ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 35
ตอนที่ 35 เล่ห์เหลี่ยม
เจียงอู่หลงเต็มไปด้วยความมั่นใจขณะเผยรอยยิ้ม เขาพร้อมที่จะคว้าหินลึกลับตรงหน้าอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น หินที่ลอยอยู่กลางอากาศได้หลบเจียงอู่หลงและลอยไปด้านหลังของเขา
คนพรรคปราณเทวะต่างพากันเสียสูญ ขณะที่กำลังชื่นชมว่าศิษย์พี่เจียงเป็นคนโปรดปรานของสวรรค์ หินดังกล่าวกลับลอยหนีเขาไป
ฟิ้ว!
หินก้อนขนาดเท่าแตงโมพุ่งเข้าไปในป่าและไม่มีสัญญาณการเคลื่อนไหวใด ขณะที่ผู้คนกำลังสับสน ร่าง ๆ หนึ่งได้กระโจนออกมาจากต้นไม้และวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไม่นานกลุ่มของพรรคปราณเทวะได้อุทานขึ้นเสียงดัง “บัดซบ หินถูกขโมยไปแล้ว!”
“มันต้องเป็นชายคนนั้นที่ใช้พลังวิเศษที่ทำให้หินเปลี่ยนทิศทางแน่!”
“หาตัวมันและตัดเขตแขนขาของมัน ให้มันรู้ถึงพลังแห่งพรรคปราณเทวะของพวกเรา!”
บรรดาพรรคปราณเทวะต่างเผยดวงตาโกรธเคือง พวกเขารีบวิ่งไล่ตามคนผู้นั้นไปทันที เจียงอู่หลงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายก่อนจะไล่ตามร่างผู้นั้นไปอย่างรวดเร็ว
ฟูม! ฟูม!
หลินเซวียนโคจรพลังวิญญาณเพื่อวิ่งเข้าไปในป่า เมื่อครู่เขาและเซียนสุราได้ใช้พลังการดูดกลืนดึงหินลึกลับก้อนนั้น มันจึงทำให้หินเปลี่ยนทิศทางตรงหน้าเจียงอู่หลงและตรงมาเข้ามือเขา
“บ้าเอ้ย! มันไม่น่าตื่นเต้นไปหน่อยหรือ!” หัวใจของหลินเซวียนเต้นรัว เขาคว้ามือไปจับหินก้อนนั้นภายใต้สายตาคนมากมาย อีกทั้งยังเป็นหินของพวกพรรคปราณเทวะ ‘อันที่จริง มันก็รู้สึกดีอย่างมาก!’
“เซียนสุรา อะไรอยู่ข้างใน?” หลินเซวียนเอ่ยถามขึ้น
“ข้ายังมองไม่เห็น เพราะมันมีพลังงานลึกลับปกปิดหินนั้นอยู่ มันขัดขวางความสามารถของข้า ต้องตัดมันออกก่อนเท่านั้นถึงจะทราบได้”
“ทำไมมันถึงแตกต่างจากครั้งก่อน?” หลินเซวียนประหลาดใจ เหตุใดครั้งนี้เซียนสุราถึงมองไม่เห็น
“บางทีหินอาจจะปนเปื้อนโดยพลังงานลึกลับของหลุมพิสดาร แต่ไม่เป็นไร ข้าแค่ต้องผ่ามันออกเท่านั้น” เซียนสุราเองก็ตั้งหน้าตั้งอยากเห็นสิ่งของภายใน
“ข้ายังไม่มีเหล้าที่ดีนัก หวังว่ามันจะมีรากไม้หมื่นปีอยู่ในนั้นนะ!” เมื่อเซียนสุรากล่าวจบ เขาได้ขมวดคิ้วทันที “เสี่ยวเซวียน รีบไปเร็ว มีใครบางคนตามหลังเจ้ามา”
“อะไร!? ทำไมถึงรวดเร็วนัก?” หลินเซวียนประหลาดใจอีกครั้ง เขามั่นใจว่าความเร็วของตนไม่เป็นรองใคร แต่คนที่ตามมานั้นยังทำให้เซียนสุรายังสัมผัสได้ มันจึงทำให้เขาตระหนก
‘ด้วยความเร็วที่ตามมาได้ตอนนี้ คนผู้นั้นต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน เราเกรงว่าคงไม่ง่ายที่จะจัดการ’ หลินเซวียนรู้สึกวิตกในใจ เขาได้เร่งความเร็วขึ้นขณะพุ่งออกไปอีกครั้ง
แต่สัมผัสแห่งวิกฤตที่อยู่ด้านหลังนั้นกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย กลับกันมันยิ่งเหมือนดาบที่แหลมคม,kจ่ออยู่เหนือศีรษะเขา
ชิ้ง!
