ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ - ตอนที่ 11
จากมุมมองของฉันและใครก็ตามที่กำลังดูอยู่ในตอนนี้จะเห็นได้ว่าเซเลสเต้กำลังทำได้ดีเลยทีเดียว
แม้ว่าเซเลสเต้จะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่มีพลังพิเศษเธอก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากกลุ่มคนจำนวนมหาศาลอยู่ดี
เธอพยายามอย่างหนัก มีพรสวรรค์ และทักษะของเธอก็ยังดี
ด้วยการเคลื่อนไหวที่แม่นยำอย่างสงบ ๆ และการตอบสนองอย่างชาญฉลาดกับมอนสเตอร์ทุกตัวมันยากที่จะเชื่อได้ว่าเชื่อมีอายุแค่ 17 เท่านั้นเอง
และตั้งแต่ที่เธอเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลคอสแตนตินีที่มีความงดงามที่เลิศเลอ มันก็เป็นธรรมชาติที่จะมีผู้ชมหลายคนที่มารวมกับอยู่ในช่องของเธอ
จำนวนของผู้ชมทั่วไปยังคงมีขนาดใหญ่เช่นเดิมแต่มีสถานะการบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปในช่องส่วนตัวของเธอ
กล้องเซเลสเต้ หมายเลข 7
แต่เดิมแล้วมันมองเห็นได้เท่านั้นว่ามีเจ้าหน้าที่เพียงแค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น แต่ในบางจุดมันกลับทำให้มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ได้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
และในตอนนั้นเอง
[ตัวเอกอียอนจุนได้รับทักษะเป็นจุดสนใจ (A)]
ที่ข้อความห่านี้ได้ปรากฏขึ้นในใจของฉัน
นี้เป็นตัวเอกคนที่สามที่ฉันได้เจอมาและพวกเขาทั้งหมดดูเหมือนว่าจะสามารถที่จะได้รับสกิลอย่างง่าย ๆ โดยการคิดว่าพวกเขากำลังอยู่ในจุดวิกฤต
มันน่าประหลาดใจมากที่เขาสามารถได้สกิลแรงค์ A มาได้แต่ปัญหาที่แท้จริงมันกำลังจะเริ่ม ณ บัดนี้
[ทักษะเป็นจุดสนใจ (A) : ยิ่งคุณได้รับความสนใจมากเท่าไหร่คุณก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น]
ผลของสกิลนี้มันช่าง…
ถ้ามันเป็นในต่างโลก พูดแบบตรงไปตรงมาผลของทักษะแรงค์ A นี้มันค่อนข้างแย่ทีเดียวมันคงอยู่ในระดับเดียวกันเทียบเท่ากับความสามารถระดับ B ไม่ก็ C แค่นั้นเอง
แต่กับที่โลกผลของมันเลยต่างออกไป
ในยุคปัจจุบันที่สื่อได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมันก็เป็นไปได้ที่จะดูใครบางคนจากอีกฝากหนึ่งของโลก
ทำให้สกิลนี้ควรจะเป็นแรงค์ S ไม่ก็ SS แล้วด้วยซ้ำ
ฉันถูกทำให้ประหลาดใจที่สกิลบ้า ๆ แบบนี้มันประเมินว่าเป็นแค่สกิลแรงค์ A ในโลกนี้
เยี่ยมพลังพิเศษแรงค์ S นั้นหาได้ยากในขณะที่มีไม่กี่คนเท่านั้นในโลกที่มีพลังพิเศษแรงค์ A
โชคยังดี นี้ถ้าใครบางคนมีพลังพิเศษบ้า ๆ นี้ตั้งแต่เริ่มพวกเขาคงจะกลายมาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้ง่าย ๆ เลย
‘ฉันต้องหยุดเขาเดียวนี้’
ถ้าอียอนจุนยังคงอยู่ในดันเจี้ยนนี้อย่างต่อเนื่องและเริ่มที่จะถ่ายทอดสดด้วยตัวเขาเองแล้วหละก็บ้างสิ่งบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
ตอนนี้คนเป็นหมื่น ๆ คนกำลังดูเขาอยู่และต้องของคุณคนพวกนั้นที่ทำให้ข้อความมากมายยังคงเด้งอยู่ภายในหัวของฉันอย่างต่อเนื่อง
[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 63(+3)]
[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 63(+4)]
[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุน….]
