ดั่งรักบันดาล - บทที่ 553 ใครเป็นคนช่วยเธอเมื่อห้าปีที่แล้ว
ระหว่างทางกลับจากทะเลชายฝั่งตะวันออก หร่วนซือซือที่ขดตัวอยู่ในรถ ร่างกายเย็นเฉียบ
ไม่รู้เป็นเพราะโดนลมที่ชายหาดเยอะเกินไป หรือเป็นเพราะค่ำคืนนี้ตัวเธอเองเจอเรื่องราวมามากมายเกินไป รู้เพียงแต่ว่ามือและขาของเธอเย็นจนเข้าไปในกระดูก พยายามให้ความอบอุ่นแต่ก็ยังเย็นอยู่ดี
อวี้อี่มั่วที่อยู่ข้างๆจึงเห็นถึงความปกติของเธอ สายตาจับจ้องไปที่สองมือของเธอที่ประสานกันแน่น เขาขมวดคิ้ว พร้อมกับยื่นมือออกไปกุมมือของเธอไว้เบาๆ
มือของเธอที่เย็นราวกับน้ำแข็ง เขาแค่อยากกุมมือของเธอให้อุ่น แต่จู่ๆเธอก็สะดุ้งพร้อมกับดึงมือกลับไป
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว มือใหญ่ของเขาก็ออกแรง ดึงมือของเธอเข้ามาอยู่ในมือของเขา ไม่ยอมปล่อย
เขาหันหน้ามาจ้องเธอด้วยสายตาที่ดุดัน เธอที่รู้สึกเหนื่อยใจ ลึกๆในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา
ในขณะที่เธอกำลังจะดึงมือกลับอีกครั้ง อวี้อี่มั่วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม : “อย่าขยับ”
พูดจบ เขาก็กุมมือของเธอเข้าไปไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขา ความรู้สึกที่อบอุ่นแผ่ซ่านมาที่มือของเธอ จู่ๆก็มีความรู้สึกที่มั่นคงและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เรื่องเมื่อห้าปีที่แล้วที่ฉันโดนมัดไว้กับประภาคาร คุณยังจำมันได้หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้ เขาเงียบไปครู่หนึ่งพร้อมกับตอบกลับว่า : “อืม”
หร่วนซือซือกัดฟันแน่น หันกลับไปมองหน้าเขา : “แต่ฉันจำไม่ค่อยได้ ตอนนั้น…คุณเป็นคนช่วยชีวิตฉันเหรอ?”
สีหน้าของอวี้อี่มั่วเข้มขรึม คลุมเครือ เขาเงียบอยู่พักหนึ่งแล้วจึงค่อยพูดขึ้นว่า : “เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ลืมไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ เรื่องที่ไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องไปจดจำ”
พูดจบ เขาก็เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ ราวกับว่าเหนื่อยล้ามาก เขาค่อยๆหลับตาลง แต่ก็ยังจับมือของเธอไว้ไม่ปล่อย
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หร่วนซือซือก็เงียบลง ค่อยๆนึกทบทวนเรื่องที่อวี้กู้เป่ยพูดขึ้นที่ชายหาด รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เรื่องเมื่อห้าปีที่แล้ว แท้จริงแล้วเรื่องมันเป็นมายังไงนะ เธออยากรู้ แต่ถ้าต้องหาความจริงจากอวี้อี่มั่ว คิดว่าคงจะยากแล้วล่ะ
เมื่อถึงคฤหาสน์หยางของซูอวี้เฉิง เวลานี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว คุณนายใหญ่เองก็เข้านอนไปแล้ว คุณนายใหญ่ไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นเลย เขาใช้เหตุผลไปตรวจขาของตัวเองเป็นข้ออ้างในการออกไป ปิดบังคุณนายใหญ่ไว้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมากังวลใจกับเรื่องนี้
เมื่อเข้าประตูไปแล้ว ก็เห็นซูอวี้เฉิงที่นั่งอยู่ตรงบาร์เครื่องดื่ม กำลังนั่งแกว่งขา คุยโทรศัพท์อย่างสบายใจ เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาแล้ว ก็รีบพูดขึ้นว่า : “ที่รักเข้านอนเช้าๆหน่อย”
เขาที่ค่อนข้างอารมณ์ดี หันมามองสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีของอวี้อี่มั่วและหร่วนซือซือ เขาก็ลุกขึ้นมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “สีหน้าของแต่ละคนแย่ขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ?”
