ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 77
ตอนที่ 77 เจ้าอะไรมาสู้กับข้า?
ชิ้ง!
เสียงดาบที่ถูกดึงออกมาจากฝักดังขึ้นอย่างเสนาะหู คมดาบอันเปล่งประกายได้ส่องไปทั่วทุกหนแห่ง
ด้วยการสะบัดดาบเพียงครั้งเดียว จิตสังหารอันแรงกล้าก็ได้กวาดออกไปราวกับคลื่นทะเล ประกายดาบสีม่วงถูกยิงขึ้นฟ้าก่อนจะฟันลงมาทางหลินเซวียน
แค่ชักดาบก็ทรงพลังถึงเพียงนี้!
“แข็งแกร่งมาก!”
“แน่นอน นั่นคือชายผู้กุมชัยชนะอย่างต่อเนื่องสิบครั้ง!”
ภายในห้องโถง นับสู้ที่เห็นดาบในมือฉีเจว่ถึงกับอดชื่นชมไม่ได้
เมื่อเห็นพลังควบแน่นที่คมดาบของฉีเจว่ พลังอันน่าสะพรึงของขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ดก็ได้ปะทุออกมา เกรงว่าอีกไม่นานเขาจะต้องบรรลุขั้นพลังได้แน่นอน นักสู้ขั้นเปิดชีพจรระดับแปดที่มองดูต่างชื่นชม ความสามารถของฉีเจว่นั้นเพียงพอที่จะดึงดูดสายตาผู้ชมอย่างแท้จริง
“เฮอะ! ไอ้หลินเซวียนคนนี้มันตายแน่!” ดวงตาหลิงเจ๋อเปล่งประกายจากความตื่นเต้น
“เฮ้อ หากไม่มีเหตุการณ์อะไร เช่นนั้นนักสู้มือใหม่นามหลินเซวียนคนนี้ต้องหลบไม่ได้แน่!” เสียงของนักสู้บางคนรู้สึกสงสาร เพราะพวกเขาทราบดีว่าการได้พลังระดับเจ็ดมาโดยฉับพลันนั้น มันจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวก่อน
หลังจากเห็นฉากตรงหน้า ม่านตาหลินเซวียนถึงกับจมลง เขารีบใช้ก้าวอัสนีอย่างรวดเร็ว ร่างของเขากลายเป็นประกายสายฟ้าพร้อมทิ้งร่างเงาไว้ด้วย มันแยกออกยากอย่างมากว่าอันไหนตัวจริงกับตัวปลอม
ฟูม!
คมดาบสีม่วงตัดผ่านร่างของหลินเซวียนไป แต่นั่นเป็นแค่ร่างเงา
“ฮืม? เขาหลบได้งั้นหรือ?” ภายในห้องโถง นักสู้หลายคนต่างพากันประหลาดใจ แม้แต่ฉีเจว่เองก็เช่นกัน
พวกเขาไม่ทราบว่า เหตุใดหลินเซวียนถึงควบคุมร่างกายได้อย่างดี แม้พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน มันก็สามารถถูกควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยงั้นหรือ?
“การก้าวเท้ายอดเยี่ยม!” หลังจากเห็นการก้าวเท้าของหลินเซวียน หลัวซิงชานถึงกับชื่นชม ‘นั่นน่าจะเป็นเพียงวิชาขั้นสีดำระดับกลาง เราไม่ทราบว่าศิษย์น้องหลินใช้เวลาฝึกฝนมันนานเท่าไหร่’
ถึงแม้หลินเซวียนจะรวดเร็ว แต่ฉีเจว่เองก็ไม่ได้เชื่องช้า
“ดาบแปดกระบวน!” ฉีเจว่รู้สึกอับอายจากการที่โจมตีพลาดครั้งแรก เขาไม่ต้องการจะเสียเวลากับหลินเซวียนอีก ดังนั้นจึงใช้วิชาที่แข็งแกร่งทันที
“มาแล้ว ดาบแปดกระบวน! ฉีเจว่ต้องชนะแน่นอน!” ผู้ชมบางคนอุทานอย่างตื่นเต้น
คมดาบสีม่วงส่องประกายแสงขึ้น จากนั้นปราณดาบยาวสองเส้นก็ได้พุ่งออกมา ทุกที่ที่มันผ่านจะเกิดเสียงตัดอากาศขึ้นดัง
หลินเซวียนฟันดาบของตนออกไปเช่นกัน บนตัวดาบ มันมีประกายสายฟ้าสีทองที่ไหลไปมา มันปะทะเข้ากับดาบสีม่วงอย่างรวดเร็ว
เคล้ง!
