ดั่งรักบันดาล - บทที่522 ช่วยฉันตามหาเขา
กลิ่นเหม็นเน่าของศพในห้องนั้นรุนแรงมาก แม้หยวนชิงหลิงสวมผ้าปิดปากสามชั้น แต่กลิ่นนั้นก็ยังคงลอยมาแตะจมูก นางเปิดหน้าต่างออกระบายอากาศเพื่อให้กลิ่นเหม็นนั้นเบาบางลงบ้าง
กลิ่นเหม็นเน่าจนนางเริ่มรู้สึกวิงเวียน ท้องไส้ปั่นป่วนเป็นระยะ นางเปิดกล่องยาเพื่อดูว่ามีอุปกรณ์ที่ใช้ชันสูตรศพอยู่หรือไม่ มีดผ่าตัด แม่เหล็ก สเปรย์ดับกลิ่น และยังมีไฟฉายหนึ่งกระบอก ทุกครั้งที่นางจะต้องทำอะไรและกล่องยามีของหรือยาที่นางจำเป็นต้องใช้ นางก็จะรู้สึกมั่นใจขึ้น เมื่อเห็นว่าในกล่องยามีอุปกรณ์พื้นฐาน นางก็รู้สึกวางใจขึ้นเล็กน้อยและรู้สึกได้ว่านางคงสามารถค้นพบอะไรบางอย่างได้
นางเปิดผ้าขาวที่คลุมศพออก ทั้งสองบ้านรวมแล้วทั้งหมดแปดศพ การรักษาสภาพศพทำได้ไม่ดีนัก มีสามศพสภาพไม่น่าดูเสียแล้ว ศพบวมอืด ลูกตาถลนออกมา ปากและจมูกมีเลือดซึมออกมา แขนขาใหญ่และผิวกลายเป็นสีเขียวแล้ว เมื่อมองดูก็ให้รู้สึกตกใจยิ่งนัก
หยวนชิงหลิงไม่ได้เห็นสภาพศพบวมอืดเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่มีศพแปดศพอยู่ข้างหน้านาง อีกทั้งอีกสามศพยังบวมอืด ก็ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย นางติดไฟฉายไว้บนหัวเพื่อให้มือทั้งสองว่างและเริ่มต้นชันสูตรศพอย่างละเอียด
บาดแผลของศพเยอะมาก มีประมาณแปดถึงสิบสองแผล แต่ก็ไม่มีแผลใดที่ถึงชีวิต แต่แผลมากมายขนาดนี้ หากไม่ทำแผลก็สามารถเสียเลือดจนตายได้ แต่ว่าเสียเลือดตายนั้นไม่ใช่สาเหตุการตายอย่างแน่นอน กว่าจะเสียเลือดจนตายนั้นต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง พวกเราคงจะตายอย่างรวดเร็วอย่างเช่นเสียชีวิตกะทันหันหรือขาดอากาศหายใจ
แต่ดูจากบาดแผลแล้วไม่สามารถทำให้เป็นเช่นนั้นได้
เช่นนั้นแล้วสาเหตุการตายคืออะไร?
บางทีอาจจำเป็นต้องผ่าพิสูจน์ แต่ว่าศพบวมอืดแล้วนางเพียงคนเดียวคงผ่าได้ยาก
นางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงนำแม่เหล็กกวาดไปทั่วร่างศพตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อกวาดไปถึงตำแหน่งหัวใจ แม่เหล็กก็มีปฏิกิริยาขึ้น ตำแหน่งหัวใจก็กระตุกเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงวางแม่เหล็กลงและตรวจดูตรงตำแหน่งหัวใจอย่างละเอียดก็พบว่าที่ตรงนั้นมีรูเข็มที่เล็กมาก เล็กพอๆ กับขน แม้ว่าศพจะบวมอืดแล้ว แต่รูเข็มก็ยังสังเกตได้ยาก ดูแล้วคงจะต้องผ่าหัวใจออกมาดู
การผ่าศพไม่ใช่เรื่องง่าย นางเองก็ไม่ค่อยมีประสบการณ์นัก เพียงแค่เคยเรียนวิชากายวิภาคย์ศาสตร์ในชั้นเรียนเท่านั้น ที่ไหล่นางยังบาดเจ็บ ไม่สามารถใช้แรงได้ ดูแล้วคงจะต้องให้ซวีอีช่วยเสียแล้ว
ซวีอียืนรออยู่ข้างนอกอย่างกระวนกระวาย เมื่อจู่ๆ ประตูก็เปิดออกกำให้เขาตกใจจนสะดุ้งโหยง “พระ… พระชายา!”
“เข้ามาช่วยข้าหน่อย” หยวนชิงหลิงบอกเขา
ซวีอีมองไฟฉายบนหัวของนาง “นี่คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“อย่าพูดมากน่า รีบเข้ามาช่วยข้าเร็วเข้า ข้าพบอะไรบางอย่าง” หยวนชิงหลิงกล่าว
เมื่อซวีอีได้ยินว่านางค้นพบอะไรบางอย่างก็รีบตามนางเข้าไปทันที กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาจนเขาเกือบจะอาเจียนออกมา หยวนชิงหลิงรีบยืนผ้าปิดปากให้เขาสองสามชิ้น แต่เขาก็ยังทรมานมาก
หยวนชิงหลิงรอให้เขาปรับการหายใจแล้วจึงยื่นมีดผ่าตัดให้เขา “เจ้าช่วยข้าผ่าหัวใจของศพออกมาหน่อย ข้าจะดูว่าในนั้นมีเข็มอยู่หรือไม่”
“หา? ผ่าหัวใจ?” ซวีอีมือสั่น โดยเฉพาะเมื่อเห็นศพที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวบวมอืดก็ยิ่งทำให้เขาลนลาน
“กลัวอะไร? คนก็ตายไปแล้ว หากเจ้าไม่ช่วยพวกเขาหาคนร้ายตัวจริง ให้พวกเขาตายอย่างไม่ค้างคาใจ พวกเขาต้องขอบใจเจ้าแน่” หยวนชิงหลิงลดเสียงลง
ด้วยแรงกดดัน ซวีอีจึงสามารถกรีดมีดลงบนศพได้ เมื่อผ่าหัวใจออกมา หัวใจทั้งก้อนต่างก็เป็นสีดำและยังพบเข็มเล่มบางๆ หยวนชิงหลิงใช้คีมหนีบมันขึ้นมาและมองหัวใจสีดำคล้ำ
“คงจะถูกพิษกระมัง?” ซวีอีพยายามอดกลั้นความสะอิดสะเอียนไว้
“เป็นไปได้ มีคนใช้เข็มพิษกับพวกเขา ทำให้พวกเขาหยุดหายใจในทันที บาดแผลภายนอกนั้นเป็นเพียงการอำพรางเท่านั้น เจ้าไปดูว่าศพอื่นก็เป็นเช่นนี้หรือไม่” หยวนชิงหลิงสั่ง
ซวีอีตกใจ “หากเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นคนที่ฆ่าพวกเขาก็ต้องเป็นยอดฝีมือผู้ใช้พิษ?”
ดูแล้วคงจะใช่ ใช้พิษไม่มากแต่ตำแหน่งนั้นเป๊ะมาก ทำให้คนตายได้ทันทีและไม่ทำให้พิษกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายด้วย”
หัวใจถูกพิษ หัวใจหยุดเต้นก่อน จึงไม่อาจสูบฉีดเลือดไปยังหลอดเลือดหรืออวัยวะอื่นๆ ได้ เมื่อดูจากฝีมือการชันสูตรศพตรวจพิษในสมัยก่อนแล้วไม่มีทางหาเจอแน่ อีกทั้งเมื่อร่างกายมีบาดแผลมากมายเช่นนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ชันสูตรมักไม่ผ่าออกดู พวกเขาคิดว่าการผ่าศพเป็นการไม่เคารพศพ ที่จริงแล้วบาดแผลเหล่านั้นเป็นการทำขึ้นก่อนหรือหลังการตาย หากเป็นเจ้าหน้าที่นิติเวชที่มีประสบการณ์ดูแวบเดียวก็คงดูออกมาแล้ว แต่หยวนชิงหลิงไม่ใช่หมอนิติเวช อีกทั้งศพยังถูกเก็บมาหลายวันจนบวมอืดแล้ว นางย่อมหาสาเหตุไม่พบ บางทีผู้ตายอาจจะถูกฟันพร้อมๆ กับตอนที่เสียชีวิต เวลายังไม่แน่ชัดนักดังนั้นจึงไม่แน่ว่าจะทำขึ้นหลังจากเป็นศพไปแล้ว
ซวีอีผ่าหัวใจของเหยื่ออีกศพหนึ่งก็พบเข็มเล่มบางและสีของหัวใจก็เหมือนกัน
เขายินดีเป็นอย่างยิ่งจนลืมความกลัวไปแล้ว เมื่อกำลังคิดจะผ่าดูอีกศพก็ได้ยินเสียงฝีเท้ารีบร้อนดังมาจากภายนอก ประตูถูกเปิดออกทันที
อวี่เหวินฮ่าวนำเหล่าเฉิงฝู่และเจ้าหน้าที่เข้ามาด้วยสีหน้าโกรธเคือง เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงยืนอยู่ข้างศพ เขาก็ทั้งโมโหทั้งอ่อนใจ
ก่อนที่เขาจะเริ่มต่อว่า นางก็รีบชิงพูดขึ้นก่อน “ข้าพบอะไรบางอย่าง เหยื่อไม่ได้ถูกฟันตาย พวกเขาตายเพราะถูกพิษ”
ประโยคนี้ทำให้อวี่เหวินฮ่าวกลืนคำพูดที่จะว่ากล่าวนางลงไปทันที
เจ้าหน้าที่ชันสูตรและสัปเหร่อที่อยู่ที่นี่เมื่อได้ยินหยวนชิงหลิงกล่าวเช่นนี้ก็เดินเข้ามา “พระชายา พวกเขาไม่ได้ถูกพิษตายแน่ๆ ผู้น้อยชันสูตรหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่พบร่องรอยถูกพิษเลย”
หยวนชิงหลิงตอบว่า “เช่นนั้นเจ้าก็มาดูเถอะ ที่หัวใจของผู้ตายต่างก็มีเข็มพิษ เข็มสองเล่มนี้ต่างก็ถูกคีบออกมาจากหัวใจของผู้ตาย เพิ่งจะเอาออกมา พิษถูกซ่อนไว้ที่หัวใจมาตลอด บนเข็มต้องมีพิษหลงเหลืออยู่แน่ เจ้าลองตรวจดูสักหน่อยเถอะ”
เจ้าหน้าที่ชันสูตรตรวจดูอย่างละเอียด อวี่เหวินฮ่าวเข้าไปลากหยวนชิงหลิง “เจ้ากลับไปนอนที่ห้องด้านหลังเดี๋ยวนี้”
หยวนชิงหลิงเชื่อฟังโดยไม่ขัดขืน “ข้าผิดไปแล้ว ข้าเพียงแต่อยากช่วยท่าน อย่าโกรธข้าเลยนะ”
“ไป” หยวนชิงหลิงลากนางออกไป “เจ้าช่วยข้าได้จริงๆ การค้นพบนี้ก็ดีมากแล้ว เรื่องที่เหลือพวกเขาจะทำต่อเอง เจ้าไปรอข้าที่ห้องด้านหลังก่อน ข้าจะให้คนเตรียมน้ำให้เจ้าอาบ”
“ได้ยินว่ามีพยานคนหนึ่งอยู่ที่นี่ ข้าไปถามเขาหน่อยได้หรือไม่?” หยวนชิงหลิงเดินออกมาพลางถามไปด้วย
