ดั่งรักบันดาล - บทที่ 509 แค้นลึกฝังใจ
ซ่งเย้อันพึ่งกลับจากนครฟิลาเดลเฟีย เขาจึงใช้เวลาอยู่ข้างๆเธอมากขึ้น อาการของซ่งอวิ้นดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เธอก็ค่อยๆได้สติขึ้นมา เพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอ และฟื้นขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น หลังจากนั้นก็หลับไป
คุณหมอเจมส์อธิบายถึงสถานการณ์แบบนี้ เป็นเพราะผู้ป่วยอยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลาที่นาน อวัยวะต่างๆของร่างกายไม่ได้ใช้งานนานเกินไป การทำงานของร่างกายและอวัยวะต่างๆอยู่ในสภาพตอบสนองช้า ขอเพียงแค่เธอตื่นขึ้น ก็ถือว่าประสบความสำเร็จกว่าครึ่งแล้ว การฟื้นรอบหน้าของซ่งอวิ้นอันจะนานกว่ารอบนี้แน่นอน
หลังเที่ยง หร่วนซือซือทานมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงไปพักผ่อนที่สวนดอกไม้หลังโรงพยาบาล ในที่สุดก็หาวิธีใช้วีแชทเวอร์ชันต่างประเทศได้แล้ว เมื่อเปิดเข้าไปได้แล้ว เพียงครู่เดียว ก็มีข่าวต่างๆมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
เธอไม่ได้อ่านรายละเอียดอะไรมากมาย รีบค้นหาวีแชทของคุณนายหลิวก่อน เมื่อเห็นข้อความที่คุณนายหลิวส่งมาเป็นร้อยข้อความแล้ว เธอก็รู้สึกผิดมาก
ระยะเวลาราวหนึ่งเดือน เพราะว่าเธอทำโทรศัพท์หายและซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ในต่างประเทศ จึงไม่สามารถใช้งานวีแชทได้ บวกกับที่เธอยุ่งอยู่กับการดูแลอันอัน เธอจึงไม่ได้ติดต่อเลย ศจ.หร่วนและคุณนายหลิวเลย
พอมาวันนี้เธอสามารถล็อกอินเข้าวีแชทได้แล้ว เมื่อเห็นข้อความเป็นร้อยข้อความของคุณนายหลิว เธอจึงรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
เธอโทรวิดีโอคอลหาคุณนายหลิว เพียงครู่เดียว ปลายสายก็รับสาย บนหน้าจอก็ปรากฏในหน้าของคุณนายหลิว
“ซือซือ!”
คุณนายหลิวทั้งดีใจและตกใจ เธอรีบถามขึ้นว่า “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม!ทำไมถึงติดต่อเธอไม่ได้เลย ฉันกับพ่อของเธอเป็นห่วงเธอแทบแย่ นึกว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอแล้ว……”
เมื่อโดนคุณนายหลิวถามคำถามมามากมาย หร่วนซือซือก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยิ้มทั้งอยากหัวเราะ แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาจู่ๆก็คลอเบ้า เธอสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดขึ้นว่า : “แม่คะ……
หนูไม่เป็นไรค่ะ แม่สบายใจเถอะ ตอนหนูนั่งเครื่องมาหนูทำมือถือหาย หลังจากนั้นก็ซื้อโทรศัพท์ใหม่ที่นี่ หนูจึงไม่ทันได้ติดต่อค่ะ……”
คุณนายหลิวเมื่อได้ยินแล้ว ก็น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมา เธอจึงบ่นหร่วนซือซือเบาๆ : “เด็กคนนี้นี่ ทำไมไม่ติดต่อมาเลย…รู้รึเปล่าว่าฉันกับพ่อเธอเป็นห่วงขนาดไหน!”
เมื่อบ่นเธอไปยกใหญ่ ก็เห็น ศจ.หรวนปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือ เขานั่งอยู่ด้านหลังของคุณนายหลิว เมื่อเห็นคุณนายหลิวที่ร้องไห้ไม่เป็นท่า ก็ขมวดคิ้วขึ้น : “ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าซือซือไม่เป็นอะไร เธออยู่กับลูกเขยซ่ง จะไปมีเรื่องอะไรได้ล่ะ?
