ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 115
ตอนที่ 115 การต่อสู้แรก
ก่อนหน้านี้หลินเซวียนก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มคนที่แอบอยู่ในเงามืด แต่พวกเขาอยู่เพียงขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า มันจึงไม่ทําให้เขาสนใจมากนัก
แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาต้องเปลี่ยนไปเมื่อยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณกําลังมา ขณะเดียวกันฝูงจระเข้กลายพันธุ์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงแม่น้ำด้วย
ทันทีที่คลานขึ้นพื้น พวกมันได้เปิดปากขึ้นพร้อมปล่อยคลื่นน้ำออกไป
หลินเซวียนสั่นร่างกายเพื่อหลบการโจมตี เขาไม่คิดจะสู้ตอนนี้ เพราะยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณกําลังมองมาอยู่
หลังจากทะยานลงบนพื้น ยอดฝีมือคนนั้นได้เอ่ยขึ้น “พลังชั่วร้ายหนาแน่นมาก ข้ากําลังขาดแคลนผลึกอสูรอยู่พอดี ดูเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างข้าแล้ว!”
ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดคลุมยาว รูปลักษณ์ธรรมดา แต่ดวงตากลับแหลมคม เขามองหลินเซวียนก็จะกล่าวอย่างเย็นเยือก “เจ้าหนู ไสหัวไปเสีย!”
มุมปากของหลินเซวียนโค้งขึ้นก่อนจะกล่าว “พวกนี้เป็นของข้า!”
“ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!” ชายหนุ่มกล่าวเย้ยหยันก่อนจะพ่นลมหายใจอันแรงกล้าออกมามันกวาดไปทั่วพื้นที่ราวกับภูเขาไฟที่ระเบิด
ชายหนุ่มมองไปยังหลินเซวียน ในความคิดของเขา หากปล่อยลมหายใจออกมา หลินเซวียน จะต้องกลัวจนนี่ราดแน่
แต่หลินเซวียนยังคงยิ้มราวกับก้อนหินที่หนักแน่น ขณะเดียวกัน เมื่อฝูงสัตว์อสูรด้านหลังสัมผัสถึงลมหายใจนี้ พวกมันถึงกับถอยร่น
“บางทีเจ้าคงไม่รู้จักขั้นสมุทรวิญญาณสินะ!” ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมประกายความ โกรธในใจ เขาคิดว่าคงจะถ่อมตัวมากเกินไป
‘ดูเหมือนเราจะต้องตักเตือนเขาสักหน่อย!’ ชายหนุ่มเผยใบหน้าจริงจัง “ไอ้หนู ข้าคือนักสู้ ขั้นสมุทรวิญญาณ เจ้าไม่กลัวเลยหรือ?”
หลังจากนั้น ฝ่ามือเขาได้เปล่งประกายก่อนจะตบลงไปยังจระเข้ตัวหนึ่งในน้ำ
กว๊าก! จระเข้กลายพันธุ์ร้องโหยหวนออกมาพร้อมเลือดที่พวยพุ่ง
“ถึงเวลากลัวได้แล้ว!” ชายหนุ่มใช้เพียงฝ่ามือเดียวในการสังหารจระเข้ เขาต้องการขู่หลินเซวียนให้หนักขึ้น
แต่หลินเซวียนทําแค่ขมวดคิ้ว นอกจากนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเปลี่ยนไป
ชายหนุ่มไม่ทราบว่าหัวใจหลินเซวียนมั่นคง หรือเพิ่งเคยเจอขั้นสมุทรวิญญาณ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมยกจระเข้พวกนี้ให้
“หลีกทาง!” หลินเซวียนตะโกนขึ้นดัง การแสดงออกของชายหนุ่มคนนี้ทําให้เขารังเกียจ มันไม่ต่างอะไรจากการรังแกคนอ่อนแอ
ชายหนุ่มตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะกล้าขึ้นเสียงกลับ
เขาเป็นใคร? เขาคือยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณ! ส่วนหลินเซวียนเป็นแค่ผู้ที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับแปด
‘เขามาจากมหาอํานาจไหนกัน?’ ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะกวาดสายตาออกไป ‘ศิษย์บางตระกูลหรือเปล่า? หรือมีใครอารักขาเขาอยู่?’