พลังงานที่เกิดจากกระแสพลังทำให้อากาศสั่นสะเทือน โต๊ะและเก้าอี้ภายในคฤหาสน์ถึงกับถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ
ดาบทั้งสองปะทะกันในแนวตั้งและแนวนอน อีกทั้งยังมีประกายแสงของดาบที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า
ฉีเจว่ยังไม่ยอมแพ้ แต่เขารู้สึกว่าดาบในมือกำลังจะถูกทำลายโดยพลังอันแข็งแกร่ง ตัวดาบที่เข้าฟาดฟันกับหลินเซวียนได้บิ่นไปถึงสามจุด
“เป็นไปได้ยังไง?” ใบหน้าฉีเจว่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้หลินเซวียนจะหลบการโจมตีแรกได้ แต่การโจมตีครั้งนี้มันคือดาบแปดกระบวน ซึ่งเป็นท่าที่เขาใช้เผด็จศึกอยู่หลายครั้ง แต่มันยังทำให้เขาไม่ได้เปรียบกลับมาแม้แต่น้อย
“ไม่มีทาง เจ้าเชี่ยวชาญพลังระดับเจ็ดนี้อย่างรวดเร็วได้ยังไง? เจ้าซ่อนพลังของตนเองไว้หรือ?” ฉีเจว่รู้สึกสับสน
แต่หลินเซวียนหาได้ให้คำตอบเขาไม่ ตอนนี้หลินเซวียนสามารถใช้พลังของขั้นเปิดชีพจรระดับที่เจ็ดได้อย่างคล่องแคล่ว กล่าวได้ว่าเขามีความสุขอย่างมาก เขาใช้พลังวิญญาณของตนอย่างละครั้งในการลงดาบ แต่ละครั้งจะผสานกับพลังสายฟ้าในตัว และมันทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าตามมาทุกครั้ง
“ขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ดนี้แข็งแกร่งจริง ๆ อีกทั้งยังใช้พลังได้ยาวนานกว่าเดิม แต่มันก็ยังควบคุมยากอยู่ดีแหะ” หลินเซวียนวิเคราะห์พลังภายในใจไปด้วย เขาต้องการศึกษามันอย่างถี่ถ้วน
“หากเราสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ เราจะกินโอสถทิพย์นั่นทันทีที่ออกไป” ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในใจของหลินเซวียน
เขายังมีโอสถทิพย์ที่สามารถเพิ่มพูนขั้นพลังได้ในทันทีอยู่ หากเขาสามารถเชี่ยวชาญพลังวิญญาณของระดับที่เจ็ดได้ในนี้ เช่นนั้นหากใช้โอสถเพิ่มพลัง เขาจะสามารถคงความเสถียรของพลังได้ในเวลาอันสั้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงใด ๆ
เมื่อนึกได้เช่นนี้ หลินเซวียนก็เริ่มรุกหนักขึ้นไปอีกเล็กน้อย
ฉากนี้ทำให้ผู้ที่ชมการประลองอยู่ด้านนอกถึงกับตกตะลึง
“อะไรกัน? เขากำลังข่มพลังของฉีเจว่อยู่ใช่หรือไม่? ข้าคงไม่ได้ตาฝาดนะ!”
“เป็นไปได้ยังไง? มันไม่มีทางเป็นไปได้!”
ใบหน้าหลิงเจ๋อไม่อาจสงบได้อีก เขายืดตัวขึ้นกำหมัดแน่นและจับจ้องไปที่ม่านแสง
“บัดซบ! ใครก็ได้บอกข้าทีว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น!”
