ดั่งรักบันดาล - บทที่ 452 ไม่เคยโกหกเธอแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งคู่สบตากัน หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที……
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความคลุมเครือ หร่วนซือซือที่รู้สึกแปลกๆในใจ เธอจึงเอียงหน้าหลบ พร้อมกับถอยห่างออกมา : “ดูแลตัวเองดีๆนะ”
พูดจบ เธอก็รีบเปิดประตู แล้วออกจากห้องไปทันที เหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังวิ่งหนีด้วยความตื่นกลัว
ดวงตาสีดำทมิฬที่สว่างไสวของเขา ลุ่มลึกจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เธอกลัวใจตัวเอง ว่าถ้ายิ่งมองก็จะยิ่งถอนตัวไม่ขึ้น
จึงรีบออกมาจากห้องพักผ่อน เมื่อออกมาไกลแล้ว ตัวของเธอที่เกร็งไปหมดเมื่อสักครู่ก็รู้สึกผ่อนคลายลง
“ผู้กำกับหร่วน”
ทีมงานเรียกพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเธอ แต่สายตากลับจ้องไปที่คอของเธออย่างไม่กระพริบตา
หร่วนซือซือยิ้มให้ทีมงาน เพิ่งสังเกตเห็นสายตาของเธอ จึงนึกขึ้นได้ว่าสร้อยอัญมณีสีฟ้าเส้นนั้นยังอยู่บนคอของเธอ
เธอสูดลมหายใจเข้า รีบเดินไปในที่ที่ไม่มีคน แล้วถอดสร้อยเส้นนั้นออกมา
สร้อยคอเส้นนี้สะดุดตาเกินไป เธอเก็บมันก่อนดีกว่า เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาไปพูดวิพากษ์วิจารณ์กัน
เมื่อเก็บสร้อยคอแล้ว เธอจึงเดินเข้ากองละคร คุยกับทีมงานอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มถ่ายทำ
ไม่ถึงสิบนาที อวี้อี่มั่วก็ออกมาจากห้องพักผ่อน ออกรถไปพร้อมตู้เยี่ย หร่วนซือซือหันไปดูรถที่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
เมื่อเลิกกองกลับถึงบ้านแล้ว หร่วนซือซือที่เพิ่งวางกระเป๋าลง คุณนายหลิวก็เดินมาหาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ซือซือ พรุ่งนี้พ่อเธอจะพาแม่ออกไปเที่ยว”
หร่วนซือซือยิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า : “ไปที่ไหนคะ?”
“หมู่บ้านชิงเหอ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเธอ! พ่อเธอบอกว่าเป็นวันที่แม่ทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นก็เลยพาแม่ออกไปผ่อนคลายหน่อย”
พูดจบ เธอก็หันไปมอง สจ.หร่วนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาด้วยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นมาก็เห็น ศจ.หร่วนที่ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ในมืออยู่ แต่เมื่อได้ยินที่คุณนายหลิวพูด ก็แอบยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
มองเห็นทั้งสองที่ยังรักกันหวานชื่น หร่วนซือซือก็แอบยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว
อาจเป็นเพราะ ศจ.หร่วนที่เพิ่งผ่านอาการป่วยสาหัสมา จึงรักษาคนข้างตัวมากขึ้น อายุยิ่งมาก ก็ยิ่งรักยิ่งเอาใจคุณนายหลิวมากขึ้น
เธอในฐานะลูกสาว มองที่ตา หวานที่หัวใจ
หร่วนซือซือหันไปหาคุณนายหลิว เธอยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “หนูสนับสนุนเต็มร้อยค่ะ พรุ่งนี้ออกไปเที่ยวกับคุณพ่อให้สนุก ไม่ต้องคิดไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น!”