หลังจากสังเกตอย่างถี่ถ้วน ชายหนุ่มก็ไม่พบใคร เวลานี้ใบหน้าของเขาถึงกับจมลง มันจะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไงเมื่อถูกเด็กที่ขั้นพลังต่ํากว่ามาขึ้นเสียงใส่!
“ไอ้หนู ชะตาเจ้าจะต้องพินาศเสียยิ่งกว่าจระเข้พวกนั้น!” ฝ่ามือของชายหนุ่มเปล่งแสงขึ้นก่อนจะพุ่งออกไป
ทุกที่ที่มันผ่านอากาศรอบด้านถึงกับแตกออก มันรุนแรงจนหลินเซวียนรู้สึกถึงแรงกดดันภาย
“ก้าวอัสนี!” ในชั่วพริบตา หลินเซวียนได้หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนจะไปปรากฏตัวอีกทิศทางหนึ่ง
ตู้ม!
จุดที่เขายืนอยู่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“เร็วดี!” เมื่อโจมตีพลาด ดวงตาของชายหนุ่มก็เผยประกายเย็นเยือก “หากนี่คือทั้งหมดของเจ้า เช่นนั้นก็ตายได้แล้ว!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ชายหนุ่มก็ได้หายไปก่อนจะมาปรากฏตัวตรงหน้าหลินเซวียน
“เร็วมาก!” ม่านตาหลินเซวียนจมลง เขาสามารถจับได้แค่เงาเท่านั้น ความเร็วนี้เกินขีดจํากัดของขั้นเปิดชีพจรอย่างสมบูรณ์ ไม่สงสัยเลยว่าทําไมชายหนุ่มผู้นี้ถึงหยิ่งผยอง
ฝ่ามือคู่ของเขาได้พุ่งไปยังศีรษะหลินเซวียน พลังวิญญาณอันดุเดือดได้เข้าปกคลุมในทันที
“ออกไปจากที่นี่ซะ!”
หลินเชวียนโคจรพลังภายในร่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาได้เสริมเจตนารมณ์แห่งดาบครึ่งก้าวเพื่อผลักฝ่ามือตรงหน้าออก
เงาดาบได้พุ่งตรงขึ้นฟ้าอย่างดุดัน มันราวกับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ออกมาจากฝักดาบ
“อะไรกัน?” ถึงแม้ชายหนุ่มจะแข็งแกร่ง แต่พลังวิญญาณของเขาก็แค่ธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับเจตนารมณ์แห่งดาบระยะใกล้ขนาดนี้ มันจึงทําให้เขาใจสั่น
เปรี้ยง!!
พลังฝ่ามือของเขาแตกกระจายภายใต้อาการตื่นตระหนก เขาถอยห่างจากหลินเซวียนอย่างรวดเร็ว
“เจต….นี่มันเจตนารมณ์แห่งดาบ!”
ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นได้เผยสายตาแห่งความอิจฉา
ความรู้สึกระหว่างสิ่งเหล่านี้นั้นบอบบางอย่างมาก ‘ไอ้เด็กขั้นเปิดชีพจรระดับแปดเข้าใจเจตนารมณ์แห่งดาบงั้นเรอะ!’
