ดั่งรักบันดาล - บทที่ 499 เธอฆ่าตัวตาย
พอเดินออกจากอพาร์ทเม้นต์มาแล้ว ข้างนอกมีลมเย็นๆพัดผ่านมาทำให้หร่วนซือซือมีสติสัมปชัญญะในทันที
อวี้อี่มั่วในวันนี้คาดเดาได้ยากกว่าเมื่อห้าปีก่อน บางครั้งเธอไม่รู้จริงๆว่าคำพูดของเขาควรเชื่อหรือไม่ แต่ว่าครั้งนี้ เธอมีประสบการณ์แล้ว
เธอไม่รู้ว่าอวี้อี่มั่วยืนอยู่ข้างใครกันแน่และไม่รู้ด้วยว่าเขาจะส่งมอบหลักฐานพวกนั้นให้ตำรวจจริงหรือไม่ ไม่ว่ายังไง เขาพึ่งไม่ได้ ถ้าเธอต้องการให้เย่หว่านเอ๋อได้รับโทษก่อนจะเดินทางออกนอกประเทศ เธอคงต้องลงมือด้วยตัวเอง
เธอกัดฟันตัวเองแน่น เธอเหวี่ยงเรื่องปวดหัวพวกนั้นทิ้งไป ลมเย็นๆที่พัดผ่านมาทำให้เธอรู้สึกเย็นสบาย และทำให้เธอมีสติอยู่กับตัวเองมากขึ้น
แม้ว่าเธอจะยังไม่มีหลักฐานที่เย่หว่านเอ๋อขับรถชนคน แต่เธอก็ต้องใช้โอกาสนี้เพื่อสั่งสอนเธอสักหน่อย! คนอย่างหร่วนซือซือไม่ใช่คนที่ยอมก้มหน้าก้มตาโดนรังแกคนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
เหลือเวลาเพียงสามวันก่อนที่จะส่งตัวอันอันไปรักษาต่อที่ต่างประเทศ หร่วนซือซือเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่ออยู่ดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับซ่งอวิ้นอันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้
ตลอดช่วงเช้าที่อยู่โรงพยาบาล หร่วนซือซือก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเย่หว่านเอ๋อมากมาย
สิ่งที่บังเอิญก็คือเย่หว่านเอ๋อก็รักษาตัวอยู่ที่ศูนย์โรงพยาบาลหลัก ที่สำคัญพักอยู่ตึกเดียวกับพวกเธอในตอนนี้ด้วย
ช่วงหลายวันมานี้ ข่าวการหย่าระหว่างอวี้อี่มั่วและเย่หว่านเอ๋อได้แพร่ออกไปเร็วมาก หลังจากนั้นก็มีข่าวของเย่หว่านเอ๋อที่รถโรงพยาบาลต้องรีบเข้าไปรับตัวเธอมาที่โรงพยาบาล ทุกคนต่างก็เชื่อมโยงไปถึงเรื่องการหย่าร้าง
ความกระตือรือร้นและความไวในการนินทาของมนุษย์ช่างเหนือจินตนาการจริงๆ ผู้คนบนอินเทอร์เน็ตได้คาดเดากันไปต่างต่างนานา แต่ก็ไม่มีความจริงที่ถูกต้องเลย ทุกสำนักข่าวก็กำลังตามติดข่าวนี้ แต่ตระกูลเย่ก็พยายามปกปิดทุกทางเพื่อไม่ให้มีข่าวรั่วไหลออกไป
หลังจากทานอาหารกลางวัน หร่วนซือซือนั่งพักอยู่ที่มุมพักผ่อนของโรงพยาบาล เธอเปิดนิตยสารดู ไม่นาน ก็มีเสียงดังขึ้นข้างๆ
พยาบาลสองคนนั่งอยู่ตรงมุมห้อง และกระซิบคุยกัน
” เมื่อกี้ตอนที่ทานข้าวอยู่ฉันเจอพยาบาลที่รับผิดชอบห้องผู้ป่วยชั้นสอบคนนั้น เธอบอกกับฉันว่า คนที่ชื่อเย่หว่านเอ๋อเธอตั้งใจจะฆ่าตัวตายด้วยการกีดข้อมือ แต่ช่วยชีวิตได้ทันสะก่อน ฉันว่านะต้องเกี่ยวกับเรื่องการหย่านั่นแน่นอน……”
” จรองหรอ? ข่าวน่าเชื่อถือได้รึเปล่า? ”
” แน่นอนสิ! พยาบาลที่ชั้นสิบต่างก็เล่าต่อๆกันแบบนี้! อีกอย่างเธอก็ลองคิดดูสิ ก่อนหน้านี้หนึ่งวันเป็นวันครบรอบแต่งงานสามปีของเธอและอวี้อี่มั่ว เธอยังแสดงความรักผ่านเวยป๋ออยู่เลย! พอวันถัดมาอวี้อี่มั่วก็ประกาศข่าวเรื่องการหย่าต่อทุกคน นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว! ”
” ก็จริง แปลกมาก……”
“……”
หร่วนซือซือได้ยินเข้าก็รู้สึกงุนงง และเกิดความประหลาดใจเล็ดน้อย