โชคยังดีที่การเพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างรวดเร็วและบางครั้งเลเวลโบนัสก็ตกลงเช่นกัน
มันเป็นสิ่งที่ได้รับผลโดยตรงจากจำนวนของผู้ชม
‘ถ้ามันเป็นพวกที่เรียกร้องความสนใจแบบแปลก ๆ ที่ได้รับพลังนี้โลกคงพังพินาศแน่นอน’
มันก็ยังดี
เมื่อไหรก็ตามที่ฉันมีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้ ฉันจะฆ่าเขาซะ
ยังไงซะในตอนนี้ที่เขากำลังสูญเสียผู้ชมหลาย ๆ คนต้องขอบคุณเซเลสเต้ในเรื่องนี้
เพราะมีเหล่าผู้ชมคนที่ดูฮันเตอร์เพียงเพราะแค่รูปลักษณ์ของเขาเท่านั้น
เซเลสเต้นั้นได้ใส่ชุดสูทอีเทอร์สีขาวแบบชิ้นเดียวที่ดูคล้ายกับชุดรัดรูปตามหนังไซไฟเป็นอย่างมาก
มันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวเป็นอย่างยิ่งกับภาพพื้นหลังของป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะส่งผลให้เกิดความปั่นปวนกับผู้ชมกลุ่มนี้
‘งั้นฉันควรจะทำอะไรดีหละ?’
ในขณะที่เวลากำลังเดินไปข้างหน้ามันก็มีความเป็นไปได้ที่ผู้ชมทั้งหมดจากช่องอื่น ๆ จะย้ายมาที่ช่องของอียอนจุน
แต่ยังมีข่าวดีที่มันเป็นแค่การออกอากาศในช่องส่วนตัวไม่ใช่การไลฟ์ถ่ายทอดสด
‘ใช่แล้วฉันจะต้องทำเรื่องต่าง ๆ ไปตามปกติและในเวลาเดียวกันฉันก็จะต้องเตรียมพร้อมหนทางที่จะล่าเขาด้วย’
มันไม่สำคัญไม่ว่าฉันจะมีความผิดโทษฐานฆาตกรรมหรือไม่
ยังไงซะเขาก็จะต้องตายที่นี่ดังนั้นแล้วฉันจะจัดการกับเขาก่อนแล้วค่อยคิดเกี่ยวกับอนาคตทีหลัง
จำนวนของยอดคนดูนี้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
ด้วยการเพิ่มขึ้นที่อัตราเร็วนี้มันยังคงเป็นไปได้ที่จะจัดการกับเขา
ใช่แล้วตราบเท่าที่ไม่มีตัวแปรเข้ามาเพิ่มอะนะ
แต่มันช่างเป็นความคิดที่เข้าข้างตัวเองซะเหลือเกิน
จากที่ผ่านมาฉันแต่ได้สู้กับตัวเอกตรง ๆ เท่านั้นและไม่เคยได้มีส่วนรวมในการดำเนินเรื่องต่าง ๆ ของพล็อตเรื่องเลย
นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม่ฉันถึงไม่เคยรู้ถึงความหมายของคำว่า ‘พล็อตเรื่องซ้ำซาก’ เลยจนถึงทุกวันนี้
[พล็อตซ้ำซากได้ถูกตรวจพบในเนื้อเรื่องของตัวเอก]
……………………………………………………..
เมืองอันซัน
กองบัญชาการหลักการป้องกันภัยพิบัติจากมอนสเตอร์
มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เฝ้าติดตามตรวจสอบดันเจี้ยนและเกตทั่วทั้งจังหวัดคย็องกี
วู้ววว! วู้วววว!