ถึงแม้จะอิจฉา แต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้ารู่วาม ในใจเขายังมีความกลัวอยู่
กลับกัน แม้หลินเซวียนจะมีขั้นพลังที่ต่ำกว่า เขาก็ราวกับมารดาบที่พลังพลุ่งพล่าน ดวงตาสีส้มของเขาเปล่งประกายอยู่ตลอดเวลา
“ฮึ่ม มันก็แค่สัตว์อสูรระดับสอง ให้เจ้าไปก็ได้!” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะหันหลังจากไป
หลินเซวียนได้วางแผนไว้หมดแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าศัตรูจะหนีไปดื้อ ๆ เขาไม่กล้าประมาทแม้ จะมีเจตนารมณ์แห่งดาบก็ตาม เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เขาจึงจัดการพวกจระเข้กลายพันธุ์ต่อผลึกอสูรลูกเท่าเกาลัดได้ลอยมาอยู่ในมือเขามากมาย
“เวลานี้เราอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิต เพราะรอบด้านมียอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณอยู่ไม่น้อย เราต้องรีบบรรลุขั้นพลังให้เร็วที่สุด”
“วางใจเถอะ หลังจากรวบรวมผลึกอสูรและสมุนไพรวิญญาณได้แล้ว ข้าจะทําเหล้าชั้นดีให้” เซียนสุรากล่าว
หลินเซวียนพยักหน้าก่อนจะเดินทางต่อ
ขณะเดียวกันก็ได้เกิดเหตุการณ์อื่น ๆ ในพื้นที่ทดสอบโลหิต
ศิษย์บางคนได้ก้าวออกจากพื้นที่รอบนอก และเข้าไปยังป่าโลหิตเร็วกว่าผู้อื่น ในหมู่พวกเขามู่หรงเฉียนหลิงและถังอี้ได้ร่วมมือกัน เจิ้งอวิ๋นได้รวมกลุ่มกับศิษย์คนอื่น
ในปาที่หนาทึบ ชายหนุ่มชุดขาวกําลังฟันมีดลมลงไปยังสัตว์อสูร มันทําให้สัตว์อสูรถูกผ่าออกเป็นสองฉีก
ด้านหลังเขา หลิงเอ๋อและคนอื่น ๆ กําลังมองดูด้วยความอิจฉา
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มของสตรีชุดม่วงได้เดินอยู่ในป่า หนึ่งในพวกนางคือเทพธิดาจื่อเซีย
อาภรณ์สีม่วงที่ปลิวไสวพร้อมกับผ้าคลุมหน้าอ่อน ๆ มันทําให้นางไม่ต่างจากเทพธิ ดาบนสวรรค์
แต่หากสังเกตให้ดี จะพบว่าหัวหน้ากลุ่มนี้ไม่ใช่นาง แต่เป็นสตรีที่มีรูปลักษณ์ธรรมดา พวกนางต่างเผยท่าที่เกรงกลัวสตรีผู้นี้ แม้แต่จื่อเชียเองก็เช่นกัน
“ถ้ำค้างคาวอยู่ไหน?” สตรีที่อยู่นําหน้าเอ่ยถาม
“ทิศใต้” เทพธิดาจ๋อเซียกล่าว
ดูเหมือนคนกลุ่มนี้กําลังไปยังถ้ำค้างคาวซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้าม
น้องจากสตรีลึกลับแล้ว มันยังมีคนกลุ่มอื่นด้วย
ศิษย์ตระกูลเฉินคนหนึ่งที่กําลังวิ่งหนีอยู่ก็ได้หยุดอย่างกะทันหัน เพราะมันมีหมอกดําหมุนอยู่รอบตัวเขา
“อ๊ากกกก!” เขาร้องออกมาอย่างน่าสะพรึง เสียงร้องของเขาทําให้สัตว์ป่ารอบด้านวิ่งหนี
จากนั้นไม่นานศิษย์ตระกูลเฉินได้หยุดร้องตะโกนและค่อย ๆ ยืนขึ้น การเคลื่อนไหวของเรารวดเร็วอย่างแปลกประหลาด ดวงตาเองก็แดงก่ำ
“ฮี่ฮี่…” ศิษย์คนนั้นได้หัวเราะก่อนจะหายไปในป่า