ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 119
ตอนที่ 119 ภาพมายา
หลินเซวียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาเพิ่งพูดออกมาว่าจะไม่พาไปผิดทาง แต่ผลที่ ได้เดินคือวนกลับมาที่เดิม
เขาพยายามใช้นัยน์ตาสีม่วงมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นทุกขณะ
“มันคือค่ายกลลวงตาผู้ที่จะทําลายได้ต้องมีเจตนารมณ์ที่แข็งกล้าพอ” เซียนสุรากล่าวขึ้น “เว้นแต่เจ้าจะบรรลุขั้นสมุทรวิญญาณ มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถออกจาค่ายกลนี้ได้”
หลินเซวียนตระหนักได้ก่อนจะหัวเราะ “แต่ตอนนี้ข้ามีเซียนสุราอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“ก็ใช่ มันง่ายไม่ต่างอะไรจากการปอกกล้วยเข้าปาก!” เซียนสุรากล่าวเย้ยขึ้น “เดินแปดก้าวไปทางขวา”
หลินเซวียนเข้าใจทันทีและหันไปบอกช่างกวนหลิวหยุน “ข้าเห็นทางแล้ว เจ้าตามมาใกล้ ๆ ”
จากนั้นเขาได้เดินไปตามที่เซียนสุราแนะนํา ซ่างกวนหลิวหยุนสับสนอย่างมาก แต่เขาก็ทําตามหลินเซวียน
“จากนั้นเดินตรงไปห้าก้าว” ภายใต้การนําทางของเซียนสุรา หลินเซวียนและซ่างกวนหลิวหยุนเดินต่อไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็ปกติ บางครั้งก็เป็นก้าวประหลาด หลังจากห้าสิบก้าว พวกเขาก็รู้สึกว่าหมอกขาวเริ่มจางลง
ฟู่! ท้ายที่สุดพวกเขาก็ออกมาได้ หลินเซวียนถอนหายใจโล่งอก
ด้านหลังเขา ซ่างกวนหลิวหยุนกําลังมองมาอย่างประหลาดใจอีกครั้ง กล่าวตามตรง เขาคงหลงทางอย่างแท้จริง เขาไม่ทราบว่าหลินเซวียนทําได้ยังไง หากไม่ใช่เพราะหลินเซวียน เขาคงติดอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิตแล้ว
ทันทีที่พวกเขาออกมาก็ได้ยินเสียงต่อสู้ขึ้นตรงหน้า
หลังจากมองหน้ากัน พวกเขาก็ตัดสินใจตามไปดู ขณะเดินพวกเขาได้แอบโคจรพลังไปด้วย
ตรงหน้าของพวกเขามีหมอกหนากว่าก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน หลินเซวียนสังเกตดู เขาเห็นว่ามีศิษย์มากมายอยู่ข้างใน พวกเขากําลังอยู่ในภาพลวงตา อีกทั้งยังขยับแขนและอาวุธไปมา ยิ่งมอง ยิ่งดูแปลกประหลาดอย่างมาก
บางคนโจมตีกันเอง บางคนก็ขาดใจตาย
หลินเซวียนไม่ใช่เซียน และพลังของเขามีขีดจํากัน ในสถานที่อันตรายเช่นนี้ ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงชีวิตไปดูแลผู้อื่นแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเข้าไปช่วย
แต่ภายในภาพมายานั้น เขาเห็นฮูหมาน สตรีที่เคยทําภารกิจด้วยกันกําลังทรมานจากภาพมายาด้านใน
หากสหายอยู่ในยามคับขัน หลินเซวียนย่อมช่วยเหลือเสมอ หลินเซวียนอธิบายให้ซ่างกวนหลิวหยุน เขาไม่ได้ว่าอะไร ดังนั้นทั้งสองพุ่งเข้าไปยังหมอกสีขาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ!” ทันทีที่เข้าไป หลินเซวียนรีบพุ่งไปหาฮูหมานและหยุดนางไว้ จากนั้น ได้เดินพลังวิญญาณเข้าไปเพื่อล้างภาพมายาและตะโกนขึ้นดัง
มันราวกับเสียงฟ้าผ่าดังทะลุแก้วหูของทุกคน ศิษย์ที่ถูกภาพมายาอยู่ถึงกับตัวสั่นจนได้สติ
” เกิดอะไรขึ้น?” ศิษย์เหล่านั้นสับสน
“อ๊ากกกก!! ข้าเจ็บ บัดซบ มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ศิษย์น้องหลิน เจ้าเอง!” ดวงตาฮูหมานเต็มไปด้วยความสับสน เมื่อเห็นหลินเซวียน นางจึงอุทานออกมาทันที
” ท่านไม่เป็นอะไรนะ?” หลินเซวียนเอ่ยถาม
ฮูหมานส่ายหัว “เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกท่านไม่รู้หรือว่าเพิ่งโดนภาพมายาเล่นงาน?” ซ่างกวนหลิวหยุนสงสัย
” ภาพมายา!” เมื่อได้ยิงคํานี้ ผู้คนก็หวนนึกไปถึงก่อนจะเสียสติ ทันใดนั้นเหงื่อได้ ไหลท่วมพร้อมใบหน้านี้หวาดผวา
ฮูหมานมองหลินเซวียนอย่างซาบซึ้ง “โชคดีที่เจ้ามาที่นี่ มิเช่นนั้นคงไม่อาจจะจินตนาการได้”
” พวกเราจะทํายังไงต่อดี?”
“หรือจะต้องถูกขังอยู่ในนี้?” กลุ่มคนกล่าวอย่างตื่นตระหนก
หลินเซวียนสูดหายใจลึก ” ตามข้ามา ข้าจะพาท่านออกไปเอง”
“เจ้า?” ผู้คนส่วนใหญ่หันไปมองแบบไม่เชื่อแถมเย้ยหยันกลับ
หลินเซวียนไม่ได้สนใจคนอื่น เขากล่าวกับฮูหมานและซ่างกวนหลิวหยุนเท่านั้น ” ตามรอยเท้าของข้าอย่าให้ผิดเพี้ยนไปล่ะ”
หลังจากตามคําของเซียนสุรา หลินเซวียนก็เริ่มเดินออกจากเขตอาคม
ศิษย์คนอื่น ๆ มองหลินเซวียนแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ท้ายที่สุด พวกเขาก็กัดฟันแน่นและยอมตามไป
กระบวนการทั้งหมดค่อนข้างช้า หลินเซวียนค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าว
ทันใดนั้น ต้นไม้รอบด้านเริ่มบิดเบี้ยวจนแทงไปยังตัวของศิษย์ที่ตามมา
“อ๊าก!!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น จากนั้นเลือดและเนื้อของคนผู้นั้นได้จมลงไป และกลายเป็นรูปมนุษย์
ม่านตาหลินเซวียนจมลงทันที เขาไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้
“เกิดอะไรขึ้น ไหนเจ้าบอกว่าจะพาเราออกไปยังไง?” ใครบางคนตะโกนใส่หลินเซวียน
ซ่างกวนหลิวหยุนและฮูหมานขมวดคิ้ว หลินเซวียนมองกลับไปยังคนผู้นั้นอย่างเย็นเยือก
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย บางทีอาจจะเป็นแผนของเขาที่ล่อพวกเรามาตายก็ได้!” นักสู้ขั้นสมุทรวิญญาณอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“ไม่นะ นั่นพวกตระกูลหลิง!” ใบหน้าฮูหมานเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางทราบว่าชายคนนั้นอยู่ขั้นพลังสูงสุดตอนนี้ และกลัวว่ามันจะทําให้เกิดความโกลาหลขึ้น
แน่นอนว่าหลังจากสิ้นสุดน้ําเสียงเย้ยเยาะ กลุ่มคนก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อคนดี
หลินเซวียนมองไปยังพวกเขาก่อนจะกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ก็ออกไปสิ ข้าไม่ได้บังคับพวกเจ้ามา หากไม่ต้องการไปกับข้า เช่นนั้นก็ออกไปหาทางเอาเอง”
“ฮึ่ม พาเรามาแล้วยังจะพูดแบบนี้อีก!” ศิษย์ของตระกูลหลิงกล่าวขึ้นต่อ
ใบหน้าหลินเซวียนเคร่งขรึมเล็กน้อย ความเป็นศัตรูระหว่างเขาและตระกูลหลิงนั้นไม่มีวันดีกันได้แน่นอน
หลังจากส่ายหัว เขาหันไปบอกฮูหมานและซ่างกวนหลิวหยุนให้เตรียมตัวไป
“ไอ้หนู พาพวกเรามาที่นี่แล้วจะทิ้งไปงั้นเรอะ? เกรงว่าคงไม่ง่ายแบบนั้นหรอก!” หลิงคุนศิษย์ของตระกูลหลิงกล่าวขึ้นมาทันที ร่างของเขาพุ่งมาพร้อมฝ่ามือที่รุนแรง
“แยกกันก่อน!” หลินเซวียนตะโกนขึ้น การโจมตีของยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่ฮูหมานและคนอื่น ๆ จะทนได้
หลินเซวียนขยับตัวเพื่อไม่ให้โดนเพื่อนคนอื่น
เขาใช้ก้าวอัสนีเพื่อทิ้งร่างเงาไว้
“วิชาของพวกหนอนมันไร้ค่าต่อหน้าข้า!” หลิงคุนใช้พลังวิญญาณฟาดแส้ออกไปราวกับอสรพิษ
จากนั้นร่างเงาของหลินเซวียนได้ถูกทําลายทันที
หลิงคุนหัวเราะก่อนจะกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไอ้หนู วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
หลินเซวียนคือศัตรูของตระกูลหลิง และมีเจตนารมณ์แห่งดาบ อนาคตของเขาไม่มีที่สิ้นสุด หากสามารถสังหารหลินเซวียนได้ ผู้นั้นจะได้รับรางวัลอย่างงาม
เมื่อนึกได้เช่นนี้ พลังวิญญาณของหลิงคุนได้เพิ่มขึ้นไปอีก
อีกด้านหนึ่ง ฮูหมานได้เผยท่าที่ตกตะลึง ถึงแม้นางจะทราบว่าหลินเซวียนแข็งแกร่ง นางก็ไม่คิดว่าจะสู้กับขั้นสมุทรวิญญาณได้ อย่างไรก็ตาม ศัตรูคือขั้นสมุทรวิญญาณที่ไม่ใช่คนธรรมดา
“ไม่ต้องห่วง เขาไม่เป็นอะไรหรอก!” ซ่างกวนหลิวนหยุนกล่าวเสียงต่ําขณะนึกถึงลําแสงสีฟ้าที่น่าสะพรึงก่อนหน้านี้ พลังนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่
หลินเซวียนทราบดีว่าสามารถสังหารหลิงคุนได้ด้วยการใช้ปลอกแขนทองแดง แต่เขายังไม่ต้องการพึ่งพาแต่มัน หลังจากบรรลุขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า เขายังไม่ได้ต่อสู้อย่างแท้จริงสักครั้ง
“ขั้นสมุทรวิญญาณนั้นเก่งนักหรือ? วันนี้ข้าจะสังหารขั้นสมุทรวิญญาณด้วยดาบของข้าเอง!” ประกายแสงปรากฏขึ้นในดวงตาหลินเซวียน เงาดาบในตัวเขาได้กวาดออกไปรอบด้าน