ดาบพิโรธสวรรค์ - ตอนที่ 91
ตอนที่ 91 ขออภัย แต่ข้าไม่ต้องการ…
ฟานช่งคือศิษย์ชั้นในและแข็งแกร่งอย่างมาก ทันทีที่มาถึงที่นี่ เขาได้บอกให้ทุกคนส่งเหรียญภารกิจให้
ศิษย์ทั้งสามที่ถือเหรียญถึงกับแสดงความไม่พอใจ จากนั้นฟานช่งได้หันไปมองหลินเซวียนเช่นกัน
“ฮืม?” ฟานช่งขมวดคิ้วขณะมองหลินเซวียน “เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดงั้นหรือ?”
เขาไม่ได้ไปดูการประลองของหลินเซวียนที่ลานเป็นตาย ดังนั้นจึงไม่รู้จักหลินเซวียน ในหมู่ศิษย์สายตรง มีแค่สองคนเท่านั้นที่ไปดูหลินเซวียน ทั้งสองคือหัวหน้าพรรคปราณเทวะและพรรคเทพสงคราม ส่วนศิษย์สายตรงคนอื่นกลับไม่สนใจ
หลินเซวียนกล่าวเสียงลุ่มลึก “ภารกิจนี้ไม่ง่ายกว่าพวกเราจะชิงมาได้ หากท่านต้องการให้พวกเรามอบให้เช่นนี้ มันไม่เกินไปหน่อยหรือ!”
“เกินไป? เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพอจะทำงานร่วมกับข้าเรอะ?” ฟานช่งยังคงเย้ยหยันกลับ
“หากศิษย์พี่ไม่อยากจะทำงานกับพวกเรา ท่านก็ถอนตัวไปเสีย!” หลินเซวียนไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
“ไอ้หนู เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร?” ฟานช่งเริ่มโกรธ เขาเดินไปตรงหน้าพร้อมเผยลมหายใจที่อันตราย
ดวงตาหลินเซวียนหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวแบบไม่สุภาพอีก “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นใคร และเหรียญภารกิจนี้จะไม่มีวันมอบให้เจ้าเช่นกัน“
“ศิษย์พี่ฟาน เขาคือหลินเซวียน!” ใครบางคนกระซิบฟานช่ง
“หลินเซวียน? หลินเซวียนที่ฆ่าจางเฉียนได้นะหรือ?” ฟานช่งชะงักก่อนจะเก็บลมหายใจ
“หากเจ้าเป็นหลินเซวียนจริง เช่นนั้นก็สามารถทำงานกับข้าได้!” ฟานช่งกล่าว “แต่อีกสามคนด้านหลังต้องส่งเหรียญภารกิจมา!”
ฟานช่งเปลี่ยนท่าทีและต้องการอีกสามเหรียญแทน “ไอ้หนู มาอยู่ข้างข้า!”
“ขออภัย! ข้าไม่อยากทำงานกับขยะอย่างเจ้า!” หลินเซวียนกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนรอบด้านถึงกับหน้าซีด
นิสัยฟานช่งนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่าจางเฉียน ถึงแม้เขาจะเป็นศิษย์สายตรง เขาก็อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า
“เจ้าอยากตายสินะ!” ดวงตาฟานช่งเผยรังสีอันน่าสะพรึง บรรยากาศในรัศมีสามจั้งถึงกับเย็นวูบขึ้นทันที
“อย่าคิดว่าฆ่าจางเฉียนได้แล้วจะทำให้เจ้าเหนือกว่าผู้อื่น ในสายตาของศิษย์สายตรง สังหารจางเฉียนก็ไม่ต่างอะไรกับการผายลม!” ฝ่ามือของเขามีไอเย็นซึมออกมา น้ำเสียงที่กล่าวก็ไม่ต่างจากลมในฤดูหนาว “ข้าจะให้โอกาสสุดท้าย มากับข้า! มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ”
“ผู้ดูแล ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ ข้าไม่อาจร่วมงานกับคนแบบนี้ได้ ดังนั้นข้าตัดสินใจจะทำงานนี้คนเดียว!” หลินเซวียนอธิบายกับผู้อาวโสดูแลก่อนจะเดินออกไป และไม่มองฟานช่งอีก
“ดี! ข้าไม่ได้โกรธมานานแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยให้ข้าสนุกได้สักหน่อย!” ฟานช่งหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว เขาคิดจะสังหารหลินเซวียนในระหว่างดำเนินภารกิจ
‘ไม่ว่ายังไง ภารกิจนี้ก็อันตรายอย่างมาก และมันอยู่เพียงคนเดียว หากมันตาย เช่นนั้นก็ไม่มีใครสงสัย’ ฟานช่งแสยะยิ้มขณะมองหลินเซวียนเดินไป
……
หลินเซวียนรู้สึกผิดหวัง เขารู้สึกเช่นนี้เพราะต้องมาเจอขยะในการเลือกภารกิจ เท่านั้นยังไม่พอ เขายังโดนดูหมิ่นเหมือนเป็นแค่เด็กน้อย
“ข้าเหมือนกับเด็กน้อยมากหรือ?” หลินเซวียนกล่าว “ดูเหมือนชื่อเสียงข้ายังจะดังไม่พอสินะ!”