ทันได้นั้นเองก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นมา
ผู้อำนวยการของสถาบันนี้คือฮันอึนจอง เธอได้เร่งรีบไปที่ห้องควบคุมเนื่องจากสัญญาณเตือนที่ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ผมคิดว่ามี ‘การกลายพันธุ์ของดันเจี้ยน’ เกิดขึ้นครับ”
“ที่ไหน?”
“อึยจองบูครับ เป็นดันเจี้ยนที่ได้รับการระบุว่าเป็นดันเจี้ยนแรงค์ C ยอดภูเขาหิมะเพาโลเนียครับ ”
“…อะไรนะ?”
การกลายพันธุ์ของดันเจี้ยน
ด้วยความน่าจะเป็นที่ต่ำมาก ๆ มันจะส่งผลให้ระดับความยากของดันเจี้ยนเปลี่ยนแปลงขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่นถ้าหากแต่เดิมมันมีความยาวคลื่นที่แสดงว่าเป็นดันเจี้ยนแรงค์ C มันอาจจะกลายมาเป็นแรงค์ F ในทันทีก็ได้และอาจจะเป็นไปได้ในทางตรงกันข้ามเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมันเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้ยากจริง ๆ และที่ศูนย์หลักนี้ก็อดไม่ได้ที่จะวิตกกังวลเพราะว่ามันเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวเท่านั้นเอง
สีหน้าของผู้อำนวยการฮันอึนจองเหี่ยวย่นลง
“บ้าเอ้ย เราต้องดำเนินการตามมาตรการ ความยาวคลื่นที่เราตรวจจับได้มันคืออะไร?”
“นี่…”
ความยาวคลื่นเปลี่ยนแปลงเป็นพัก ๆ แล้วก็ค่อย ๆ คงที่อย่างช้า ๆ
“มันเป็นแรงค์ S ครับ”
“อ-อะไรนะ?”
โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าใด ๆ ดันเจี้ยนแรงค์ C ได้เปลี่ยนไปเป็นดันเจี้ยนแรงค์ S ไปแล้ว
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวได้เกิดขึ้นแล้ว!
ผู้อำนวยการฮันอึนจองได้พูดอย่างรวดเร็ว
“ติดต่อกองบัญชาการหลักสำหรับการป้องกันประจำเมืองหลวงและบอกให้พวกเขาเตรียมพร้อมไว้! เราต้องส่งฮันเต
อร์แรงค์ A และ S ไปในทันที”
ผู้อำนวยการฮันอึนจองเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อในทันที
มีดันเจี้ยนต้องมากมาย แต่มันดันเป็นดันเจี้ยนยอดภูเขาหิมะเพาโลเนีย
ไม่ใช่ว่านั้นมันคือดันเจี้ยนที่เหล่าเด็กฝึกที่มีชื่อเสียงกำลังทำการเปิดตัวของพวกเขาอยู่อย่างนั้นนะหรือ?