อวี้อี่มั่วไม่ได้พูดอะไร ตู้เยี่ยที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นแทนว่า : “อวี้กู้เป่ยยอมเซ็นแล้ว”
ซูอวี้เฉิงก็หัวเราะขึ้น : “เรื่องที่ดี สมควรแก่การฉลอง!”
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า มองไปที่พวกเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก ขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
พูดจบ เธอไม่ได้ดูสีหน้าท่าทีของพวกเขา ก็เดินขึ้นชั้นสองเข้าห้องของตัวเองไป
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เธอสวมชุดคลุม พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความ
สุดทางเดินของชั้นสอง มีระเบียงครึ่งวงกลมยื่นออกไป ระเบียงตกแต่งไปด้วยกระถางดอกไม้เต็มไปหมด เมื่อเปิดประตูบานใสออกไป ก็เป็นระเบียงรับแสงขนาดเล็ก ถือเป็นมุมสบายๆมุมหนึ่ง
หร่วนซือซือออกจากห้องของตัวเอง เดินตรงไปที่ระเบียงเล็ก รออยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน ตามมาด้วยเสียงเข้มขรึมของตู้เยี่ย ที่ดังมาจากด้านหลัง : “คุณหร่วน เรียกผมเหรอครับ?”
เมื่อได้ยินเขาที่เรียกเธอแบบนี้ เธอก็หัวเราะขึ้นเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ตู้เยี่ย ความสัมพันธ์ของเรา ไม่จำเป็นต้องทางการขนาดนั้นก็ได้มั้ง?”
ตู้เยี่ยเองก็หัวเราะขึ้นเบาๆ : “งั้นต่อไปเวลาที่คุยกันแบบส่วนตัว ก็เรียกชื่อเฉยๆแล้วกัน”
“โอเค”
พูดจบ ก็เข้าเรื่องทันที : “เธอจะพูดเรื่องอันอันกับฉันเหรอ? อันอันเป็นยังไงบ้าง? การฟื้นฟูของร่างกายเธอเป็นไงบ้างแล้ว?”
หร่วนซือซือหันกลับมา มองเขาด้วยแววตาจริงจัง : “เรื่องที่ฉันจะพูดก็คือเรื่องของนายกับอันอัน ไม่ใช่เรื่องของอันอันคนเดียว”
ตู้เยี่ยอึ้งไปเล็กน้อย สีหน้าจริงจังขึ้นมา : “เธอหมายถึง……”
“นายไม่ได้ชอบอันอันเหรอ?”
“ยังอยากที่จะอยู่กับเธอหรือเปล่า?”
“เคยคิดถึงวันข้างหน้าของพวกเธอทั้งคู่ไหม?”
หร่วนซือซือที่ถามคำถามรวดเดียวสามคำถาม ตู้เยี่ยดวงตาลุกโชนพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ เขาตอบด้วยความจริงจังว่า : “ชอบ และอยากที่จะอยู่กับเธอ เคยคิดถึงวันข้างหน้าด้วย”
แววตาของเขาสว่างไสว หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “งั้นนายต้องฟังฉัน ไม่ว่าซ่งเย้อันจะทำยังไงกับนาย นายต้องกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง”
“งั้นฉันต้องทำยังไง?”
หร่วนซือซือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ฉันจะช่วยนายเอง แต่ก่อนอื่น ฉันมีเรื่องจะถามนายก่อน”
ตู้เยี่ยสีหน้าจริงจังขึ้นมา : “เรื่องอะไรเหรอ?”