“โอเค วางใจได้ ฉันไม่มาห่วงเธอหรอก ฉันพูดกับซ่งเย้อันเรียบร้อยแล้ว! เขาบอกว่าจะจัดเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่กับให้เธอ แม้กระทั่งแม่ก็ไม่ยอมบอก”
พูดจบ เธอก็ขยับเข้ามาใกล้หร่วนซือซือ พร้อมกับกระพริบตาส่งสัญญาณให้เธอ
หร่วนซือซือก็ยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ครอบครัวปรองดองรักใคร่ ลูกๆอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ชีวิตแบบนี้ เป็นชีวิตที่เธอรอคอยมาโดยตลอด
“พรุ่งนี้ฉันกับพ่อเธอจะออกไป ส่วนเธอกับลูกเขยซ่งแล้วก็สองเด็กฉลองกันเองแล้วกัน!”
ฟังคุณนายหลิวที่กำลังจัดแจงสั่งโน่นนี่นั่นแล้ว หร่วนซือซือก็พยักหน้ารัวๆ เธอยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “โอเคค่ะ โอเค ฟังแม่ทั้งหมดนั่นแหละค่ะ”
พอตกกลางคืน ไม่รู้ว่าผู้กำกับกาวรู้เรื่องวันเกิดของเธอมาจากไหน เขาส่งข้อความมาว่า พรุ่งนี้ให้เธอพักผ่อนเต็มที่ ส่วนทางกองละครเขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด
อ่านคำอวยพรวันเกิดของผู้กำกับกาวแล้ว หร่วนซือซือก็ยิ้มขึ้น เธออารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง
จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่เพราะอวี้อี่มั่วพูดขึ้นมา เธอคงจะลืมวันเกิดของตัวเองไปแล้วแน่ๆเลย ห้าปีก่อนหน้านี้ที่อเมริกา พอเธอนึกขึ้นได้ก็เลยวันเกิดไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าพอกลับมาอยู่ที่เจียงโจว จะมีคนจำวันเกิดของเธอได้เยอะขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากเป็นพิเศษ
วันปกติทั่วไป แต่เป็นเพราะทุกคนใส่ใจ มันจึงกลายเป็นความรู้สึกที่ลึกลับ ลึกๆในใจเธอก็ยังแอบรอคอย
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหร่วนซือซือตื่นแล้ว เพิ่งสังเกตว่าบ้านทั้งหลัง เหลือเธออยู่เพียงคนเดียว คุณนายหลิวและ ศจ.หร่วนออกไปแต่เช้า ยังเตรียมอาหารเช้าให้เธอด้วย เซินเซินและซาซาก็ถูกซ่งเย้อันแอบรับไปเงียบๆไปตั้งแต่เช้า
เวลานี้ บ้านทั้งหลังเงียบสนิท จนเธอรู้สึกไม่ค่อยชินเลย
เธอเองไม่รู้ว่าซ่งเย้อันเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรให้เธอ ถึงได้พาสองเด็กไป
หร่วนซือซือคิดแล้ว ก็หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า เธอยกถ้วยโจ๊กเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ
ครู่เดียว เพียงไม่กี่นาที ก็ได้ยินเสียงสัญญาณของไมโครเวฟดัง”ติ้ง” เธอยื่นมือไปจับถ้วยโจ๊ก แต่ดันลืมใส่ถุงมือกันร้อน
เมื่อเธอยกขึ้นมาแล้ว ก็รู้สึกร้อนจนทนไม่ไหว เธอจึงปล่อยถ้วยโจ๊กลงจากมือ
ถ้วยกระเบื้องลื่นลงจากโต๊ะ แล้วตกลงบนพื้นดัง”แพล้ง” เศษกระเบื้องกระจัดกระจายไปทั่วพื้น โจ๊กก็หกเลอะเทอะไปหมด
หร่วนซือซือสะดุ้งตกใจ ถอยหลังไปสองก้าว มองพื้นที่เละตุ้มเป๊ะ ในหัวของเธอรู้สึกขาวโพลนไปหมด
เธอยืนอึ้งอยู่แบบนั้นหลายวินาที จนเพิ่งได้สติขึ้นมา
ทำไมถึงไม่ระวัง ทำถ้วยหล่นได้เนี่ย?
