ดั่งรักบันดาล - บทที่ 420 เป็นใครไม่ได้นอกจากเธอคนเดียว
หร่วนซือซือที่อึ้งจนตัวแข็งทื่อไปพักใหญ่ เธอกัดฟันแน่น รีบดึงสติตัวเองกลับมา
เธอเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังอวี้อี่มั่ว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ทำไมต้องเจาะจงว่าต้องเป็นฉัน”
ผู้กำกับมือดีของเจียงฮ่วนเฉินมีเยอะแยะ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเป็นเธอ
อวี้อี่มั่วหันกลับมา หรี่ตาลง มองเธอ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “เพราะรู้สึกว่าเธอเหมาะสม”
เขาเคยเห็นผลงานของเธอ เป็นแนวที่เขาต้องการพอดี อีกอย่าง นอกจากเหตุผลข้อนี้แล้ว ก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ
ตอนนี้เซินเซินและซาซาถ่ายทำมาจนถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ขอเพียงร่างกายของซาซาหายดี การถ่ายทำช่วงสุดท้ายก็คงจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เวลานั้น ไม่ว่าเขาจะหาเหตุผลอะไรมารั้งเธอไว้ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
บางเรื่องที่เขายังตรวจสอบไม่ได้ เขาจะปล่อยเธอไปไม่ได้เด็ดขาด
หร่วนซือซือกำมือแน่น เธอสูดลมหายใจเข้า : “นอกจากฉันแล้วเป็นคนอื่นไม่ได้ใช่ไหม?”
อวี้อี่มั่วแววตาลุ่มลึก ตอบกลับมาอย่างไม่ลังเลว่า : “เป็นคนอื่นไม่ได้นอกจากเธอ”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว หร่วนซือซือก็รู้เลยทันทีว่า เธอไม่มีทางที่จะให้ถอยแล้ว
เธอหยิบสัญญาขึ้นมาดูอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้า : “แค่ฉันถ่ายทำเสร็จ คุณจะเอาวิดีโอนั้นให้กับฉันใช่ไหม?”
อวี้อี่มั่วพยักหน้าเล็กน้อย รับปากว่า : “อืม โดยที่ไม่เก็บสำเนาไว้”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว หร่วนซือซือกัดฟันแน่น จึงพูดขึ้นว่า : “โอเค งั้นฉันจะรับงานนี้”
เธอไม่สนใจว่าอวี้อี่มั่วจะมีเป้าหมายอะไร สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอตอนนี้คือต้องจัดการวิดีโอนั้นให้เร็วที่สุด ไม่อย่างงั้นมันก็จะกลายเป็นระเบิด ระเบิดที่ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดขึ้นเมื่อไหร่
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงแค่ความผิดพลาด แล้วเธอก็ไม่อยากให้ความผิดพลาดนี้มาทำลายความสุขของเธอในอนาคต
เพราะฉะนั้น เธอจะต้องเคลียร์บิลครั้งนี้ให้เสร็จเรียบร้อย
เธออ่านสัญญาไปมาอยู่หลายรอบ เมื่อตรวจดูแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด หร่วนซือซือหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อ
อวี้อี่มั่วที่นั่งตรง มองท่าทีที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วของเธอ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นสูง
เขาเองก็เซ็นชื่อลงบนสัญญาทั้งสองฉบับ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “ถึงเวลานั้นผู้กำกับกาวจะมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้เธอ มีเรื่องไรก็ติดต่อไปที่เขาได้เลย”
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยสายตาเย็นชา ตอบกลับอย่างทื่อๆ : “ค่ะ ท่านประธานอวี้”
เมื่อพูดจบ เธอก็เก็บของ หมุนตัวเดินออกจากห้องโดยที่ไม่หันกลับมามองเลย
อวี้อี่มั่วที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองแผ่นหลังที่เยือกเย็นของเธอจากไป ภายในใจของเขาก็เกิดอารมณ์ซับซ้อนขึ้นมา
เธออาจจะโกรธเกลียดเขา แต่ครั้งนี้ เขาต้องหาความจริงบางอย่างให้ได้
ราวห้านาที ที่ห้องทำงานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตู้เยี่ยเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา พูดขึ้นว่า : “ท่านประธานอวี้ ที่บ้านโทรเข้ามาหลายสาย ดูเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วน”
อวี้อี่มั่วเมื่อได้ยินแล้ว ก็ยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้ว เขาพอจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย มองไปยังแขนที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “กลับไปเสียหน่อย”
ถึงเวลาที่ต้องประเชิญหน้าก็ต้องประเชิญหน้า
เหตุการณ์ที่เกิดที่สนามม้าวันนั้น ทำผู้คนตกใจไม่น้อย ข่าวลือมากมายกระจายออกไป แม้ว่าเขาจะให้ประชาสัมพันธ์ระงับข่าวแล้ว แต่ข่าวก็ถูกแพร่ออกไปในระดับหนึ่งแล้ว
สิ่งที่น่าแปลกใจคือ เรื่องนี้เกิดขึ้นค่อนข้างกะทันหัน จนน่าสงสัยว่ามีคนวางแผน เขาสั่งคนให้ไปตามสืบ จนได้เบาะแสมาบ้างแล้ว
เมื่อออกจากห้องทำงานของผู้กำกับ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง อวี้อี่มั่วและเย่หว่านเอ๋อก็มาถึงเรือนหอ
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด รถจอดสนิทแล้ว เขาลงรถมาก็เห็นเบนท์ลีย์สีดำสนิทจอดอยู่ที่สวนหย่อม
คนรับใช้ที่ออกมารับเสื้อนอกของอวี้อี่มั่ว พูดขึ้นกับเขาว่า : “คุณอวี้ นายท่านกับคุณนายใหญ่มาค่ะ”
อวี้อี่มั่วได้ยินแล้ว เขาพยักหน้ารับรู้ ไม่พูดอะไร สาวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน
เพิ่งเดินถึงห้องโถง ก็เห็นอวี้ชิงซาน เหอซูผิง แล้วก็เย่หว่านเอ๋อ
“อี่มั่ว กลับมาแล้วเหรอ!” หร่วนซือซือแววตาลุกวาวขึ้นมาทันที เธอรีบลุกขึ้น : “แขนเป็นยังไงบ้างแล้ว……”
อวี้อี่มั่วหลบแขนที่ยื่นมาของเธอ หันไปทักทายอวี้ชิงซานที่สีหน้าเย็นชา : “คุณพ่อ”
“หึ!” อวี้ชิงซานหัวเราะในลำคอ สีหน้าเครียดขรึม : “ยังรู้จักกลับมาด้วยเหรอ!”
มองท่าทางเอาเรื่องของเขาแล้ว อวี้อี่มั่วเดินไปด้านหน้าอย่างใจเย็น แล้วถามขึ้นว่า : “คุณพ่อ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นแกรู้ดีกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอ?” สายตาของอวี้ชิงซานจับจ้องไปที่แขนของเขา : “แกพูดออกมาเอง แขนของแกไปโดนอะไรมา!”
เมื่อได้ยินแล้ว สีหน้าของอวี้อี่มั่วเครียดขรึมขึ้นมาอีกเท่าตัว เขาหันไปมองหน้าเย่หว่านเอ๋อ
เย่หว่านเอ๋อใบหน้าเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
อวี้อี่มั่วสูดลมหายใจเข้า ตอบตามความเป็นจริง : “เกิดอุบัติเหตุที่สนามม้าครับ”
อวี้ชิงซานโกรธจนตบโต๊ะอย่างแรงไปหนึ่งที : “อุบัติเหตุ? เพื่อที่จะช่วยผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ จนแขนตัวเองได้รับบาดเจ็บ เวลาแกทำอะไรแกคิดบ้างหรือเปล่า? ตอนนี้ข่าวแพร่กระจายไปทั่วเมืองเจียงโจว ว่าแกทิ้งเมียของแกไม่สนใจไยดี แต่กลับไปหลงผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้จนหัวปักหัวปำ
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว เขาเงียบไปชั่วขณะ ไม่ได้ตอบอะไรออกมา
ก่อนจะกลับมาถึง เขาก็คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะมีคนคาบข่าวมาบอกอวี้ชิงซาน แต่ไม่นึกเลยว่าข่าวจะมาไวขนาดนี้
เขาเงยหน้าขึ้น เหลือบไปมองเย่หว่านเอ๋อ ก็พอจะเดาออก
ชั่วอึดใจ เขาก็พูดขึ้นว่า : “คุณพ่อผมแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นครับ”
อวี้ชิงซานเมื่อได้ยินแล้ว สายตาคู่นั้นของเขาคมดุจใบมีด : “สิ่งที่ถูกต้อง? อวี้อี่มั่ว แกจะให้ฉันอกแตกตายรึไง?”
