเสียงนั้นไป ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยความเย็นชา : “เมื่อถ่ายหนังสั้นแล้ว ฉันจะคืนสิ่งนี้ให้กับเธอ”
หร่วนซือซือกัดฟันแน่น : “ถ้าฉันไม่ถ่ายล่ะ?”
อวี้อี่มั่วหรี่ตาลงพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย : “งั้นฉันก็จะเก็บมันไว้ชื่นชมคนเดียว”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวตรงไปที่โต๊ะทำงาน
หร่วนซือซือโกรธจนตัวสั่น คลิปวิดีโอนั้นอยู่ในมือของเขา เอาไปทำอะไรนิดๆหน่อยๆเธอก็จะมีแต่เสียหายกับเสียหาย กลายเป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเธอ!
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน กลายเป็นจุดอ่อนของเธอ จุดอ่อนที่สามารถทำลายชีวิตของเธอทั้งชีวิตเลย