อวี่เหวินฮ่าวพูดอย่างเอาใจ “ได้ พรุ่งนี้ค่อยถาม ยังมีสุนัขอีกตัวก็เป็นพยาน พรุ่งนี้จะให้เจ้าถามทั้งคู่เลย”
“ตกลง!” หยวนชิงหลิงหัวเราะ
อวี่เหวินฮ่าวไม่รู้จะทำอย่างไรกับนางดี แต่ในใจเขาก็กลับรู้สึกยินดี อย่างน้อยก็เป็นการค้นพบครั้งแรกในรอบหลายวันมานี้ อีกทั้งยังเป็นการค้นพบที่ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนวิธีการสืบสวนไปโดยสิ้นเชิง หากบอกว่าคนร้ายเป็นยอดฝีมือผู้ใช้อาวุธลับหรือใช้พิษ สิ่งที่พวกเขามุ่งเป้าไปก่อนหน้านี้ก็ผิดทั้งหมด
ยอดฝีมือฆ่าคนต่างก็ต้องมีราคาแพง คนธรรมดาไม่มีทางออกเงินจ้างพวกเขามาได้แน่ ตอนแรกที่อนุมานไว้นั้นก็คิดว่าเป็นฝีมือของคนที่มีความแค้นกับพวกเขา
“ข้าพูดจริงๆนะ ข้าชอบสุนัข พรุ่งนี้ท่านสามารถนำสุนัขตัวนั้นมาได้จริงๆ หรือ?” หยวนชิงหลิงวิงวอน
คงบอกเขาไม่ได้ว่านางสามารถคุยกับสุนัขได้
อวี่เหวินฮ่าวกลอกตา “ค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
เมื่อส่งนางถึงห้องด้านหลังแล้ว อวี่เหวินฮ่าวก็ไม่เชื่อลู่หยาอีก เขาเรียกเจ้าหน้าที่คนอื่นมาเฝ้าประตูและห้ามไม่ให้นางออกมา เมื่อปิดประตูแล้วเขาก็จากไป
“พระชายาตัวเหมือนมากเลยเพคะ หม่อมฉันจะไปนำน้ำมาให้ท่านอาบ” ลู่หยาพูดพลางบีบจมูก
หยวนชิงหลิงนังลง “ไม่อาบแล้ว ชุดเหม็น ข้าไม่มีชุดเปลี่ยน อาบน้ำแล้วก็ยังเหม็นอยู่ดี”
“เช่นนั้น… เช่นนั้นก็นอนพักเสียหน่อยเถอะเพคะ รอท่านอ๋องหายยุ่งแล้ว พวกเราก็ไปได้แล้ว” ลู่หยากล่าว
หยวนชิงหลิงกลับเอาแต่คิดว่าจะต้องไปคุยกับสุนัขตัวนั้นให้ได้
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม อวี่เหวินฮ่าวก็กลับมา “ไปกันเถอะ กลับจวน”
“เป็นอย่างไรบ้าง? ที่ศพอื่นก็พบเข็มพิษด้วยใช่ไหม?” หยวนชิงหลิงรีบถาม
ลู่หยาบีบจมูกถอยไปอีกด้าน ท่านอ๋องกับพระชายาตัวเหม็นนัก
อวี่เหวินฮ่าวจูงมือนางออกไป “ใช่แล้ว พบเข็มพิษทั้งหมด คนร้ายคงจะปล่อยเข็มเหล่านี้พร้อมๆ กัน คนร้ายเป็นยอดฝีมือที่ใช้อาวุธลับ”
หยวนชิงหลิงอุทาน “ยอดฝีมือหรือ? เช่นนั้นคงหาตัวไม่ง่ายนัก”
อวี่เหวินฮ่าวส่ายหัว “ไม่ ยอดฝีมือกลับหาง่าย คนที่เชี่ยวชาญการใช้เข็มพิษมีการจัดลำดับอยู่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่ยอมฆ่าคนก็ยิ่งน้อยลงไปอีก”
หยวนชิงหลิงได้ยินเขากล่าวเช่นนั้นก็รู้ได้ว่าเขาคงมั่นใจแล้ว นางก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกทันที ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องถามสุนัขหรือพยานแล้ว
เมื่อกลับมาถึงจวนก็ต้องอาบน้ำ
หยวนชิงหลิงกำลังจะให้คนไปต้มน้ำอาบ อวี่เหวินฮ่าวกลับเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง”
“ที่ไหนหรือ?” ดึกขนาดนี้แล้วยังจะไปที่ใดอีก
อวี่เหวินฮ่าวยิ้มอย่างมีเลศนัย “ย่อมต้องเป็นที่ที่ดีแน่”