“คุณชายหลิง เป็นไปได้ว่าเจ้าหนูนี้อาจจะปกปิดพลังไว้” ชายหนุ่มชุดดำกล่าว
“ปกปิดพลัง?” หลิงเจ๋อกล่าวหลังจากได้ยินชายชุดดำ “เวรเอ้ย ข้าก็ว่าทำไมมันมั่นใจนัก มันปกปิดพลังไว้นี้เอง!”
“ยอดเยี่ยมมากศิษย์น้องหลิน!” ไม่ไกลออกไปนัก เย่ฉิงกำลังร้องตะโกนอยู่
เสียงนั่นดังไปเข้าหูหลิงเจ๋อ มันยิ่งทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น
“พวกมันต้องวางแผนกันไว้แน่” หลิงเจ๋อครุ่นคิดบางอย่าง “วางแผนเพื่อที่จะกินหินวิญญาณข้าสินะ!”
เมื่อนึกถึงหินวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน ใบหน้าหลิงเจ๋อถึงกับเจ็บปวด ในตอนแรกเขามีใบประกันอยู่ สิ่งนี้มันจึงทำให้เขากล้าเดิมนพันถึงหนึ่งหมื่นก้อน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้
“จะเอาหินวิญญาณข้ามันไม่ง่ายนักหรอก!” หลิงเจ๋อเรียกชายชุดดำมาพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “ไปหาอู่เย่ บอกให้เขาควบคุมผลของเกมให้ได้ ไม่ว่ายังไงหลินเซวียนก็ห้ามชนะ!”
หลังจากที่ชายชุดดำได้ยินคำสั่ง เขาก็จากไปทันที
ภายในพื้นที่มิติวิญญาณ ฉีเจว่ถูกสยบอย่างราบคาบ เขาอยู่ในจุดที่เสียเปรียบกว่าอย่างสมบูรณ์ เมื่อนึกถึงสภาพที่ต้องพ่ายแพ้ผู้ที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหกต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาแทบอยากจะเอาหัวโขกพื้นให้ตาย
หลินเซวียนยังคงสงบอยู่ และดาบของเขาก็เสถียรอย่างมาก เขาไม่ต้องการชนะอย่างรวดเร็ว และต้องการโจมตีทีละครั้งให้เป็นจังหวะเท่านั้น
แต่ทันใดนั้นหูของเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
“นักสู้หมายเลขเก้า ข้าคือคนจัดการพื้นที่มิตินี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมแพ้การแข่งขัน”
“อะไรนะ?” หลินเซวียนผงะไปชั่วครู่ การโจมตีในมือก็หยุดลงไปเช่นกัน แต่ไม่นานเขาก็เริ่มสงบและทำการฟันต่อ
แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่หลินเซวียนเผยจุดอ่อน ฉีเจว่ก็ใช้โอกาสนี้ตอบโต้ทันที แต่เดิมเขาเป็นนักสู้ที่เก่งกาจอยู่แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่สามารถชนะมาได้ถึงสิบเกม
การโจมตีของฉีเจว่สำเร็จ เขามีพลังวิญญาณที่ทรงพลัง และโคจรมันขณะใช้วิชาดาบแปดกระบวน ดาบสีม่วงในมือของเขาน่าสะพรึงอย่างยิ่งขณะฟันไปยังหลินเซวียนทุกทิศทาง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินเซวียนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมทันที เขารีบกลับมาตั้งท่ารับ
เหตุการณ์ที่พลิกผันนี้ทำให้ผู้ชมในห้องโถงตะโกนขึ้นดัง อารมณ์ของพวกเขาตอนนี้แปรปรวนราวกับคลื่นที่ขึ้น ๆ ลง ๆ
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดหลินเซวียนถึงชะงักไป?” นักสู้บางคนเกิดความสงสัย
“อาจจะเป็นเพราะเขายังควบคุมพลังวิญญาณได้ไม่ดีมากนัก มันจึงทำให้พลังของเขาไม่เสถียร เพราะนั่นไม่ใช่ขั้นพลังจริงของเขา!” ยอดฝีมือขั้นเปิดชีพจรระดับแปดคาดเดา
มีเพียงหลิงเจ๋อเท่านั้นที่ทราบว่าคำสั่งของตนได้ผล
“หลินเซวียน ตระกูลหลิงสนับสนุนข้าอยู่ด้านหลัง อย่างเจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า?”