คุณนายหลิวจึงถลึงตาใส่ แล้วรีบพูดขึ้นว่า : “ฉันก็แค่เป็นห่วงนี่นา! คุณก็รู้ ว่าช่วงนี้ตระกูลอวี้มีทั้งคนหายและก็คนเสียชีวิต เกิดเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน ฉันก็เลยกลัวว่าซือซือจะพลอยเกิดเรื่องไปด้วย……”
เมื่อคุณนายหลิวพูดออกมาอย่างไม่ทันได้คิด ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบปั้นหน้าเป็นตาให้ ศจ.หร่วน
ศจ.หร่วนสีหน้าก็เครียดขรึมขึ้นมา แววตาเหมือนจะตำหนิเธอว่าไม่สมควรพูดเรื่องนี้
การสนทนาก็เข้าสู่บรรยากาศความเงียบงัน หร่วนซือซืออึ้งไปชั่วขณะ นึกว่าตัวเองฟังผิดไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อกับแม่ที่แสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว จึงรู้ว่าที่ตัวเองไม่ได้หูฝาดไป
เธอตกใจจนอ้าปากค้าง จึงถามขึ้นว่า : “แม่คะ เมื่อกี้แม่บอกว่าตระกูลอวี้เป็นอะไรนะคะ?”
คุณนายหลิวเมื่อได้สติ เธอก็หน้าซีดลงทันที เหมือนเธอกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ก็หยุดพูดไป เธอกลืนคำพูดที่จะพูดลงคอไปหมด รีบส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไม่มี……ไม่มีอะไร!”
คุณนายหลิวที่โกหกคนอื่นไม่ค่อยเป็น หร่วนซือซืออยู่กับเธอมายี่สิบกว่าปี ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าเธอกำลังโกหก
สีหน้าของหร่วนซือซือค่อยๆจริงจังขึ้นมา เธอขมวดคิ้วพร้อมกับถามไปว่า : “สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะ?”
ระหว่างที่เธออยู่ต่างประเทศ เธอไม่สามารถดูข่าวของเจียงโจวได้ จึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเลย ที่แม่ของเธอพูดออกมาแบบนั้น หรือว่าตระกูลอวี้เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นก็มีใบหน้าของเขาปรากฏขึ้นในหัวของเธอ จู่ๆก็เกิดความกังวลใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอกุมมือถือไว้แน่น อุ้มมือของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่ออย่างไม่รู้ตัว
เวลานั้นเอง คุณนายหลิวก็อยากที่จะวางสาย หร่วนซือซือกัดฟันแน่น แล้วถามขึ้นว่า : “เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลอวี้ใช่รึเปล่าคะ!”
คงจะปิดบังต่อไม่ได้แล้ว คุณนายหลิวและศจ.หร่วนสบตากัน ศจ.หร่วนส่ายหน้าแล้วพูดกับคุณนายหลิวว่า : “ช่างเถอะ ไหนๆคุณก็พูดมันออกมาแล้ว ก็บอกเธอไปเลยแล้วกัน”
คุณนายหลิวเมื่อได้ยินแล้วก็ทำหน้าไม่ถูก เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจพูดขึ้นว่า : “ในระหว่างที่เธอไม่อยู่เจียงโจวหนึ่งเดือนมานี้ ตระกูลอวี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย อวี้อี่มั่วก็หายตัวไป หลังจากนั้นอวี้กู้เป่ยก็เข้ามาดำเนินการแทนทุกอย่าง จัดการทุกอย่างในบริษัทอวี้กรุ๊ป ไม่นาน ตำรวจก็เจอพาสปอร์ตของอวี้อี่มั่วที่ชานเมือง คาดว่าถูกสัตว์ป่าทำร้ายขณะตั้งแคมป์ในป่า……”
หร่วนซือซือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา คำพูดที่เธอได้ยินไปเมื่อสักครู่นี้ทำเอาหน้าของเธอขาวซีด ราวกับว่าถูกดูดวิญญาณออกไปจากร่างแล้ว แม้แต่หายใจก็ยังรู้สึกลำบาก
พาสปอร์ตของอวี้อี่มั่ว……
คำพูดพวกนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ เพียงชั่วอึดใจ เธอก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที : “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
อวี้อี่มั่วคนที่สูงส่งและแข็งแกร่งที่สุด ทำไมจู่ๆจะมาพูดง่ายๆว่าไม่มีคนๆนี้แล้วล่ะ? อีกอย่าง ก่อนที่เธอจะออกจากเจียงโจว สมาชิกหุ้นส่วนบริษัทอวี้กรุ๊ปเฉินเต๋อเซิงที่ประสบอุบัติเหตุ เขายังยุ่งอยู่กับการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เลย จะเป็นไปได้ยังไงว่าจู่ๆเขาจะไปตั้งแคมป์ในป่า?