ทันใดนั้นเสียงตัดอากาศจากด้านหลังได้ดังขึ้นตามมาด้วยคมดาบอันเปล่งประกาย
ตู้ม!
หลินเซวียนกระทืบเท้าไปยังขอนไม้เพื่อเบี่ยงหลบดาบนั่น
“คมดาบน่าสะพรึงนัก!” หัวใจหลินเซวียนถึงกับสั่นสะท้าน คมดาบเมื่อครู่ไม่เพียงแต่จะทรงพลัง มันยังคงความเสถียรไว้จนสามารถตัดผ่าทุกสิ่งตรงหน้าได้
“นั่นคือวิชาดาบจริงหรือ? ช่างทรงพลังนัก!” หลินเซวียนไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักดาบ การเคลื่อนไหวกลางอากาศนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโจมตี
“ฮืม? เจ้าหลบมันได้ยังไง? แต่ก็คงได้แค่นั้นแหละ” เสียงอันเย่อหยิ่งดังมาจากตรงหน้า “มอบหินนั้นมาให้ข้า แล้วข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บตัว มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจที่กล้าเข้ามาในที่แห่งนี้!”
หลินเซวียนจ้องมองร่างนั้นอย่างระมัดระวัง มันคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ดูเหนือกว่าเขาไม่น้อย แต่สายตาของชายหนุ่มผู้นั้นแทบจะไม่จ้องมองหลินเซวียน
อย่างไรก็ตาม ความหยิ่งผยองกลับแผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างชัดเจน พลังวิญญาณที่โคจรราวกับเปลวเพลิงนั้นดูทรงพลังอย่างมากในขั้นเปิดชีพจรระดับหก เมื่อรวมกับดาบในมือเขาตอนนี้ ชายหนุ่มตรงหน้าดูร้ายกาจกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นเปิดชีพจรระดับหกทั่วไป
“อย่าคิดจะสู้ เจ้าไม่มีโอกาสหรอก! ส่งหินสีน้ำตาลมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!” เจียงอู่หลงกล่าววาจาเชิงบังคับ แต่เดิมเขาต้องการสังหารหลินเซวียนทันที แต่เขากลับไม่เห็นหินก้อนนั้น ดังนั้นจึงใช้วิธีข่มขู่ก่อน
“ดูเหมือนเจ้าจะเป็นศิษย์สำนักซวนเทียนเหมือนกัน เจ้าคงเคยได้ยินชื่อเสียงของข้าผู้ที่เป็นหนึ่งในสี่ยอดคนแห่งสำนักชั้นนอก ไม่ต้องห่วง หากเจ้าบอกว่าซ่อนหินไว้ตรงไหน ข้ารับประกันว่าจะไม่ทำอะไรเจ้า!”
หลินเซวียนถอนหายใจโล่งอก เขาทราบว่าเจียงอู่หลงกำลังเกลี้ยกล่อมอยู่ โชคดีที่เขาไม่ได้เก็บหินสีน้ำตาลไว้แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่รอด
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจกว่าคือชายผู้นี้เป็นหนึ่งในสี่ยอดคนของสำนักชั้นนอก สิ่งนี้ต่างหากที่น่าสะพรึง
“หากต้องการหิน เช่นนั้นก็ตามข้ามา!” หลินเซวียนไม่มีทางเลือก นอกจากต้องถ่วงเวลา
เขาใช้ก้าวเท้าเงาและวิ่งออกไปตามทาง ด้านหลังเขา เจียงอู่หลงได้แสยะยิ้มและวิ่งตามทันที
‘เซียนสุรา รีบผ่าหินเร็วเข้า!’ หลินเซวียนตะโกนขึ้นในจิตใต้สำนึกของตน
“เจ้าอย่าใช้เล่ห์เหลี่ยมจะดีกว่า ข้าทราบเส้นทางที่เจ้ามา หากไปผิดทางละก็ ข้าจะตัดแขนเจ้า!” น้ำเสียงเย็นเยือกประดุจความตายของเจียงอู่หลงดังขึ้น
“เวรเอ้ย!” หลินเซวียนอุทานในใจ เขาแค่อยากจะใช้เล่ห์เหลี่ยมถ่วงเวลา แต่ไม่คาดคิดว่าเจียงอู่หลงจะฉลาดขนาดนี้
เมื่อไร้หนทาง เขาจึงต้องเพิ่มเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย ขณะมุ่งไปตามทางที่มืดมิด ทันใดนั้นได้มีกลุ่มคนกำลังตรงมาทางนี้ด้วย หลินเซวียนจำได้ว่าพวกเขาคือคนจากพรรคปราณเทวะ
“บัดซบ!” หลินเซวียนเห็นซิงหลี่เฟิ้งและคนอื่น ๆ คนพวกนี้รู้จักและไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน เมื่อนึกได้เช่นนั้นหลินเซวียนจึงเลื่อนมือไปจับด้ามดาบ
“เสี่ยวเซวียน มันคือชิ้นส่วนของยันต์อาคม” เซียนสุรากล่าวขึ้น
“ยันต์อาคม? มันใช้ทำอะไรได้ โจมตีได้หรือไม่?” หลินเซวียนรีบถามอย่างดีใจ
แผ่นยันต์ที่เรียกว่ายันต์อาคม มันจะมีพลังงานพิเศษ และสามารถใช้ในยามคับขันได้ พลังของยันต์นั้นทรงพลังมาก กล่าวได้ว่ามีประโยชน์นานาชนิด
อันที่จริงเขาเองก็ต้องการสักแผ่นสองแผ่น แต่ด้วยราคาที่สูงจัดเขาจึงไม่สามารถซื้อได้
“มันไม่ใช่สำหรับโจมตี” เซียนสุราได้เอ่ยขึ้น “มันคือยันต์วายุหลบหนี”
“หลบหนี!” หลินเซวียนรู้สึกดีใจอย่างมาก เขาต้องการจะใช้มันทันที
“แต่มันยังไม่สมบูรณ์ มันมีเพียงครึ่งเดียว” ขณะที่หลินเซวียนกำลังจะดีใจ เซียนสุราได้ราดความสุขนั้นด้วยน้ำเย็นทันที
หลินเซวียนแทบจะร้องไห้ หลังจากชิงมันมาได้ด้วยความยากลำบาก ท้ายที่สุดกลับเป็นแค่เศษยันต์ โชคของเขาย่ำแย่เกินไป! เวลานี้ คนของพรรคปราณเทวะได้มาถึงแล้ว พวกเขาเข้าล้อมหลินเซวียนก่อนจะเผยท่าทีประหลาดใจ
“เจ้านั่นเอง!”
“รู้จักเขางั้นหรือ?” เจียงอู่หลงขมวดคิ้ว
“ศิษย์พี่เจียง นี่คือไอ้หนูคนเดียวที่ต่อต้านพรรคปราณเทวะ เขาคือคนที่สังหารจางปิ่น” ใครบางคนกล่าวขึ้น
“ไอ้หนู เจ้ากล้าดียังไงมาชิงของของศิษย์พี่เจียง รนหาที่ตายนัก!”
“ศิษย์พี่เจียงนั้นทรงพลังอย่างมาก เข้าจะต้องสยบไอ้หนูนั้นได้ทันทีที่ลงมือ…”
เจียงอู่หลงขมวดคิ้วขณะมองหลินเซวียน ทันใดนั้นเขาได้กล่าวเสียงต่ำ “อย่าส่งเสียงน่ารำคาน หินนั้นยังอยู่ในมือของเขา“
“อะไรนะ?” ศิษย์พรรปราณเทวะชะงัก จากนั้นเขาหันไปมองหลินเซวียนอย่างไม่พอใจ “ไอ้หนู รีบส่งหินมาเร็วเข้า!”
“หากต้องการหินนี้ก็ย่อมได้ ขอข้าคิดสักประเดี๋ยว หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แต่ใครใช้ให้เจ้ามาตะโกนใส่หน้าข้า ด้วยเหตุผลนี้มันทำให้ข้าลืมไปแล้วว่าซ่อนหินไว้ตรงไหน ปล่อยข้าอยู่คนเดียวสักพักคงจะนึกออก”
“ไอ้หนู เจ้าอยากตาย…” คนพรรคปราณเทวะโกรธเคืองขณะกล่าว
“หุบปาก!” เจียงอู่หลงตะคอกใส่คนพรรคปราณเทวะก่อนจะหันไปมองหลินเซวียนพร้อมสังหรณ์ไม่ดีในใจ