ทันใดนั้นเอง ก็มีเรื่องบางอย่างผ่านเข้ามาในหัวของเธอ นึกย้อนไปตอนวันเกิดวัยเด็กของเธอ คำพูดที่คุณนายหลิวที่พูดขึ้นว่า : “ในวันเกิด สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือห้ามทำอะไรแตกหัก เพราะว่ามันจะเป็นลางร้าย เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังให้ดี!”
แล้วตอนนี้ล่ะ……เป็นลางร้ายเหรอ?
หร่วนซือซือรู้สึกแน่นไปทั้งอก เธอเริ่มเป็นกังวลใจ มองไปยังพื้นที่เละเทะไปหมด เธอสุดลมหายใจเข้า เดินออกไปด้านข้าง เก็บกวาดเศษกระเบื้อง พร้อมกับถูพื้นให้สะอาด
ใช้เวลาราวสิบนาที ก็จัดการเสร็จเรียบร้อย หร่วนซือซือสุดลมหายใจเข้า มองไปยังพื้นที่สะอาดเอี่ยม แต่ไม่รู้ทำไมลึกๆในใจก็ยังรู้สึกกังวลแปลกๆ
ตั้งแต่เช้า ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ราวกับก้อนหินที่กำลังจมดิ่งลงกลางทะเลสาบ ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
ทันใดนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น ปลุกเธอออกจากห้วงความคิดนั้น เมื่อเธอได้สติ ก็รีบเดินไปหยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นสายโทรเข้าของซ่งเย้อัน
เธอรับสายแล้วเอามาแนบกับหู เขารีบพูดขึ้นว่า : “ซือซือ ตื่นหรือยัง?”
เธอฟังน้ำเสียงที่กำลังตื่นเต้นของเขาออก หร่วนซือซือยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ตื่นแล้ว”
“ไปเตรียมตัวเร็ว เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ไปให้ เธอมาด้วยนะ”
หร่วนซือซือหัวเราะขึ้นเบาๆ อดไม่ได้ที่จะถามไปว่า : “นายกำลังทำอะไรกัน มารับเซินเซินและซาซาไปตั้งแต่เช้า……”
“วางใจเถอะ เธอต้องชอบมันแน่ๆ” น้ำเสียงของซ่งเย้อันเหมือนสายลมของค่ำคืนในเดือนห้า อ่อนโยนและสะอาด สดชื่นชวนหลงใหล
“โอเค งั้นฉันจะรอดูว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรกันแน่”
เขาอมยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “งั้นรอบนี้ฉันจะไม่ไปรับเธอ เธอมาเองแล้วกันนะ”
“โอเค เดี๋ยวฉันจะไปเอง”
เมื่อวางสายแล้ว หร่วนซือซือก็ทานอาหารเช้าที่เหลือ ขึ้นห้องเพื่อจะได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด
ถึงยังไง ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศก็ไม่ได้จัดงานวันเกิดมาห้าปีแล้ว ครั้งนี้ก็ตามใจพวกเขาแล้วกัน พูดถึงแล้ว เธอก็ออกจะรอคอยอยู่เหมือนกัน
เมื่อเข้าถึงห้องแล้ว เธอเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดสีม่วงเผือก ใส่คู่กับต่างหูมุก เธอเกล้าผมขึ้น แต่งหน้าบางๆ ลุคนี้ดูหวานและสวยน่าหลงใหล
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอยืนอยู่หน้ากระจกด้วยความพึงพอใจ จัดกระเป๋า พร้อมกับออกจากบ้าน เรียกรถคันหนึ่ง ตรงไปยังที่อยู่ที่ซ่งเย้อันให้ไว้
เธออยากจะเห็นจริงๆเลยว่า ซ่งเย้อัน เซินเซินและซาซาจะวางแผนเซอร์ไพรส์อะไรให้เธอ