ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 107
ตอนที่ 107 กลับสํานัก
ชายชุดดําวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประกายแสงในอากาศ
ฟูม!
เพียงชั่วพริบตา เขาก็มาถึงหลินเซวียนพร้อมมีดสั้นในมือ
แต่ขณะที่จะลงมือได้ แรงโน้มถ่วงสิบเท่ารอบตัวหลินเซวียนได้หยุดเขาไว้ ชายชุดดําจึงไม่สามารถแตะถึงตัวหลินเซวียนได้ อีกทั้งยังทรุดลงกับพื้น
“ยิ้ม!” หลินเซวียนอุทานอย่างเย็นเยือกก่อนจะใช้เท้าเหยียบศีรษะของชายชุดดําจนเละ
“อะไรกัน?” คนชุดดําที่เหลือถึงกับตกตะลึง พวกเขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นแค่ คนของตัวเองวิ่งเข้าไป จากนั้นก็ทรุดลงกับพื้นอย่างแปลกประหลาด
” บัดซบ ไอ้ปีศาจเอ้ย!” ชายชุดดําตะโกนขึ้น “มันทําอะไรเมื่อครู่?”
เวลานี้พวกเขาทั้งสี่หยุดอยู่กับที่ทันที
“งั้นข้าเอง!” ชายชุดดําขั้นเปิดชีพจรระดับเก้าได้เอ่ยขึ้น เขาโคจรพลังวิญญาณปกป้องตัวเองไว้ขณะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ตุ้ม!
ทันทีที่เข้าใกล้หลินเซวียน เขาก็รู้สึกหนักขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะยังป้องกันตัวเองอยู่ แต่ร่างกายก็ยังทรุดลงกับพื้น เป็นผลให้เขาถูกหลินเซวียนแทงอย่างง่ายดาย
ชิ้ง!
ชายทั้งสามคนที่เหลือต่างสูดหายใจลึก เวลานี้พวกเขาเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าในบริเวณสามก้าวรอบตัวหลินเซวียนมีความผิดปกติ
“ถอยออกมาก่อน!” ชายทั้งสามพยักหน้าทันที
“ไอ้หนู ถึงแม้จะตาย เราก็จะฆ่าแกให้ได้!” ชายชุดดําที่เป็นหัวหน้ากล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลินเซวียนยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมถามอย่างคลุมเครือ “หลิงเจ๋อส่งมางั้นหรือ?”
“ใช่ ข้าไม่ปิดบังเจ้าหรอก! ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องตายวันนี้!”
มือสังหารทั้งสามค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า จากนั้นหนึ่งในพวกเขาได้ฟันดาบลงเพื่อปล่อยคลื่นพลังออกไป ขณะเดียวกันได้มีฝ่ามือทมิฬปรากฏขึ้นบนอากาศด้านซ้าย และพลังกดดันอันมหาศาลจากด้านขวา
” บัดซบ เล่นแบบนี้มันทุเรศเกินไปแล้ว!”
หลินเซวียนใช้แรงทั้งหมดเพื่อเหวี่ยงดาบ
พื้นที่แรงโน้มถ่วงกระแทกลงพื้น มันทําให้คนทั้งสามทรุดลงทันที
“เป็น… เป็นไปได้ยังไง มันอยู่ใต้แรงโน้มถ่วงระดับนี้ตลอดเวลา!” เลือดได้ไหลซึมตรงมุมปาก ชายชุดดํา
“น่ากลัวมาก แรงโน้มถ่วงขนาดนี้ มนุษย์จะทนได้ยังไง!” ชายชุดดําอีกคนทั้งคิดจะถอย
แต่หลินเซวียนไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป เขาโคจรพลังเพื่อขว้างดาบเพลิงโลหิตไปยังชายชุดดําตรงหน้า
ฟุบ!
คมดาบอันรุนแรงตัดผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว มันผ่าชายชุดดําที่อยู่ขั้นเป็ดชีพจรระดับแปดเป็นสองซีกทันที
“ไม่!” ชายชุดดําตะโกนขึ้นพร้อมดวงตาที่โกรธเกรี้ยว พวกเขามองหลินเซวียนอย่างเกลียดชัง ขณะเดียวกันทั้งสองได้โคจรพลังหนีไปด้วย
“ถ้าอยากจะฆ่าใคร เช่นนั้นก็ใช้สมองคิดสักหน่อย!” หลินเซวียนขยับแขนเหวี่ยงดาบขึ้นฟ้า เขากลายเป็นประกายแสงผ่านอากาศออกไป
ตุ้ม! คมดาบฟันปะทะเข้ากับเกราะป้องกันของชายชุดดํา ทันใดนั้นแรงโน้มถ่วงสิบเท่า ได้โหมกระหน่ําใส่ชายชุดดําทันที
“ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะไปยังบ้านตระกูลหลิงเพื่อสังหารหลิงเจือด้วยตัวเอง!” ผมสีดําของหลินเซวียนปลิวไสวขณะเหวี่ยงดาบ
“แค่คิดจะมีเรื่องกับตระกูลหลิง เจ้าก็เท่ากับตายไปแล้ว! ตระกูลหลิงของพวกเราใหญ่ที่สุดในเขตอวินโจว!”
“จริงหรือ?” หลินเซวียนยกมุมปากขึ้นพร้อมเหวี่ยงดาบไปรอบตัว
ชายชุดดําทั้งสองตัวสั่นและไม่กล้าที่จะรับโดยตรง เวลานี้ร่างของพวกเขาถึงกับแข็งอยู่กับที่
“เจตนารมณ์แห่งดาบ มันคือเจตนารมณ์แห่งดาบ!”
“บัดซบ! มันทําได้ยังไง!?” ชายทั้งสองตะโกนขึ้นเสียงดัง
” ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ค่อยทราบข่าวอะไรเลยสินะ น่าสงสาร!” ดวงตาหลินเซวียนเผยถึงแรงกดดัน เขาสะบัดดาบแทงทั้งสองคนอย่างไม่ลังเล
ภายใต้แรงโน้มถ่วงสิบเท่า และรวมกับความกลัวที่ฝังลึกในใจ พวกเขาไม่สามารถต้านได้แม้แต่น้อย
“เราเริ่มจะคุ้นเคยเจตนารมณ์แห่งดาบมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว” หลินเซวียนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่บาดคม และเต็มไปด้วยความมั่นใจ
หลังจากดึงดาบเพลิงโลหิตขึ้นมาพาดหลั่ง หลินเซวียนก็เดินไปตามเส้นทางต่ออย่างเงียบๆ
ครึ่งเดือนผ่านไป ตรงหน้าน้ําตกแห่งหนึ่ง
เวลานี้มีร่างหนึ่งกําลังนั่งทําสมาธิอยู่หน้าน้ําตก กล้ามเนื้อที่ดูทรงพลังนั้นสะท้อนน้ําตกที่ซัดใส่เขาอย่างน่าเกรงขาม
“ช่างเหมาะกับการชะล้างจิตวิญญาณและเพิ่งพลังกายอย่างแท้จริง ผลของมันยอดเยี่ยมมาก!”