ทั้งหมดนี้ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่นิดเดียว!
เมื่อหร่วนซือซือได้สติ ก็จ้องมองไปที่คุณนายหลิวทันที พร้อมกับถามขึ้นว่า : “แม่คะ แม่บอกว่าตอนนี้ใครเป็นคนดูแลบริษัทอวี้กรุ๊ปอยู่นะคะ?”
“อวี้กู้เป่ยน้องชายของอวี้อี่มั่ว”
เมื่อได้ยินชื่ออวี้กู้เป่ยชื่อนี้แล้ว เธอก็รู้สึกเย็นวาบสะท้านไปทั้งตัว ความเย็นลามไปทั่วแผ่นหลัง และมือของเธอก็เย็นเฉียบขึ้นมา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ อวี้กู้เป่ยไม่ได้สุภาพอ่อนโยนในสายตาของเธออยู่แล้ว ผู้ชายที่อ่อนโยนปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนและมีความเมตตา ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่บนรถเข็น ปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความใกล้ชิด ไม่ถือตัว แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกแปลก เหมือนกับว่าเป็นแค่การเสแสร้งของเขาเท่านั้น
ผู้ชายคนนี้ ไม่ได้ธรรมดาเหมือนผิวเผินของเขาอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอถ่ายทำภาพยนตร์สั้น เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างอวี้อี่มั่วและอวี้กู้เป่ย ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดและมุมมองไปอย่างสิ้นเชิง
เธอกัดฟันแน่น กุมโทรศัพท์ไว้ในมือ นั่งอยู่หน้าจอมือถือพูดอะไรไม่ออกสักคำ
คุณนายหลิวที่เห็นท่าทางของเธอแล้ว ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา จึงรีบถามอย่างร้อนใจว่า : “ซือซือ เป็นอะไรไป!”
“ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับอวี้อี่มั่ว แต่เรื่องของบ้านตระกูลอวี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราแม้แต่นิดเดียว เธอแค่ต้องอยู่ที่ต่างประเทศดีๆ ให้พ่อกับแม่เห็นว่าเธอสบายดี แค่นี้เราก็สบายใจแล้ว……”
คุณนายหลิวที่พูดยังไม่ทันจบ หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า พูดตัดบทอย่างรีบร้อนว่า : “แม่คะ พ่อคะ ทางนี้มีเรื่องนิดหน่อย งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ!”
พูดจบเธอก็วางสายทันที เธอรีบหยิบมือถือขึ้นมา แล้วไปหาคนช่วยเธอเปิดอินเทอร์เน็ต
รออยู่ครึ่งชั่วโมงได้ คนๆนั้นก็ยักไหล่พร้อมพูดขึ้นว่า : “ขอโทษด้วยครับ โทรศัพท์ของคุณได้รับการเข้ารหัสและตั้งค่าที่อยู่ ไม่มีวิธีที่จะเปิดใช้งานได้ครับ”
หร่วนซือซือก้มหน้าลง มองมือถือของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจ
นี่เป็นมือถือที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ จะได้รับการเข้ารหัสและตั้งค่าที่อยู่ได้ยังไงกันล่ะ