“เจ้าหนุ่มอวดดีคนนั้นมีคุณสมบัติธาตุน้ำแข็ง เจ้าสู้เขายากมากตอนนี้ เว้นแต่จะผสานคุณสมบัติสายฟ้าและลมได้” เซียนสุรากล่าวขึ้น
“ข้ายังพอมีเวลา และคิดว่าเขาคงไม่ลงมือในเร็ว ๆ นี้หรอก” หลินเซวียนพยักหน้าพร้อมกล่าว “แต่ด้วยขั้นพลังปัจจุบันของข้า มันยังยากเกินไปที่จะผสานพลังคนเดียว มันไม่มีทางจะเชี่ยวชาญทั้งลมและสายฟ้าได้ตอนนี้เลยใช่ไหม?”
“ถูกต้อง!” เซียนสุราตอบกลับอย่างเย็นชา
หลินเซวียน “…”
“แล้วท่านยังจะให้ข้าใช้วิธีผสานธาตุไปสู้อีก!” เขาตะโกนเหมือนลูกสิงโต
“ข้าก็อยากจะดูว่าเจ้าจะทำยังไง” เซียนสุราอธิบาย “ไม่ว่าคนอื่น ๆ จะมีทักษะยังไง พวกเขาก็คือคนอื่น มีเพียงทักษะของตนเองเท่านั้นที่น่าพอใจที่สุด”
“ถึงแม้เจ้าจะยังทำไม่ได้ตอนนี้ ข้าก็ต้องการให้เจ้ามีสมาธิกับการบ่มเพาะพลัง!”
หลินเซวียนสงบลง เขาแค่หยอกล้อเซียนสุราไปเมื่อครู่ เขาเองก็เข้าใจหลักการนี้ดี
“ขอข้าดูหน่อยว่าภารกิจระดับหกนี้มันยากยังไง!” หลินเซวียนเดินออกไป
ภายในห้องโถงสำนัก ผู้อาวุโสเยว่กำลังนั่งอย่างสงบอยู่
“ผู้อาวุโสเยว่ หลินเซวียนไม่เพียงสังหารศิษย์พี่จางแล้ว เขายังไม่ไว้หน้าท่านด้วย เขาสมควรตาย!” หลิงเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง “ข้าไม่ชอบขี้หน้าเขามานานแล้ว ข้าว่าส่งศิษย์…”
ผู้อาวุโสเยว่ลืมตาขึ้นก่อนจะมองหลิงเจ๋อพร้อมกล่าว “ข้าคิดว่าเจ้าคงมีความขุ่นเคืองกับมันมาก่อนสินะ หากคิดจะใช้ข้าเป็นมีด เช่นนั้นเจ้ายังเด็กเกินไป!”
ร่างของหลิงเจ๋อสั่นขึ้นมาทันที “ข้ามิกล้า!”