กลับมาคิดถึงมันอีกที ดันเจี้ยนนี้นั้นไม่ได้แม้กระทั้งจะได้รับการลงทะเบียน ‘การสังเกตการณ์ความยาวคลื่น’ ในตอน
แรกด้วยซ้ำ
มันหาได้ยากเป็นอย่างมากที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นและไม่มีปัญหาใหญ่แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นี่เป็นเพราะนักทำนายที่โลกนั้นทำงานได้เป็นอย่างดีในการเตรียมการสำหรับสิ่งเช่นนี้เมื่อมันเกิดขึ้น
เช่นเกี่ยวกันกับที่ดันเจี้ยนแรงค์ C ยอดภูเขาหิมะเพาโลเนีย
‘ฉันมีความรู้สึกแย่ ๆ บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้’
เมื่อใดก็ตามที่คุณได้เข้าไปในดันเจี้ยนคุณจะไม่สามารถออกมาได้จนกว่าที่คุณจะเคลียร์มัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคนทั้งหมดจะติดอยู่ด้านใน
โชคยังดีที่ยังมีฮันเตอร์อาวุโสแรงค์ A และ S อยู่ภายใน
ด้วยคนจำนวนขนาดนั้นมันน่าจะเป็นไปได้ที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนและมันก็น่าจะเป็นไปได้เช่นกันที่จะยื้อเวลาไว้จนกว่าที่หน่วยสนับสนุนจะไปถึง
‘อยู่ดี ๆ ก็แรงค์ S…’
ดันเจี้ยนแรงค์ A นั้นสามารถเคลียร์โดยใช้จำนวนคนที่แน่นอนเพราะงั้นแค่คุณส่งฮันเตอร์ไม่กี่คนเข้าไป คุณสามารถที่จะตีมันได้โดยปราศจากการได้รับความเสียหายหรือมีปัจจัยอื่นมาแทรกได้
อย่างไรก็ดีมันแตกต่างออกไปสำหรับดันเจี้ยนแรงค์ S
สิ่งที่ไม่เป็นไปตามสามัญสำนึกทั่วไปมักจะเกิดขึ้นและในนั้นจะมอนสเตอร์ที่รูปร่างบิดเบียวจำนวนมากที่ไม่ได้รับการลงทะเบียนในอยู่ในฐานข้อมูลมอนสเตอร์
มันไม่ใช่เพราะว่าแรงค์ S เป็นแค่ระดับที่อยู่ต่อจากแรงค์ A แต่เป็นเพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะวัดค่าของแรงค์ S ออกมา
เธอได้แต่ภาวนาอยู่ภายในและเปิดช่องที่ถ่ายทอดสดอย่างรวดเร็ว
‘ฉันหวังว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ…’
……………………………………………………..
กรุกกรัก!!
สามชั่วโมงในการสำรวจดันเจี้ยนได้ผ่านไป และการกลายพันธุ์ก็ได้เกิดขึ้น
ในปัจจุบันซอดัมเห็นได้ว่ามี่เรตติ้งของเซเลสเต้นั้นยังคงอยู่สูงกว่าและตัดสินไปแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงจะดำเนินไปอย่างราบรื่นไปจนถึงพื้นที่บอส
“อ-อะไรนะ?”
“นี้มัน…แย่แล้ว มันเป็นการกลายพันธุ์ของดันเจี้ยน!”
“ทุก ๆ คนถอยกลับไปที่จุด D เดี่ยวนี้”
ในทันทีที่ดันเจียนกลายพันธุ์ได้เกิดขึ้นและมีสายมาจากทางกองบัญชาการ
[แรงค์ S]
[ได้เกิดสภาพอากาศที่โหดร้ายของยอดภูเขาหิมะเพาโลเนียในช่วงสามพันปีแห่งความขมขื่นเกิดขึ้น]
[ดันเจี้ยนได้รับการตรวจจับว่ามีระดับเทียบเท่าแรงค์ S ดังนั้นแล้วขอให้พยายามที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้!]