จู่ๆน้ำเสียงของหร่วนซือซือก็เปลี่ยนเป็นเข้มขรึมขึ้นมา : “เมื่อห้าปีที่แล้วฉันโดนมัดไว้กับประภาคาร แล้วก็มีคนช่วยฉัน เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นยังไงต่อ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ตู้เยี่ยก็เข้าใจถึงเจตนาของเธอ ที่เรียกเขาออกมากลางดึก ไม่ได้แค่จะคุยเรื่องอันอันกับเขาเท่านั้น
“เรื่องนี้ ไม่ได้รับคำสั่งจากท่านประธานอวี้เกรงว่า……”
หร่วนซือซือก็พูดตัดบทเขาทันที : “ตู้เยี่ย เรื่องมันมาถึงนี่แล้ว ถ้าฉันจะไปตรวจสอบ มันก็ตรวจสอบได้ ก็ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายควรบอกฉันมาตรงๆไม่ดีกว่าเหรอ”
ตู้เยี่ยลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดปากพูด : “ห้าปีที่แล้ว เพื่อช่วยเธอ ท่านประธานเกือบจะเอาชีวิตตัวเองไม่รอด”
ประโยคนี้ หนักอึ้งลงไปกลางใจของหร่วนซือซือ
“ท่านประธานยังมีตัวตนอีกตัวตนหนึ่ง เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับคงบอกคุณไม่ได้ แต่มีความเกี่ยวข้องกับลั่วจิ่วเหยี่ย ในขณะที่กำลังทำภารกิจ ก็ได้รับวิดีโอที่มีเธอถูกมัดไว้กับประภาคารส่งมา น้ำใกล้จะพ้นหน้าของเธอแล้ว ดูแล้วไม่รอดแน่ๆ”
“ทุกคนที่เห็นวิดีโอแล้วก็รู้เลยทันทีว่านี่คือการล่อเสือออกจากถ้ำ ฝั่งหนึ่งคือภารกิจ อีกฝั่งหนึ่งก็คือเธอ ท่านประธานจึงสั่งให้เราทำตามแผนเดิมที่วางไว้ ส่วนตัวของท่านประธานเองก็ไปหาเธอที่ทะเลชายฝั่งตะวันออก”
“เขาเป็นโรคกลัวน้ำทะเลลึก เพราะตอนเด็กเคยเกือบจมน้ำตายที่ทะเล เวลานั้น กระแสน้ำทะเลเชี่ยวมาก อีกนิดเดียวก็จะถึงวงล้อมของประภาคาร ถ้าช้าอีกนิด เธอก็ต้องตายแน่ๆ เขาไม่มีทางเลือก จึงกระโดดลงทะเลไป เหตุการณ์ในทะเลเราไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นเราก็เจอเขาที่นอนหมดสติอยู่บนชายหาด ชีพจรอ่อนมาก เราจึงรีบพาเขากลับไป หลังจากนั้นเขาก็เป็นไข้สูงอยู่หลายวัน พอเขาฟื้นขึ้นมา เธอเองก็ได้เดินทางออกจากเมืองเจียงโจวไปแล้ว เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่สะดวกจะเปิดเผย เอาเป็นว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาได้รับการเข้าใจผิดมากๆ และสูญเสียโอกาสดีๆไป ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาข่มความกลัวภายในจิตใจของตัวเอง เพื่อเลือกที่จะช่วยเธอ……”
คำพูดของตู้เยี่ย ชัดถ้อยชัดคำ หร่วนซือซืออึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกประทับใจ แต่ก็ยากที่จะเชื่อ ความสับสนกังวลวุ่นวายท่วมท้นอยู่ในหัวใจของเธอ
ถ้าไม่ได้ฟังจากปากตู้เยี่ยเอง เธอไม่มีวันที่จะเชื่อแน่นอน ที่แท้แล้ว เหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้ว อวี้อี่มั่วทำอะไรเพื่อเธอมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ สิ่งที่นึกไม่ถึงยิ่งกว่าคือ เมื่อห้าปีที่แล้วเธอไม่ได้รอดเองโดยเอิญ ไม่ใช่เพราะคนร้ายพวกนั้นกลัวหรือสำนึกผิด ไม่ใช่เป็นเพราะคนร้ายได้เงินแล้ว แต่เป็นเพราะเขาต่างหาก ที่เอาชนะความกลัวทั้งหมดเพื่อไปช่วยชีวิตเธอ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ!
เธอกัดฟันแน่น แต่น้ำตากลับเอ่อล้นออกมา เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไกลโพ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เสียงของตู้เยี่ยดังขึ้นอีกครั้ง : “เพื่อเธอแล้ว ท่านประธานได้ทุ่มเทและทำอะไรลงไปมากมาย อย่างที่เขาไม่เคยทำมันมาก่อน”
หร่วนซือซือกัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตา พร้อมกับเก็บสีหน้าของตัวเอง หันหน้ากลับไปมองตู้เยี่ย พยักหน้าให้กับเขาเบาๆ : “ขอบคุณที่เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟัง”