ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ - ตอนที่ 70
[งานแสดงถ่ายทอดสด ‘จิตใจที่แหลกสลาย 2051’ ของเทพธิดาแห่งเพลงป๊อป เฮโลนี่!]
[Onew.com : ตั๋วคอสเสิร์ตของเฮโลนี่เปิดขายที่เกาหลีแล้ววันนี้]
[โปรดอย่าลืมติดตามชมการแสดงถ่ายถอดสดของเฮโลนี่ที่เกาหลีนะครับ]
ข่าวทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับงานแสดงของเฮโลนี่ทั้งหมดถูกโพสลงทั่วทั้งอินเตอร์เน็ตเกาหลี ด้วยสิ่งนี้เพียงแค่อย่างเดียวก็เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ให้ยูซอดัมเห็นแล้วว่าการแสดงของเทพธิดาแห่งเพลงป๊อปที่จะเกิดหลีที่เกาหลีในครั้งนี้นั้นได้รับความนิยมมากแค่ไหนกัน
“นายเสร็จยัง?”
“เธอคงรู้จักเฮโลนี่ดีเลยสินะ”
“โอ้ว ใช่แล้ว”
ยูซอดัมมองไปที่ฮาซุนยังด้วยใบหน้าบิดๆเบี้ยวๆ ทั่วทั้งตัวของเธอพร้อมรบไปด้วยสินค้าทุกชนิดของเฮโลนี่ ไม่ว่าจะเป็นแท่งไฟสีม่วงอ่อน,ที่คาดผมเฮโลนี่,กระเป๋าเฮโลนี่ และเสื้อยืดสีม่วงอ่อนที่มีคำว่า ‘สวัสดี! เฮโลนี่!’ ถูกสกีนเอาไว้ในความเป็นจริงแล้ว ชุดที่เธอใส่มาก็ไม่ได้ดูแปลกตาอะไรหรอกสำหรับที่นี้เพราะว่า ผู้คนส่วนมากโดยรอบของโถงงานคอนเสิร์ตนี้ก็แต่งตัวในลักษณะเดียวกันกับเธอ ในทางตรงกันข้าม ยูซอดัมที่ใส่เสื้อเชิตและการเกงทางยาวนั้นแหละที่ดูไม่ปกติเสียยิ่งกว่า
“ทำไมเธอถึงได้ตามฉันมาด้วยหละ??”
“ก็ฉันไม่อยากจะพลาดงานคอนเสิร์ตของเฮโลนี่ในครั้งนี้นี่น้า!”
“งั้นเธอก็ไปกับเธอของเธอสิ ฉันมาที่นี้เพื่อทำงานนะ”
“ฉันไม่มีเพื่อนหรอก”
“….”
ซอดัมมองไปที่เธอ เขากำลังสงสัยว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือป่าว แต่ในทางตรงกับข้ามกับความกังวลของยูซอดัม ฮาซุนยังนั้นยังคงโบกแท่งไฟของเธอไปมาด้วยใบหน้าที่สดใส เธอดูจะซึมซับบรรยากาศของที่นี้โดยสมบูรณ์
มองดูไปรอบๆ ถึงแม้ว่ามันจะยังมีเวลาเหลืออยู่อีกราวๆหกชั่วโมงก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม เหล่าแฟนคลับก็ได้มาร่วมตัวกันและได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้ายกับป้ายแบนเนอร์ตรงหน้าเข้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนมากของคนเหล่ากำลังแจกสิ่งของต่างที่เกี่ยวข้องกับเฮโลนี่ ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ฮาซุนยังใส่อยู่ทั่วทั้งตัวของเธอในตอนนี้ก็ซื้อมาจากจุดเหล่านี้เช่นกัน
“นายไม่ซื้อบ้างหรือไง? อย่างแท่งไฟนี้อันละแค่ 4,900 วอนเองน้า! ราคาเดิมมันตั้ง 6,000 วอนแนะ”
“ไม่หละขอบคุณ”
“แงะ ไม่สนุกเลย ฉันคิดว่านายเองก็มาสวัสดีเฮโลนี่เหมือนกับฉันซะอีก”
“สวัสดี! เฮโลนี่? นั้นมันอะไรกันหละ?”