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ซอดัมได้พบเจอกับปรากฎการณ์เช่นนี้
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่กับฮันเตอร์คนอื่นที่ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมันเป็นครั้งแรกของพวกเขา
แม้แต่กับแรงค์ S จางฮยอนซอก ก็ตาม
เมื่อไรก็ตามที่จะทำการโจมตีดันเจี้ยนหรือเกตแรงค์ S มันได้รับการแนะนำให้ปาตี้กับพวกยอดมนุษย์แรงค์ S อย่างน้อยที่สุดสามคนและยอดมนุษแรงค์ A อย่างน้อยที่สุดยี่สิบคน
แน่นอนว่ามันเป็นไปได้ที่จะโจมจีด้วยจำนวนที่น้อยกว่านี้
ถ้าจำนวนของยอดมนุษย์นั้นต่ำลงมามันก็สามารถเติมเต็มได้ด้วยฮันเตอร์ผ่านศึกแทน
อย่างไรก็ดี…
ทั้งหมดทั้งมวลของคนที่มารวมกันที่นี้มีประสบการณ์เพียงแค่ห้าถึงเจ็ดปีเท่านั้นและจางฮยองซอกก็เป็นแค่หน้าใหม่ใส ๆ คนที่พึ่งจะเข้าสู่ปีที่ห้าของเขาเท่านั้นเอง
ในความเป็นจริงเมื่อซอดัมได้เข้าสู่ปีที่ห้าของเขา เขาได้เดินทางไปทั่วโลกและพานพบกับสิ่งที่แปลกประหลาดมากมายที่ฮันเตอร์ในสมัยนี้ไม่เคยได้เจอ
เมื่อก่อนเราอาจจะมีอัตราการเคลียร์ที่ 100% ก่อนหน้าที่จะเกิดการกลายพันธุ์ของดันเจี้ยนมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไรที่เราจะลดมันลงไปเป็น 99% ในตอนนี้
ดังนั้น
ซอดัมได้ถูกบังคับในต้องพูดออกมา
“ทุกคนใจเย็น ๆ และฟังฉัน”
เขาต่ำกว่าในเรื่องของแรงค์เมื่อเทียบกับทุกคนที่นี่
อย่างไรก็ตามโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวพวกยอดมนุษย์เหล่านี้กำลังฟังซอดัมเหมือนกับว่ามีอะไรมาดลใจพวกเขา
ไม่มีใครสักคนอธิบายได้ว่าเป็นเพราะอะไร
“เราจะไม่กลับไปที่จุด D”
“หืม? ทำไมหละ? มันเป็นคำสั่งจากกองบัญชาการนะ”
“การตัดสินใจของกองบัญชาการนั้นผิดพลาดถ้าเราถอยกลับไปในสถานการณ์เช่นนี้เราจะต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นมาใหม่และแข็งแกร่งกว่าเดิม มันจะดีกว่าที่เราจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและสร้างจุด E”
“ก-เกิดขึ้นมาใหม่หรือ?”
ฮันเตอร์กลุ่มนี้ได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ที่พวกเขาไม่คุ้นเคยก็วันนี้แหละ
ด้วยผลกระทบของปรากฎการณ์ ‘การเกิดขึ้นใหม่’ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งปกติที่จะเกิดขึ้นภายในดันเจี้ยน
ซอดัมได้นำทางไปด้วยดาบอีเทอร์ที่เคลือบไปด้วยแสงสีฟ้าของเขา
“การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้นตังแต่ตอนนี้ ฮันเตอร์อาวุโสจะรับผิดชอบในเรื่องการป้องกันเหล่าเด็กฝึก”
“อ้า ครับผม”
“ฮันเตอร์จางฮยอนซอก นายจะต้องป้องกันจากทางด้านหลังของกลุ่มนะ”
มันเป็นการสั่งการแต่จางฮยอนซอกเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็ทำอะไรก็ตามที่ซอดัมบอกเขา
มองไปด้านหน้าซอดัมสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ
ดันเจี้ยนแรงค์ S
ฉันได้โจมดีพวกมันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์และเพื่อนร่วมงานนั้นมีความแตกต่างไปในเชิงคุณภาพจากตอนนี้
