ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 68
ตอนที่ 68 เข้าสำนักชั้นใน!
ชายหนุ่มชุดม่วงรีบออกคำสั่งทันที หากหลินเซวียนตายที่นี่ มันจะนับว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงของสำนัก
“มันน่าจะมีตัวจ่าฝูงอยู่ในฝูงหมาป่านี้ พวกเรายังหาไม่เจอ บางทีทั้งจ่าฝูงและหลินเซวียนอาจจะอยู่ด้วยกัน” ศิษย์ชั้นในกล่าว
“เอาล่ะ ตอนนี้ค้นหาทางทิศตะวันออกและทิศใต้หมดแล้ว เหลือแค่ทิศตะวันตกและทิศเหนือ ในทิศตะวันตก มันใกล้กับป่ามาก ๆ ดังนั้นจึงมีสิทธิที่จ่าฝูงจะอยู่แถวนั้น” “ไปทิศตะวันตกกัน” ชายหนุ่มชุดม่วงกล่าว
ศิษย์ชั้นในสามสิบคนรวมถึงศิษย์ชั้นนอกที่ถูกช่วยเหลือได้รีบไปยังทิศตะวันตกทันที
ตลอดทางที่พวกเขาไป หมาป่าขนเพลิงจะถูกสังหารไปด้วย
“ฮืม?” ชายหนุ่มชุดม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเข้าใกล้ทิศตะวันตก หมาป่าขนเพลิงกลับดูน้อยลง แต่เดิมพวกเขาจะพบกับหมาป่าขนเพลิงมากมาย แต่ตลอดทางไปทิศตะวันตก จำนวนของหมาป่าขนเพลิงดูจะลดลงตลอดเวลาที่เข้าใกล้
“มันมีพลังผันผวนอยู่ตรงนั้น พวกเราต้องเร่งความเร็วแล้ว!” ชายหนุ่มชุดม่วงดีใจขึ้นมา แต่ก็ยังมีประกายความสงสัยอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้มาถึงยังพื้นที่ทิศตะวันตก พวกเขาถึงกับชะงัก
พื้นดินนั้นเต็มไปด้วยศพของหมาป่าขนเพลิง เลือดของพวกมันไหลซึมลงพื้นจนแห้งเหือด อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นของซากศพ ตรงหน้าพวกเขามีร่างมนุษย์อยู่สองร่าง คนหนึ่งกำลังเปล่งแสงสีทอง แต่ละครั้งที่เคลื่อนไหวจะมีหมาป่าขนเพลิงถูกสังหาร และอีกคนกำลังใช้เขตอาคมสีเงินในการฟันแทงพวกมัน
มือของนางร่ายรำราวกับอสรพิษขณะควบคุมดาบภายในเขตอาคม
“หลินเซวียน!” เสียงใครบางคนดังขึ้น
ฟูม!
ร่างนั้นหยุดกลางอากาศ และแน่นอนว่าเขาคือหลินเซวียน เขาหันไปมองชายหนุ่มด้านหลัง และหนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มชุดม่วงที่พาพวกเขามาในตอนแรก
“นั่นคนของสำนัก!” หลินเซวียนให้สัญญาณหยินฉิงอี้หยุดอาคมทันที
“พวกเจ้าทั้งสองสังหารพวกมันหมดเลยหรือ?” ศิษย์ชั้นในเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่แล้ว ขอบคุณที่มาช่วยพวกเรา!” หลินเซวียนกล่าว
ฟืด!
เมื่อได้รับการยืนยันจากหลินเซวียน พวกเขาถึงกับสูดหายใจลึก หมาป่าขนเพลิงจำนวนมากถูกสังหารด้วยฝีมือคนสองคน สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเหนือความจริงอย่างมาก
“แล้วตัวจ่าฝูงล่ะ?” ศิษย์ชั้นในยังไม่ค่อยมั่นใจว่าสถานการณ์ปลอดภัย จึงเอ่ยถามต่อ
“ตายแล้ว!” หลินเซวียนชี้ไปยังร่างของจ่าฝูงที่เขาฟัน
พวกเขามองไปยังร่างที่นอนอยู่บนพื้น มันเป็นศพของหมาป่าขนเพลิงที่ตัวใหญ่กว่าปกติถึงสามเท่า
“ปีศาจ!”
“อสุรกาย!”
“ชายผู้นี้ช่างน่าสะพรึงนัก!”
นี่คือสิ่งที่พวกเขาคิดกับหลินเซวียนตอนนี้ สำหรับหยินฉิงอี้ พวกเขาเองก็ฉงนใจเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าสตรีบอบบางผู้นี้ จะมีอาคมดาบที่น่าสะพรึง
“ศิษย์ที่รอดชีวิตทั้งหมดสิบเก้าคนถูกพบหมดแล้ว อีกหกคนเสียชีวิต” ชายหนุ่มชุดม่วงถอนหายใจ
……
ผู้อาวุโสกู่โกรธอย่างมาก รวมถึงผู้อาวุโสของสำนักซวนเทียนต่างก็โกรธเช่นกัน
มันไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน พวกเขาสูญเสียศิษย์มีความสามารถไปถึงหนึ่งในสามของจำนวนที่มาทดสอบ
“ครั้งนี้มันเป็นความผิดพลาดของสำนักและยังถูกโจมตีโดยพวกหมาป่าขนเพลิงที่มีร่างเป็นมนุษย์” ผู้อาวุโสกู่กล่าวเสียงต่ำ “ความแค้นครั้งนี้จะถูกชำระโดยสำนักแน่นอน! และพวกเจ้าทุกคนจะได้เข้าไปยังสำนักชั้นใน!”
สำนักชั้นใน! ศิษย์ชั้นนอกทุกคนดูเหมือนจะดีใจทันที พวกเขาต้องฝ่าฝันอุปสรรคมากมายเพื่อเข้าไปยังสำนักชั้นในนี้
“ศิษย์น้องของข้า ข้าจะแก้แค้นให้เจ้าแน่นอน!”
“เมื่อข้าแข็งแกร่งขึ้นหลังจากเข้าสำนักชั้นใน ข้าจะกวาดล้างพวกหมาป่าขนเพลิงด้วยเลือดพวกมันเอง!” บรรดาศิษย์ที่รอดชีวิตได้สาบานกับหัวใจของตน
“มันเป็นเพราะความบังเอิญ และความแข็งแกร่ง! ในการทดสอบครั้งนี้ มีหลายคนที่ทำได้ยอดเยี่ยม และพวกเขาสมควรได้รับรางวัลจากสำนัก”
พวกเขาหันไปมองหลินเซวียน หยินฉิงอี้ หลิวหยุน และคนอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่มองไปที่หลินเซวียนและหยินฉิงอี้
ข่าวการสังหารหมาป่าขนเพลิงนับร้อยได้ถูกเล่ากันไปทั่ว ทุกคนมองทั้งสองคนนี้ราวกับมองอสุรกายไปแล้ว ถังอวี้เองก็มองอย่างอิจฉาเล็กน้อย
สำหรับสายตาแบบนี้ หลินเซวียนไม่ได้ใส่ใจมากนัก สำหรับหยินฉิงอี้ นางจับเสื้อแน่นพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
เนื่องจากหลินเซวียนและหยินฉิงอี้สังหารเยอะที่สุด การทดสอบครั้งนี้ ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจึงเป็นหลินเซวียน
สำหรับรางวัล พวกเขาจะได้รับหลังจากกลับไปสำนัก หลังจากผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็กลับไปยังสำนักซวนเทียนภายใต้การนำของผู้อาวุโสกู่
หลังจากให้พวกเขาพักผ่อนกันได้สามวัน ศิษย์ทุกคนที่ได้กลับมาก็ได้เข้าไปยังสำนักชั้นใน
การปฏิบัติสำหรับศิษย์ชั้นในนั้นดีอย่างมาก ทุก ๆ สามเดือน ศิษย์ชั้นในจะสามารถเข้าไปยังหอวรยุทธ์เพื่อเลือกวิชาได้ และทุก ๆ เดือนจะมีผู้อาวุโสมาชี้แนะวรยุทธ์ให้ด้วย
สถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นจะห่างไกลจากสำนักชั้นนอก ศิษย์แต่ละคนจะมีสวนฝึกฝนเป็นของตนเอง มันจะมีห้องสำหรับฝึกวิชาอยู่ในบ้านของพวกเขาเพื่อไม่ให้ใครมารบกวน
ศิษย์ชั้นในนั้นจะไม่มีภารกิจเหมือนตอนอยู่สำนักชั้นนอก พวกเขาจะต้องทำแค่ภารกิจของสำนักในการเข้าร่วมสงครามทุก ๆ เดือน แน่นอนว่า หากต้องการแลกเปลี่ยนของวิเศษเพิ่ม ศิษย์ชั้นในสามารถใช้แต้มสะสมและหินอันดับ
หินอันดับนั้นเป็นสิ่งสำคัญของศิษย์ชั้นใน ในลานกว้างของสำนักชั้นใน มันจะมีเสาหินที่เต็มไปด้วยชื่อของพวกเขา หินที่แตกต่างกัน แสดงถึงความแตกต่างแต่ละเทียบอันดับ และชื่อแต่ละคนจะถูกเรียงตามอันดับของตนเอง
ยิ่งอันดับสูง ทรัพยากรที่จะได้ยิ่งมากขึ้นตาม
เมื่อหลินเซวียนและศิษย์ด้านนอกคนอื่นเข้ามายังสำนักชั้นใน พวกเขาได้ไปยังที่ตั้งหินอันดับเพื่อดูชม
เสาอันดับนั้นมีอยู่สามประเภท นั่นคือเทียบอันดับสำนักชั้นใน เทียบอันดับขั้นพลัง และเทียบอันดับของทักษะการต่อสู้
เทียบอันดับสำนักชั้นในนั้นจะมีอยู่หนึ่งร้อยอันดับที่ถูกจัดขึ้นทุกปี
เทียบอันดับขั้นพลังจะเป็นการวัดระดับพลังของศิษย์แต่ละคนให้หอบ่มเพาะพลัง สำหรับข้อมูลนั้นหลินเซวียนไม่ทราบจึงต้องถามคนอื่น คำตอบที่ได้ก็คือ มันเป็นหอสำหรับช่วยในการบ่มเพาะพลัง อีกทั้งยังมีการทดสอบต่าง ๆ อย่ายในนั้น
ส่วนเรื่องการทดสอบนั้นเขาไม่ทราบว่ามีอะไรบ้างจนกว่าจะลองด้วยตนเอง
เทียบอันดับสุดท้ายคือทักษะการต่อสู้ มันจะได้อันดับก็ต่อเมื่อสังหารสัตว์อสูรในสนามรบในแนวหน้า หรือทำภารกิจที่เกี่ยวข้อง
ทุกเสาหินจะมีชื่ออยู่หนึ่งร้อยคน หลินเซวียนพบว่าชื่อของอันดับแรกนั้น เป็นชื่อของคนคนเดียวกัน
เหวินเจี้ยนซิง!
มันคือชื่อที่อยู่อันดับหนึ่งของทุกเทียบอันดับ อีกทั้งยังอยู่ในสิบอันดับแรกของศิษย์สายตรง
พรรคที่ทรงพลังทั้งสามในสำนักชั้นนอกนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย กำลังหลักของพวกเขาคือคนที่อยู่ในสำนักชั้นใน และแต่ละกองกำลังจะมีศิษย์สายตรงอยู่
สถานการณ์ของพวกเขา หลินเซวียนพอจะเข้าใจอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก เป้าหมายของเขาคือการมีชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกของศิษย์สายตรงเท่านั้น
มีเพียงการเข้าไปในสิบอันแรกเท่านั้นที่จะสามารถกลับไปยังตระกูลได้อย่างสง่าผ่าเผย
ในตอนเย็น หลินเซวียนได้กลับไปยังบ้านของตน และรางวัลของเขาก็คือ สามารถใช้หอบ่มเพาะพลังได้สามชั่วยาม
“หอบ่มเพาะพลังนั้นวิเศษขนาดไหนกันนะ?” หลินเซวียนเกิดความคาดหวังขึ้นมาในใจ