ฮาซุนยังมองมาที่ยูซอดัมด้วยความตกใจราวกับว่าเธอได้เจอกับโฮโมเซเปียนส์ที่ยังมีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบัน
“นี้นายไม่รู้จักมันจริงๆอย่างนั้นเหรอ? มันเป็นแฟนคาเฟ่อย่างเป็นทางการของเฮโลนี่เลยนะ! เป็นแฟนด้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ตอนนี้เลย!! มันมีคนเป็นหมื่นๆคนที่ติดตามอยู่ในนั้นแล้วนี้ก็นับแค่ที่เกาหลีเองนะ”
(ผู้แปล : แฟนคาเฟ่ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆน่าจะคล้ายกับกลุ่มในโซเชียลมีเดียนะครับที่เป็นช่องทางให้ศิลปินเข้ามาพูดคุยกับแฟนคลับได้ แล้วเหมือนว่าจะมีเป็นระดับของสมาชิกด้วยครับ ปล.เป็นของคนเกาหลีนะครับ ปล2.ผมเองก็ไม่ไปหาข้อมูลมาอีกทีเหมือนกัน5555)
“ว้าว”
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจนยูซอดัมอุทานออกมาอย่างช่วยไมได้
แล้วหลังจากที่เธอพูดไปแบบนั้น ฮาซุนยังได้ตระเวนไปรอบๆและซื้อสินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเฮโลนี่ ทั้งสองมือของเธอเต็มได้ด้วยถุงช้อปปิ้งพร้อมกรี๊ดกร๊าดออกมาด้วยความสุข เธอยิ้มและถามยูซอดัมที่กำลังเดินอยู่ด้านข้างของเธอ
“ว่าไปแล้ว ถ้านายไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูการแสดงครั้งนี้แล้ว นายมาที่นี้ทำไมหละ?”
“ฉันมีนัดกับเฮโลนี่แบบส่วนตัวนะและฉันก็มีบางเรื่องที่ต้องจัดการ”
“หา จริงดิ! นี่นายจะบอกว่านายรู้จักเธอใช่ไหม? ฉันหละอิจฉาจริงๆเลย! ฉันนะเป็นแฟนคลับขนานแท้ของเธอเลยนะ ทำไมนายไม่บอกฉันเลยว่านายรู้จักเธอ?”
“พวกเราไม่ได้สนิทกันมากนักนะ”
ในหมู่เพื่อนพ้องทั้ง 7 คน เทเลอร์ไนน์เป็นเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับยูซอดัมเอาไว้อยู่ ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเขากับริวจินซูนั้นก็ดูเหมือนว่าจะอึดอัดเล็กน้อย และตอนนี้พวกเขาก็ได้เชื่อมกันไว้ด้วยความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจ ดังนั้นมันสามารถที่จะนับได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดี และสำหรับวีฮุน ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แย่มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
“ทำไมหละ? นายไปสารภาพรักกับเธอแล้วถูกปฏิเสธมาหรือไง?”
“ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นงั้นฉันคงไม่คิดมากอะไรกับมันหรอกแต่มันดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบฉันนะสิ”
“โอ้ว”
ซอดัมปล่อยฮาซุนยังที่ผิดหวังเอาไว้เบื้องหลังและเดินตรงไปยังทางเข้าของเจ้าหน้าที่ การรักษาความปลอดภัยที่นี่ค่อนข้างที่จะเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากอยู่ที่บริเวณทางเข้า แต่ว่าเมื่อซอดัมได้แสดงรูปบัตรผ่านที่เทเลอร์ส่งมาให้เขาล่วงหน้าจากสมาร์ทโฟนให้คนพวกนี้ได้เห็น ทำให้เข้าผ่านเข้ามาทางนี้ได้
ด้านในของโถงคอนเสิร์ต เหล่าเจ้าหน้าที่ได้วิ่งวุ่นไปทั่ว แล้วการที่คนพวกนี้ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อแค่การแสดงเดียวทำนั้นทำให้ซอดัมค่อนข้างที่จะรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
‘แค่คิดไปว่าเด็กสาวที่ขี้อายคนนั้นได้กลายเป็นศิลปินระดับโลกแล้วมัน…’
ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อห้องพักของเฮโลนี่เข้ามาอยู่ในระยะสายตาของเขา ชายสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นยอดมนุษย์ระดับสูงได้ ขวางซอดัมเอาไว้
เดิมที ศิลปะแบบนี้จะไม่พาคนคุ้มกันมามากขนาดนี้แต่ว่าหากนับคิดถึงเรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นกับเฮโลนี่เมื่อเร็วๆนี้ นี้ก็ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว
“โปรดหยุดก่อนครับ คุณเข้ามาที่นี้ได้ยังไงกันครับ?”
“ผมได้รับการติดต่อมาจากคุณเฮโลนี่นะครับ”
เมื่อคุณได้รับคำถามมาเป็นภาษาอังกฤษ คุณก็ต้องตอบมันเป็นภาษาอังกฤษ
(ผู้แปล : น่าจะเป็นสำนวนประมาณว่าถ้าหากอีกฝ่ายต้องการอะไรก็ควรที่จะให้ในสิ่งที่เขาต้องการนะครับ)
บอดี้การ์ดเหล่านี้ได้พยักหน้าเมื่อได้เห็นซอดัมแสดงเอกสารที่มีทั้งลายเซ็นของเฮโลนี่และเทเลอร์ได้ลงนามเอาไว้จากในมือถือของตนออกมา
แล้วจากนั้นก็เปิดประตูห้องเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นก็คือ เฮโลนี่ที่กำลังนั่งอยู่ที่มุมห้องด้วยใบหน้าที่ซีดเผือก พร้อมด้วย เทเลอร์ไนน์ สไตลิสต์และเหล่าบอดี้การ์ดหญิงที่ดูไม่ได้มีความสุขเอาเสียเลย
“โอ้ว เฮ้! นายมาสายมาก!”