ถึงแม้ว่าฉันจะได้รับพรสวรรค์ชำนาญดาบแล้วแต่การที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ S ด้วยอุปกรณ์ของฉันในปัจจุบันมันก็เป็นเรื่องที่มากเกินไป
แผนการในตอนนี้ของซอดัมเพื่อจะจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้คือจะต้องเคลื่อนที่ไปหาพื้นที่ที่ปลอดภัยและรอคอย
การไลฟ์ถ่ายทอดสดนั้นยังคงดำเนินอยู่และถ้าเรายังคงรอต่อไปผู้ชมพวกนั้นก็คนจะจากไปเรื่อย ๆ เป็นธรรมดา
แต่
เหมือนว่าผู้ดำเนินพล็อดจะรู้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะให้มันดำเนินเรื่อย ๆ แบบนั้น
[เนื่องจากตัวเองได้เผชิญหน้ากับวิกฤติ พล็อตเรื่องของพวกเขาจะได้รับการเบี่ยงเบน]
[เพราะด้วยผลของวิกฤตจากการสูญเสียยอดผู้ชม ตัวเอกได้ปลุกสกิลใหม่ขึ้นมาเพื่อที่จะเรียกคือยอดผู้ชม]
[สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลุกทักษะได้รับการสร้างขึ้น]
ตัวเอกไม่ควรที่จะได้รับความพ่ายแพ้
ไม่แม้กระทั้งในเรื่องของ ‘ยอดผู้ชม’
ถ้าซอดัมไม่ได้อยู่ที่นี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเซเลสเต้หรืออียอนจุนก็คงจะมีจำนวนยอดผู้ชมที่คงที่
แล้วเนื้อเรื่องก็จะจบลงด้วยปราศจากโอกาสใด ๆ สำหรับเขาที่จะได้รับการปลุกสกิลใหม่ขึ้นมา
พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จในการเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ C นี้และทักษะความสามารถต่าง ๆ ของเขาก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้นไปอย่างช้า ๆ และสกิลที่เขาน่าจะได้รับผ่านการปลุกพลังก็คงจะเป็นสกิล ‘เป็นจุดสนใจ’
อย่างไรก็ตามก็มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นเนื่องจากคนเพียงคนเดียวคนที่สามารถหลบเลี่ยงจากอิทธิพลของ “พรแห่งตัวเอก” ได้เข้ามาสู่พล็อต
อียอนจุนยังไม่ได้แม้แต่จะทำให้สกิล ‘สเตียรอยด์ (C)’ ของเขาให้เสถียรเลยด้วยซ้ำแต่ก็ได้ปลุกตื่นพลังพิเศษอีกอย่างไปแล้ว
หรือเป็นเพราะว่ามีตัวละครเสริมบางคนได้แย่งเอายอดคนดูของเขาไปนะ?
นี่มันเป็นวิกฤติ
เมื่อครั้งที่พล็อตได้ไปถึงจุดสำคัญของเรื่องตัวเองก็จะได้ผู้ชมของเขาคืน และเสร็จสิ้น ‘การแก้แค้นอันแสนหอมหวาน’ ของเขา
ในอีกความหมายก็คือ เนื่องจากการปรากฏตัวของซอดัมทำให้มีปรากฎการณ์ที่ผิดปกติเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ที่มาที่ไปและดันเจี้ยนแรงค์ C ทั่ว ๆ ไปได้กลายพันธุ์เป็นแรงค์ S เพื่อที่จะเป็นเวทีของตัวเอกที่จะโดดเด่นขึ้นมา
ตัวเอกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งทุกอย่างได้สูงที่สุดในทุกสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญ
“เดียวก่อนนะ! นี่คุณหมายความว่าเหล่าผู้มีแนวโน้มไม่ควรที่จะเป็นผู้นำงั้นหรือ…?”
“น-นี่แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?”
ตูมมม!
ดวงตาของทุก ๆ คนเบิกกว้างเมื่อได้เห็นผู้มีแนวโน้มทุบมอนสเตอร์เบื้องหน้าเขาเหมือนกับว่าเขาจะไม่ฟังคำสั่งที่ขี้ขลาดใด ๆ
[ว้าวว นั้นมันอะไรกันนะ?]
[โอ้วมายก็อด นี่ฉันกำลังเป็นพยานของการที่เด็กฝึกแรงค์ C กำลังทุบตีมอนสเตอร์แรงค์ A ใช่ไหมเนี่ย]
[]
[]
[โว้ว]
[นี่มันเป็นไปได้ด้วยยังไงกัน?]