เดิมทีที่เธอเห็นข่าวว่าเย่หว่านเอ๋อฆ่าตัวตายเธอยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ แต่ตอนนี้พอได้ยินพวกพยาบาลคุยกัน ก็ค่อนข้างแน่ใจได้แล้วว่าเย่หว่านเอ๋อเข้าโรงพยาบาลเพราะฆ่าตัวตายจริงๆ
สาเหตุที่เธอฆ่าตัวตาย ต้องเป็นเพราะเรื่องที่อวี้อี่มั่วต้องการหย่ากับเธอแน่นอน
หร่วนซือซือกำนิตยสารในมือไว้แน่น จู่ๆก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอรีบลุกเดินไปที่ลิฟต์
ชั้นแปดขึ้นไปของศูนย์โรงพยาบาลหลักเป็นห้องของผู้ป่วยระดับสูง เป็นห้องผู้ป่วยวีไปพี ห้องพักของซ่งอวิ้นอันอยู่ชั้นแปด และเมื่อกี้เธอได้ยินพยาบาลสองคนนั้นคุยกันบอกว่าเย่หว่านเอ๋อพักอยู่ชั้นสิบ
เธอเดินเข้าไปในลิฟต์ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนหนึ่งครั้ง จากนั้นก็กดปุ่มชั้นสิบ
ระบบการรักษาความปลอดภัยของศูนย์โรงพยาบาลกลางดีมาก โดยเฉพาะห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพีต้องเป็นคนที่มีหน้ามีตาในเมืองเจียงโจวเท่านั้นที่จะผ่านเข้าไปได้ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมปาปารัสซี่ที่มารออยู่หน้าโรงพยาบาลไม่ได้ข่าวสารอะไรไปเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพีตรวจสอบเข้มงวดมาด ไม่ใช่ใครที่ไหนก็สามารถเข้าไปได้
แต่หร่วนซือซือเป็นคนในครอบครัวของผู้ป่วย เธอจริงสามารถเดินขึ้นไปห้องวีไอพีได้ทุกชั้น
ลิฟต์เปิดออก หร่วนซือซือออกมาจากลิฟต์อย่างใจเย็นและเดินไปตามทาง
จากที่ไม่ไกล เธอพึ่งจะเดินไปถึงทางโค้งหนึ่ง เธอก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นหลังจากนั้น ก็มีเสียงปิดประตูเสียงดัง เสียงครวญคราวของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ” นี่ฉันทำบาปทำกรรมอะไรไว้เนี่ย! ”
” อวี้อี่มั่วเขาจะมาหรือไม่มากันแน่ คุณเย่คะ ลูกหว่านเอ๋อของเราไม่ยอมกินอะไรเลยแม้แต่คำเดียว คุณจะให้ฉันทำยังไงดี! ”
“……”
หร่วนซือซือชะงัก จากนั้นก็รีบเดินตามเสียงที่ดังขึ้นไปทันที ทันทีที่เธอเดินไปอีกมุมหนึ่งเธอก็เห็นมีคนยืนอยู่ที่หน้าห้องอยู่ไม่ไกล
มีทั้งเย่เฟิงเผิง คุณนายเย่ แล้วก็เย่เจ๋ออวี่ แล้วมีลูกน้องอีกสองคน
คุณนายเย่ร้องไห้น้ำตาไหลพลุพล่าน เธอร้องไห้พร้อมกับถามเย่เฟิงเผิงไปด้วย
สีหน้าเย่เฟิงเผิงเคร่งเครียดมาก เขาขมวดคิ้วแน่น ” ฉันจะทำอะไรได้! ฉันให้คนไปตามก็แล้ว โทรหาก็แล้ว เขาก็ไม่ยอมมา!อีกอย่างลูกสาวตัวดีของเธอก็เซ็นใบหย่าไปเรียวร้อย เธอจะให้ฉันทำยังไง! ”
คุณนายเย่ร้องไห้พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ” แล้วตอนนี้จะเอายังไงกันดี! หว่านเอ๋อก็เอาแต่อยากตาย! ทั้งกีดข้อมือทั้งอดอาหาร! ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมาแล้วฉันจะอยู่ยังไง! ”
เมื่อเย่เฟิงเผิงได้ยินแบบนั้น สีหน้าเขาก็เคร่งเครียดจนน่ากลัว เขารีบหันไปมองคุณนายเย่พร้อมกับพูดเตือนเธอ ” หุบปาก! เธออยากให้เรื่องที่ลูกสาวเธอฆ่าตัวตายหลุดออกไปให้ทุกคนทั่วโลกรับรู้หรือไง! เธอรู้ไหมว่าหลายวันมานี้ฉันลงทุนลงแรงไปเท่าไหร่กว่าจะปิดข่าวนี้ได้! ”