พูดจบ เขาก็ยืนขึ้น พร้อมกับเดินตรงไปที่อวี้อี่มั่ว
เหอซูผิงที่เห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงรีบลุกขึ้นจับแขนของเขาไว้ พูดขึ้นว่า : “นายท่าน พอได้แล้ว สิ่งที่อี่มั่วทำไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีเสียหน่อย อย่างน้อยๆเมื่อคนนอกเห็นแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าตระกูลอวี้ชอบธรรมและมีน้ำใจ”
“ชอบธรรมและมีน้ำใจเหรอ?” อวี้ชิงซานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “อย่างเขาจะนับประสาอะไรกับความชอบธรรม! เอาแต่ใจ หลายใจ ไม่ดูแลบ้านช่อง! นี่สิถึงจะเป็นสิ่งที่คนข้างนอกเขาเห็นกัน”
พูดจบ เขาก็หันหน้าไปหาอวี้อี่มั่ว : “แกกับเย่หว่านเอ๋อแต่งงานกันมาสองปีกว่า ไม่เห็นจะมีข่าวคราวว่าจะมีลูกให้ตระกูลอวี้สักคน กลับมีแต่ข่าวเสียๆหายๆให้ได้ยิน! แกไม่อาย แต่ฉันอาย!”
คำพูดของอวี้ชิงซานยิ่งอยู่ยิ่งน่าเกลียด อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
เวลานั้นเอง จู่ๆเย่หว่านเอ๋อก็พูดขึ้นว่า : “พ่อคะ ครั้งนี้หนูก็มีส่วนผิด หนูควรจะอยู่ข้างๆเขาตลอด ขอโทษด้วยค่ะ”
“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเธอ!” อวี้ชิงซานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ถ้าเขาไม่ดีกับเธอ เธอมาบอกกับฉันได้ ฉันไม่ปล่อยเขาไว้แน่!”
อวี้ชิงซานพูดอยู่สักพัก เหอซูผิงและเย่หว่านเอ๋อที่พยายามโน้มน้าวอยู่ข้างๆ อารมณ์ร้อนของเขาถึงสงบลงบ้าง
ตอนหลัง อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นมองไปยังอวี้ขิงซาน พูดขึ้นเสียงเบา : “พ่อครับ พ่อสงบสติอารมณ์ลงก่อน ผมขอตัวกลับห้องก่อน”
พูดจบ เขาก็เดินออกไป ตรงไปที่บันไดขึ้นชั้นสอง
เย่หว่านเอ๋อเมื่อเห็นแล้ว ก็รีบพูดขึ้นว่า : “อี่มั่ว ฉันไปกับคุณ!”
อวี้อี่มั่วไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้เธอเดินตามหลังมา
เมื่อเข้าไปในห้องนอน ประตูก็ปิดลง เย่หว่านเอ๋อก็ยื่นมือมาเกาะแขนเขาไว้ แล้วพูดขึ้นว่า : “อี่มั่ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อได้ยินมาจากไหน จู่ๆเขาก็มาหาเลย คุณไม่โกรธใช่ไหม?”
พูดจบเธอก็หันหน้าไปมองอวี้อี่มั่วด้วยความไร้เดียงสา
อวี้อี่มั่วแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา ดึงแขนของเธอออก พร้อมกับถอยห่างออกมา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “เธอไม่รู้จริงๆเหรอ?”
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอจงใจปล่อยข่าว อวี้ชิงซานจะได้ข่าวเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?