กระแสตอบรับของคนดูเหล่านี้ได้ระเบิดออกมา
อียอนจุนยังคงเป็นแรงค์ C อย่างน้อยที่สุด
มิหนำซ้ำเขายังเป็นหน้าใหม่ที่พึงได้รับการปลุกพลังเอง
มันสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนเป็นอย่างมากเมื่อเขาได้โจมตีและล้มมอนสเตอร์แรงค์ A ที่แม้กระทั้งฮันเตอร์อาวุโสแรงค์ A ยังต้องคอยระมัดระวังตัวไว้
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นจางฮยอนซอกและยูซอดัมที่ได้ทำให้มอนสเตอร์บางเจ็บไปก่อนแล้วก็ตามถึงอย่างนั้นมันก็เป็นที่น่าจดจำสำหรับการที่จะได้เห็นเรื่องแบบนี้ในเด็กฝึกที่พึงจะเริ่มเดิน
เหล่าผู้ชมเริ่มที่จะเปลี่ยนความสนใจของพวกเขาไปที่อียอนจุนอีกครั้ง
[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 63(+7)]
ซอดัมได้กัดฟันของเขาแน่น
‘เวรเอ้ย หรือฉันควรที่จะยิงโดรนทั้งหมดทิ้งในตอนนี้เลยนะ?’
แต่เขาก็ได้ส่ายหน้าของเขาในทันที
มันไม่จำเป็นที่จะต้องเสี่ยงให้อียอนจุนปลุกทักษะอื่นขึ้นมาอีกโดยการที่ไปแย่งยอดผู้ชมของเขามา
ฉันแน่ใจว่าถ้าฉันทำมันอียอนจุนจะต้องได้รับพล็อตอามเมอร์อื่นที่จะเปลี่ยนเนื้อเรื่องอีกแน่
เมื่อได้ยับยั้งแรงกระตุ้นที่รุนแรงของเขาในการที่จะทำลายกล้องทั้งหมดแล้ว ความคิดของซอดัมกับสถานการณ์ในปัจจุบันก็เข้ามาในหัวเขา
ฉันมุ่งความสนใจไปที่อียอนจุนเพียงคนเดียวมากเกินไปทั้งที่ในความเป็นจริงปัญหาจริง ๆ ในตอนนี้ไม่ใช่เขาด้วยซ้ำ
มันเป็นดันเจี้ยนแรงค์ S ต่างหาก
ฉันได้แนะนำให้พวกเรามุ่งหน้าไปที่จะ E แต่มันจะเป็นจุดที่ปลอดภัยจริง ๆ นะหรือ?
แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นอย่างนั้น
อย่างแรกคือมีหลักฐานที่ว่าการที่เราจะรอคอยในดันเจี้ยนแรงค์ S จนกระทั้งกำลังเสริมมาถึงนั้นแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย
บางทีถ้ามันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราคงจะต้องถูกกวาดล้างภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงดีแน่
ทางที่ดีที่สุดที่จะเอาชีวิตรอดไปได้เลยคือการฆ่าบอสของดันเจี้ยนนี้ที่โคตรที่จะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยปาตี้ที่มีอยู่ตอนนี้แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ อียอนจุนก็คงจะได้ปลุกทักษะอื่น ๆ ขึ้นมาอีกแน่
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว อียอนจุนคงจะแข็งแกร่งมากขึ้นซะจนมันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะจัดการกับเขาได้แน่
เป็นอีกครั้งที่ซอดัมเสียใจที่เขาไม่มีพลังพิเศษใด ๆ เลย
ถ้าเพียงแค่เขามีพลังพิเศษ เขาคงจะสามารถที่จะจัดการกับสถานการณ์นี้ได้โดยการแย่ง ‘จุดสนใจ’ มาจากอียอนจุนซะเองเลย
อย่างไรก็ตามยูซอดัมแค่เป็นฮันเตอร์แรงค์ F เท่านั้นเอง เป็นคนที่ต้องตอบโต้อย่างระมัดระวังและต้องใจเย็นแม้ว่าจะเป็นการต่อกรกับมอนสเตอร์แรงค์ F ก็ตาม
ซึ่งในทางกลับกันอียอนจุนก็เป็นคนที่ได้รับพร
แม้กระทั้งในเหตุการณ์ที่ไร้สาระนี้ที่เรากำลังตกอยู่ในวิกฤตกันเพียงเพราะว่ายอดผู้ชมตกลงของเขาซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการรวมกันระหว่างยูซอดัมและเซเลสเต้นั้นได้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีในการต่อต้านกับเหล่ามอนสเตอร์แรงค์ A ที่ไหล่ทะลักเข้ามากับพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ดี ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา แต่ว่านั้นมันก็ยังไม่พอที่จะ
จัดการกับมัน
[สกิล ‘เป็นจุดสนใจ (A)’ และสกิล ‘พลังของสเตียรอยด์’ ได้เกิดการเสียสมดุลระหว่างกันและได้เกิดการปะทะกันระหว่างสกิลทั้งสอง]
การปะทะกันหรือ?
มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ยูซอดัมเกิดความหวังที่ว่าอาจจะมีผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้นมาก็ได้ แต่ตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างจนแทบถลน
[…สกิลพลังของสเตียรอยด์ (C) ได้รับการยกระดับขึ้นเป็นระดับ (B)]
[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+8)]
‘ไอ้ห่านี้…’
เพื่อที่จะทำให้เรื่องทั้งหมดนี้มันแย่ลงกว่าเดิมและในขณะที่ทักษะของอียอนจุนได้รับการปลุกพลังไปเป็นระดับ (B) แม้แต่เลเวลของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นด้วย
สถานการณ์ในตอนนี้มันยิ่งแย่ลงไปอีก
‘ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว..’
ฉันไม่เคยมีประสบการณ์กับสถานการณ์เช่นนี้เลยในชีวิตนี้
ฉันไม่เคยเห็นแม้กระทั้งการถ่ายทอดสดดังนั้นฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับเหล่าผู้ชมที่กำลังดูอยู่ทั้งหมดนี้
และแล้ว
ข้อความอีกสองอันก็ได้ปรากฎขึ้นมาในหัวฉัน
[สกิลของตัวเอกอียอนจุน ‘พลังของสเตียรอยด์ (B)’ ได้แสดงถึงอัตราการเติบโตที่มาเกินไป]
[ตัวเอกอียอนจุนมีศักยภาพที่ได้รับสกิล ‘พลังที่บ้าคลั่ง (S)’]
“…หะ?”
ยูซอดัมได้มองไปในตาของอียอนจุนโดยที่ไม่รู้ตัว
มุมปากของเขาได้บิดเบี้ยว
ความวิตกกังวล?
ความกลัว?
ความสิ้นหวัง?
ดันเจี้ยนแรงค์ S
การล่าตัวเอกที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่
สถานการณ์ทุกอย่างดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางเป็นไปได้และทุก ๆ คนก็คงจะรู้สึกเช่นนั้น
แต่ยูซอดัมนั้นต่างออกไป
เขารู้สึกเหมือนราวกับว่าจิตใจของเขาได้เริ่มที่จะปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น
โดรน,การถ่ายทอดสด,ดันเจี้ยนแรงค์ S ,ตัวเอกที่เรียกร้องหาความสนใจ และสกิลพลังที่บ้าคลั่ง
ที่มุมปากของยูดัมได้ยกขึ้น
เขาหาทางที่จะจับกระต่ายสองตัวหรือฉลามสองตัวในเวลาเดียวกันได้แล้วในตอนที่มันดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะล่า
และในการที่จะตกฉลามคุณต้องมีเหยื่อล่อพวกมันก่อน
“เฮ้ อียอนจุน”
“ครับ?”
ซอดัมเรียกอียอนจุนออกมาพร้อมกับมือของเขาที่อยู่บนไหล่ของอียอนจุน และถามออกมาอย่างเงียบ ๆ
“นายเคยคิดอยากจะเป็นดาราบ้างไหม?”