“มันแค่เหล้าระดับต่ําเท่านั้น ข้ามีอีกมากที่เจ้ายังไม่ได้ลอง” เสียงหนึ่งดังขึ้นผ่านบรรยากาศที่เบาบาง
ร่างนั้นคือหลินเซวียน ตั้งแต่วันที่ถูกจู่โจมด้วยยอดฝีมือของตระกูลหลิงในวันนั้น เขาก็ฝึกฝนด้วยแรงโน้มถ่วงสิบเท่ามาตลอด และท้ายที่สุด เซียนสุราก็สามารถกลั่นสุราเสร็จ อีกทั้งผลลัพธ์ของมันยังช่วยในการเสริมสร้างร่างกายอย่างดีเยี่ยม
หลินเซวียนตื่นมันทุกวัน ไม่เพียงแต่กล้ามเนื้อจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เส้นชีพจร อวัยวะภายใน และสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย ร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งพอๆกับผู้ที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างยาวนาน
“ดูแล้วคงใกล้ถึงเวลากลับไปแล้วสินะ” หลินเซวียนกระโดดออกมาจากน้ํา เขารีบสวมเสื้อผ้า และสะพายดาบเพลิงโลหิตไว้ด้านหลังขณะวิ่งออกไปตามเส้นทาง
หลังจากเดินทางมาสามวัน เขาก็ได้มาถึงสํานักชวนเทียน
หลินเซวียนได้เก็บดาบเพลิงโลหิตไว้ในแหวน จากนั้นได้เดินเข้าสํานัก เมื่อไม่มีน้ําหนักถ่วงอีก เขาก็รู้สึกว่าร่างกายเบาราวกับติดปีก
เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อย หลินเซวียนก็สามารถกระโดดขึ้นสูงจากอากาศอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น ความเร็วของเขายังเพิ่มขึ้นด้วย
ฟูม!
ประกายสายฟ้าปรากฏขึ้นทิ้งไว้เพียงสายลมตามหลัง สิ่งนี้ทําให้ศิษย์รอบด้านแทบมองไม่เห็นร่างของหลินเซวียน พวกเขาทําได้แค่มองอย่างงุนงง
จากนั้นไม่นาน หลินเซวียนก็ได้มาถึงหอสมุนไพร เมื่อส่งภารกิจ เขาก็ได้รับรางวัลของที่นี่
ตลอดทาง เขาได้ยินว่าศิษย์หลายคนพูดกันถึงเรื่องสถานที่แห่งหนึ่งกันอย่างตื่นเต้น
หลินเซวียนจึงถามอย่างสงสัย มันคือสถานที่ลับในเขตอวินโจว มันมีสมุนไพร อาวุธ และวิชายุทธ์มากมาย กล่าวได้ว่าเป็นเหมือนสรวงสวรรค์
“ดีขนาดนี้เลยหรือ?” หลินเซวียนสงสัย
ศิษย์อีกคนอธิบายให้เขา “ถึงแม้มันจะดี แต่ก็อันตรายไม่น้อย ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรที่ทรงพลัง มันยังมีกลไกและค่ายกลอีกด้วย นอกจากนั้นมันยังมีสิ่งป้องกันจากสํานักอื่นๆอีก กล่าวได้ว่าสถานที่ดังกล่าวอันตรายมากมาย”
“เป็นเช่นนี้เอง” หลินเซวียนเข้าใจขึ้นมาก่อนจะถามต่อ “มันมีเงื่อนไขอะไรในการเข้าพื้นที่นั้นหรือเปล่า?”
ศิษย์คนนั้นมองหลินเซวียนอย่างประหลาดใจ ” จํานวนคนของแต่ละสํานักนั้นมีจํากัด คาดว่า อย่างน้อยต้องเป็นศิษย์สายตรงขึ้นไป”
“ศิษย์สายตรง?” หลินเซวียนยิ้ม เขาเองก็อยากจะเข้าทดสอบศิษย์สายตรงอยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ดูเหมือนจะต้องเร่งความเร็วอีก ตามที่ศิษย์ผู้นั้นบอก สนามลึกลับดังกล่าวจะเปิดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
“ไปที่หอทดสอบก่อนละกัน!” เมื่อตัดสินใจเรียบร้อย หลินเซวียนก็กลายเป็นเงาพุ่งไปยังหอทดสอบทันที
อันที่จริงไม่ใช่แค่หลินเซวียน แต่ยังมีศิษย์ของสํานักชวนเทียนคนอื่นๆที่เตรียมตัวกันอย่างดี เพื่อเข้าไปยังพื้นที่นั้น พวกเขาหลายคนจึงคิดจะทดสอบเข้าศิษย์สายตรงก่อน
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ได้มีข่าวใหญ่กระจายไปทั่วสํานักชั้นใน