“แต่หากเจ้ากำจัดหลินเซวียนได้ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์เอก!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลิงเจ๋อเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่ตื่นเต้น “ผู้อาวุโส ไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง!”
เขารู้สึกมีความสุขทันที อันที่จริงเขาแค่อยากจะลองถามดู แต่ผู้อาวุโสเยว่กลับเอ่ยปากออกมาเอง ‘ดูเหมือนหลินเซวียนคนนี้ต้องตายอย่างแท้จริง’
ศิษย์ของผู้อาวุโสนั้นมีอยู่สองแบบ หนึ่งคือศิษย์ชั่วคราวที่ต้องลงทะเบียน พวกเขาจะต้องเอาป้ายชื่อตัวเองไปแขวนไว้ที่ประตูผู้อาวุโสหากต้องการให้คำชี้แนะ
อีกอย่างคือ ศิษย์เอกของพวกเขา ศิษย์เหล่านี้จะมีสถานะสูงกว่าศิษย์สายตรง อย่างเช่นมู่หรงเฉียนหลิงที่เป็นศิษย์เอกของสตรีชุดชาววัง พวกเขาไม่เพียงแต่จะได้เป็นศิษย์ที่สถานะสูงแล้ว พวกเขายังจะได้ทรัพยากรจากสำนักอีกมากมาย
“หลินเซวียน แกกล้าทำให้ผู้อาวุโสขุ่นเคือง ข้าอยากจะเห็นนักว่าจะรอดไปได้ยังไง!”
……
ฮัดชิ้ว! หลินเซวียนลูบจมูกพร้อมบ่นพึมพำ “ลำบากแท้ แค่เช่ายังไม่ได้เลย!”
ก่อนหน้านี้หลินเซวียนได้ไปเช่าวิหควิญญาณที่หอสัตว์วิญญาณ ผลคือเขาถูกปฏิเสธ เพราะสถานที่ที่เขาจะไปนั้นอันตรายเกินไป!
หลินเซวียนทำได้เพียงเดินออกมาอย่างไม่เต็มใจ เขาเองก็พอจะรู้ถึงเหตุผลแฝงอยู่ นั่นคือจะต้องมีคนบงการไว้
‘ไม่ผู้อาวุโสเยว่ก็ฟานช่ง’ หลินเซวียนเดาว่าคงไม่ใช่ผู้อาวุโสเยว่ เพราะเขาไม่รู้เรื่องที่ตนจะไปทำภารกิจนอกสำนัก คนที่น่าสงสัยสุดก็คือฟานช่ง
ศิษย์สายตรงทุกคนล้วนมีผู้อาวุโสหนุนหลังอยู่ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำอะไรลับ ๆ
“เจ้าสามารถใช้ภารกิจนี้เพื่อหาประสบการณ์ได้ แต่อย่ารีบร้อนเกินไป!” เซียนสุรากล่าวขึ้น “บางทีเจ้าอาจจะพบของดีระหว่างทางก็ได้”
ห้าวันต่อมาภายในป่า
พยัคฆ์ขาวสามตากำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว บนหลังของมันมีชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งนั่งอยู่ ดวงตาของเขาเจิดจรัสราวกับดาบที่ส่องสว่าง
เขานั่งเป็นเหมือนรูปปั้นอยู่บนหลังของพยัคฆ์ขาว และไม่แสดงอารมณ์ใด ถึงแม้พยัคฆ์ขาวจะวิ่งเร็วแค่ไหนมันก็ไม่มีผลกับเขา
โฮก! ทันใดนั้นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งได้พุ่งออกมาจากป่าและกระโจนใส่ชายหนุ่มบนหลังเสือ
ชิ้ง! ฟุบ!
ชายหนุ่มคนนั้นขยับนิ้วเพียงเล็กน้อยเหมือนกับฟันดาบ แต่ร่างของสัตว์ที่จู่โจมเข้ามาถึงกับแยกออกเป็นสองซีกในทันที เลือดของมันกระจายออกเต็มพื้นดิน
“ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ…” ชายคนนั้นพึมพำกับตัวเอง เขาไม่ได้มองสัตว์ที่ตายไปเมื่อครู่แม้แต่น้อ