เย่เจ๋ออวี่ก็พูดสนับสนุนขึ้นข้างๆ ” จริงด้วยแม่! พูดแค่ที่บ้านก็พอแล้ว แม่จะเอามาพูดที่นี่ทำไม แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเราจ่ายเงินไปมากเท่าไหร่แล้ว! ”
แววตาคุณนายเย่เต็มไปด้วยความกลัว เสียงเธอเบาลงเยอะมาก ” แล้วตอนนี้จะทำยังไงล่ะ? หว่านเอ๋อจะเป็นจะตายอยู่แล้ว……”
“ให้พยาบาลฉีดยาให้เธอ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะอดข้าวอดน้ำจนตายได้! ” เย่เฟิงเผิงพูดขึ้นนิ่งๆ เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาเดินเข้าไปหน้าประตูห้องและจงใจพูดให้เย่หว่านเอ๋อได้ยิน ” ถ้าตอนนั้นเธออดทนและไม่ยอมเซ็นใบหย่านั่นก็คงดี! ดูสิตอนนี้เรื่องทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ถ้าสำนักสื่อต่างๆออกมาเปิดโปงทุกอย่าง ตระกูลเย่ของเราก็คงจะสูญสิ้นตามไปด้วย! ”
คุณนายเย่รีบดึงตัวเขาไว้และพูดโน้มน้าวเขา ” พอเถอะ! หว่านเอ๋อก็เสียใจมากอยู่แล้ว……”
หร่วนซือซือหลบอยู่ตรงมุมเพื่อดูฉากทะเลาะกันตรงหน้า ในใจเธอก็รู้สึกสะใจขึ้นมาทันที
เธอได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าเย่เฟิงเผิงเข้มงวดกับลูกสาวมาก ตอนนี้พอเห็นแล้วรู้สึกว่าเหมือนจะเป็นความจรองสะด้วย
แต่เธอไม่ได้รู้สึกเห็นใจเย่หว่านเอ๋อเลยสักนิด ตระกูลเย่ก็ดี เย่หว่านเอ๋อก็ดี สำหรับเธอแล้วล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน
” พอเถอะ! ไม่ต้องพูดสักคนแล้ว! จะพูดก็กลับไปพูดที่บ้าน! ”
เย่เจ๋ออวี่พูดขึ้นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ
หร่วนซือซือพึ่งจะตั้งสติได้ พอเห็นเย่เจ๋ออวี่กำลังจะมองมาทางนี้ เธอตกใจ และเธอก็รีบถอยหลังทันที แต่ทันใดนั้นเย่เจ๋ออวี่ก็เห็นเธออยู่ดี
ทันทีที่เย่เจ๋ออวี่เห็นเงาคนปรากฏขึ้นตรงมุมนั้น เขาก็กระวนกระวายและรีบเดินไปทางด้านนั้นทันที
หร่วนซือซือได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางนี้ เธอรีบเดินเข้าไปในบันไดหนีไฟและเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน เสียงฝีเท้าก็หายไป เธอจึงเอาหลังพิงกำแพงทันที ไม่กล้าเดินและไม่กล้าขยับไปไหน เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
เสียงฝีเท้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เย่เจ๋ออวี่ผลักประตูบันไดหนีไฟพร้อมกับเดินเข้ามา เขาเดินลงตามบันไดมา หร่วนซือซือตัวแข็งทื่อ กำลังคิดอยู่ว่าจะวิ่งลงไปต่อดีไหม ทันใดนั้น ก็มีสายเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น
เป็นเสียงจากโทรศัพท์เย่เจ๋ออวี่
เสียงฝีเท้าหยุดลงอย่างกะทันหัน เย่เจ๋ออวี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดรับสาย ” ฮัลโหล? ”
ไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร ได้ยินเพียงเสียงที่ตึงเครียดของเย่เจ๋ออวี่ ” ได้ จิ่งเหยี่ย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ”
หลังจากนั้น เย่เจ๋ออวี่ก็เดินออกไปทันที
วินาทีที่ได้ยินเสียงประตูบันไดหนีไฟปิดลง หร่วนซือซือที่ยืนพิงกำแพงอยู่ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น เธอถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอก