ดั่งรักบันดาล - บทที่ 451 โดนเขาหักหลัง?
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น สบตากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเขา เธอสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ฉันเป็นคนรับหลินหนิงเข้ามาเอง โทษฉันที่ไม่ได้ทำความเข้าใจก่อน……”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น : “เธอไปหาจากไหนมา?”
ถ้าเกิดว่าหร่วนซือซือไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ไม่แน่อาจจะมีใครเล่นตุกติกก็ได้
เมื่อหร่วนซือซือได้ยินแล้ว เธอกำมือแน่น รู้สึกค่อนข้างลำบากใจ
เจียงฮ่วนเฉินเป็นคนแนะนำหลินหนิงให้ เธอก็ไม่ควรจะสาดโคลนใส่เจียงฮ่วนเฉินนี่นา? แต่เรื่องนี้ เธอมั่นใจว่าเจียงฮ่วนเฉินไม่ได้เป็นคนทำแน่นอน
หร่วนซือซือคิดในใจ เธอเงยหน้าสบตากับสายตาของอวี้อี่มั่ว ตอบกลับไปว่า : “ไม่สะดวกพูดค่ะ”
ประโยคเดียว ทำเอาสีหน้าของอวี้อี่มั่วเครียดขรึมขึ้นมา
ผู้กำกับกาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่นึกเลยว่าหร่วนซือซือจะตอบกลับไปอย่างนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแค่ตรวจสอบไม่ได้ จะกลายเป็นว่ายิ่งสงสัยเธอเข้าไปใหญ่
ได้ไม่คุ้มกับเสีย
เว้นเสียแต่ว่าเธอกำลังปกป้องใครบางคนอยู่
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก ในห้องที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเงียบเชียบ ผู้กำกับกาวหัวเราะขึ้นเบาๆ พูดขึ้นว่า : “ท่านประธานอวี้ ผมว่าสิ่งที่เราควรให้ความสนใจที่สุดในตอนนี้คือ รีบจัดการกับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อบริษัทอวี้กรุ๊ปก่อนครับ”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น สายตาจ้องตรงไปยังหร่วนซือซือ เขานิ่งไปชั่วครู่ แล้วละสายตาจากเธอไป พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “อืม ผู้กำกับกาว ผมมีเรื่องจะให้คุณไปจัดการ……”
พูดจบ เขาก็หันหน้าไปสั่งงานกับผู้กำกับกาว
เมื่อผู้กำกับกาวรับเรื่องแล้ว เขาก็ออกไปจากห้องทันที
เมื่อประตูปิดลง จู่ๆตู้เยี่ยก็เดินเข้ามายืนข้างๆเขา กระซิบอะไรบางอย่างข้างหูอวี้อี่มั่ว ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เครียดขรึมขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
จากนั้นตู้เยี่ยก็ออกไป พร้อมกับปิดประตูลง ณ เวลานี้ในห้องก็เหลือเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับลุกขึ้นยืน เธอหันไปมองหน้าเขาแล้วพูดขึ้นว่า : “ท่านประธานอวี้ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องไปทำก่อน……”
จังหวะที่เธอกำลังจะเดินออกไป เสียงของเขาก็ดังขึ้น ทำให้เธอยืนอึ้งอยู่กับที่
“เจียงฮ่วนเฉินเป็นคนแนะนำหลินหนิงให้กับเธอเหรอ?”
เธอสูดลมหายใจเข้า หัวใจเต้นโครมคราม
อวี้อี่มั่วเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง หรือว่าที่ตู้เยี่ยเข้ามาบอกเมื่อกี้ก็คือเรื่องนี้เหรอ?
เธอกำมือไว้แน่น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหันไปมองหน้าอวี้อี่มั่วพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ใช่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา”
อย่างน้อย ในสายตาเธอเจียงฮ่วนเฉินไม่ได้เป็นคนแบบนั้น
อวี้อี่มั่วเมื่อได้ยินแล้ว สีหน้าของเขาเครียดขรึมขึ้น เขาขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เธอมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์?”
ในสายตาเขา ทุกๆอย่างมีพื้นฐานหมด ถ้าเธอหาหลักฐานมาไม่ได้ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปแก้ต่างให้คนอื่น
หร่วนซือซือกำมือไว้แน่น พูดอะไรไม่ออก
เธอไม่ได้มีหลักฐาน แต่เธอแค่รู้สึกว่าเจียงฮ่วนเฉินจะไม่ทำอะไรแบบนั้น
เธอยังกำมือไว้แน่น กัดริมฝีปากพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ฉันแค่รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
เมื่อเขาได้ยินแล้ว ก็เดินตรงมายังเธอ เขาอยู่ใกล้ระยะประชิด เธอรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกที่มาจากเขา
ตามมาด้วยเสียงของเขาที่ดังขึ้นข้างหูของเธอ : “แล้วทำไมฉันต้องเชื่อเธอ?”
บริษัทอวี้กรุ๊ปที่เหมือนกำลังยืนอยู่ปลายหน้าผา คำพูดเพียงไม่กี่คำอาจจะส่งผลกระทบตามมาอีกมากมาย เพราะฉะนั้นเขาต้องถามความจริงที่จริงที่สุด และไม่สามารถจะเชื่อคำพูดใครง่ายๆได้
และครั้งนี้ เป็นกับดักของอวี้กู้เป่ย เรื่องที่เกี่ยวข้องเขาจึงไม่สามารถปล่อยผ่านมันไปได้ คนที่ตีสีใส่ไข่บริษัทอวี้กรุ๊ป ผลการกระทำครั้งนี้ จะต้องมีคนออกมารับผิดชอบ
หร่วนซือซือรู้สึกแน่นไปทั้งอก สบตากับสายตาที่เย็นยะเยือกของเขา หัวใจของเธอราวกับจะเยือกเย็นไปด้วย เธอสูดลมหายใจเข้า พูดอะไรไม่ออก
“หร่วนซือซือ อย่าเชื่อใจใคร โดยเฉพาะกับผู้ชาย”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น เขาเม้มปากเป็นเส้นตรง : “ตู้เยี่ยรายงานกับฉันว่า เจียงฮ่วนเฉินรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสินค้าแบรนด์หนึ่ง และอวี้กู้เป่ยก็เป็นสปอนเซอร์”
ประโยคนี้ ทำเอาหร่วนซือซือหัวใจเย็นชาไปหมด
หรือว่า เจียงฮ่วนเฉินจะหักหลังเธอเพื่อสิ่งนี้เหรอ?
อวี้อี่มั่วมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “บางครั้ง เธออาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังโดนหลอกใช้”
ทิ้งท้ายคำนี้ เขาก็เดินออกจากห้องพักผ่อนไปทันที
เมื่อเสียงประตูปิดลง หร่วนซือซือสะดุ้งเล็กน้อย
เธอรู้สึกค่อนข้างเวียนหัว เหมือนจะยืนไม่ค่อยไหว
เจียงฮ่วนเฉินจะทำแบบนี้กับเธอได้ยังไงล่ะ? เป็นไปไม่ได้!
เธอรีบหยิบมือถือขึ้นมา หลายต่อหลายครั้งที่เธอเตรียมจะโทรออกหาเจียงฮ่วนเฉิน แต่พอถึงเวลา ก็คงจะน้ำท่วมปาก พูดอะไรไม่ออก
เธอหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง ค้นหาสินค้าตัวใหม่ที่เจียงฮ่วนเฉินรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เมื่อเข้าไปดูรูปแล้ว เป็นไปตามที่อวี้อี่มั่วพูดไว้ไม่มีผิด
เจียงฮ่วนเฉินคือแบรนด์แอมบาสเดอร์ และอวี้กู้เป่ยก็เป็นสปอนเซอร์
ในใจของเธอรู้สึกหนักหน่วงขึ้นมา มือไม้อ่อน จนโทรศัพท์ร่วงลงไปที่โต๊ะ
แต่ภายในใจของเธอ ก็ยังรู้สึกไม่เชื่อกับเรื่องนี้
เมื่อกลับไปถึงกองละคร กองละครทั้งกองดูวุ่นวายไปหมด
ตอนแรกเป็นเพราะเฉินถง ทีมงานกองละครไม่พอใจ จึงมีการเปลี่ยนนักแสดงชาย เพิ่งจะลงตัว และกำลังไปได้สวย คราวนี้ก็มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก เป็นอะไรที่ยากจะยอมรับได้จริงๆ
“ฉันว่าหนังสั้นประชาสงเคราะห์อะไรนั่น ไม่ต้องถ่ายต่อแล้วเถอะ! ภาพลักษณ์ของบริษัทอวี้กรุ๊ปในตอนนี้ ถ่ายไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก!”
“ใช่ๆ กลับไปกลับมา โยนกันไปโยนกันมา ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไรกัน!”
“ชั่งเถอะ ชั่งเถอะ! ไม่ถ่ายแล้ว……”
“……”
เสียงซุบซิบนินทาที่ดังมาจากกองละคร แต่ดูเหมือนจะตั้งใจให้หร่วนซือซือได้ยิน เธอยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนกำลังจมอยู่ในคำพูดของพวกเขาและยังไม่ได้สติ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ผู้กำกับกาวมองไปที่หร่วนซือซืออยู่สักพัก เขาถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ผมว่าวันนี้เราเลิกกองก่อน ให้ทุกคนได้กลับไปพักผ่อน พอได้หายเครียดลงหน่อย การคัดเลือกนักแสดงกับความคืบหน้าเราค่อยมาคุยกันอีกที”
หลังจากใช้ความคิดมาพักใหญ่ หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ : “เอาตามที่คุณว่าเลยค่ะ”
ถึงแม้จะทำงานต่อ แต่ไม่มีนักแสดงนำ และทีมงานเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำ ก็คงทำอะไรออกมาไม่ได้หรอก
ทีมงานกองละครแยกย้ายกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน ภายในใจของหร่วนซือซือรู้สึกอุดอู้มาก แต่เมื่อกลับถึงบ้านแล้วเห็นหน้าเซินเซินและซาซา ก็เหมือนกับได้รับพลังงานขึ้นมาทันที ความเหนื่อยความอุดอู้ก็หายไปในพริบตา
เมื่อพาเด็กๆทานข้าวเสร็จแล้วก็เข้านอนแล้ว
หลายวันมานี้ คำครหาหาต่างๆนาๆของบริษัทอวี้กรุ๊ป ทำให้ราคาหุ้นบริษัทตกลงไปเรื่อยๆ เวลานี้ ผู้อาวุโสของบริษัทก็เริ่มนั่งไม่ติดกันแล้ว ทุกๆฝ่ายเพ่งเล็งมายังอวี้อี่มั่วเพื่อติดตามความรับผิดชอบ แรงกดดันทั้งหมด จึงถูกแขวนไว้บนบ่าของเขาคนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นสื่อต่างๆพากันรายงานไปต่างๆนานา ในตอนแรกอวี้อี่มั่วกะจะเรียกคืนตำแหน่งอวี้ชิงซาน แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ติดต่อไม่ได้เลย ราวกับว่าได้ระเหยไปในอากาศแล้ว
หร่วนซือซือที่เห็นข่าวแล้ว เธอเองก็ร้อนใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เกี่ยวกับอวี้ชิงซาน เธอก็พอรู้มาบ้างว่า ก่อนหน้านี้ได้ร่วมงานวันเกิดของคุณท่าน หลังจากนั้น เขาและเหอซูผิงก็ได้จากเมืองเจียงโจวออกต่างประเทศไป ช่วงนี้ก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย
ตามที่สื่อต่างๆได้รายงานมา ว่าไม่มีข่าวคราวของอวี้ชิงซานเลย ติดต่ออะไรไม่ได้ จะเว่อร์เกินไปหรือเปล่านะ?