ในทันทีที่เทเลอร์เห็นเขา เธอวิ่งตรงแล้วคล้องมือไปที่หลังคอของเขา และเมื่อเธอได้เห็นฮาซุนยังที่ด้านหลังของเขา เธอก็ออกแรงเกร็งแขนของเธอมากขึ้นทำให้หัวของยูซอดัมมาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ ด้วยความที่เธอสูงแค่ระดับอกของยูซอดัมดังนั้นเขาต้องก้มลงมาเพื่อที่จะได้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับเธอได้
“คนที่อยู่ด้านหลังของนายนี้ใครกัน?”
“สมาชิกกิลด์นะ”
“ต้องเป็นสาวสวยด้วย?”
“เป็นความสัมพันธ์ในสัญญานะ”
“แน่นะ?”
หลังจากนั้นแป๊บหนึ่ง เทเลอร์ก็พยักหน้าไปทางฮาซุนยัง โดยที่ไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าฮาซุนยังเห็นมันหรือไม่ เพราะว่าในตอนนี้ฮาซุนยัง เธอได้จิตหลุดไปเรียบร้อยแล้วในทันทีที่เธอได้เห็นเฮโลนี่ เมื่อเฮโลนี่ได้เห็นยูซอดัม เธอยืนขึ้นและพยายามที่จะจับมือกับเขาแต่เขาปฏิเสธมัน
“ไม่หละขอบคุณ มันไม่มีความจำเป็นที่พวกเราจะต้องจับมือกัน”
“อ้า ใช่ ใช่ ใช่”
“เธอยังเหมือนเดิมเลยนะ”
“อืม คุณก็เหมือนกัน”
เทเลอร์ไนน์ถอนหายใจออกมาเมื่อได้เห็นฉากที่แสนอึดอัดตรงหน้าของเธอ เฮโลนี่ยังคงเสียใจกับเรื่องบางเรื่องอยู่ในขณะที่ยูซอดัมไม่ได้แม้แต่จะใส่ใจกับมันเลย เธอหวังว่าพวกเขาทั้งคู่จะสลัดเรื่องพวกนั้นไปได้นะ
ซอดัมมองไปโดยรอบและพูด “เธอกำลังแต่งหน้าอยู่ไม่ใช่หรือ? งั้นทำไมถึงได้ปล่อยให้ฉันเข้ามาได้หละ?”
“ฉันยังมีเวลาอีกนิดหน่อยก่อนถึงช่วงทำการแสดงนะคะ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
เขาเดินไปนั่งตรงเกาอี้ที่อยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ฮาซุนยังก็นั่งถัดจากเขาเช่นกันในขณะที่เทเลอร์และเฮโลนี่นั่งตรงกันข้ามกับเขา
อย่างแรกที่ซอดัมทำคือเอาสัญญาออกมาและยืนมันไปทางเฮโลนี่
“ฉันได้ยินมาว่าเธอต้องการให้จัดการกับสตอล์กเกอร์บางคน แต่ในเมื่อมันเป็นคนที่แม้แต่เธอก็ยังไม่สามารถที่จะหาตัวได้ด้วยความสามารถในการตรวจจับของเธอ ฉันจะต้องส่งงานนี้ให้กับผู้เชี่ยวชาณเฉพาะทาง”
“หา? ไหงงั้นหละ? ไอ้คนพวกนั้นมันก็แค่พวกลวงโลกนะ”
เทเลอร์ส่ายหัวไปมาในขณะที่พูด
“เออ ฉันสร้างกิลด์ขึ้นมานะและพวกเราก็จำเป็นที่จะต้องเพิ่มผลงานของกิลด์นิดหน่อย”
“อ่าหะ!”
เฮโลนี่หยิบปากกาขึ้นมาและอ่านเอกสารอย่างรอบคอบหลังจากนั้นเธอก็บอกว่าเธอเข้าใจแล้ว ในเวลาเดียวกันนั้นเองฮาซุนยังก็ได้เอาปากกาของตัวเองออกมาและจ้องไปที่เฮโลนี่ราวกับต้องการจะบอกให้เธอรู้ว่าตนเองอยากได้ลายเซ็นจากเฮโลนี่ แต่ในระหว่างที่จ้องไปเช่นนั้นฮาซุนยังกลับสังเกตเห็นว่าเฮโลนี่ดูเหนื่อยล้าและรอยคล้ำใต้ดวงตาของเธอก็ดูจะหนักมาก มากไปกว่านั้นเธอดูหวาดกลัวแถมยังค่อยมองไปรอบๆในขณะเดียวกันกับที่อ่านเอกสารอีกด้วย
ยูซอดัมมองไปที่เฮโลนี่ก่อนที่จะหยิบสมุดจดออกมาและถามเทเลอร์
“ถ้างั้น ฉันอยากที่จะได้ยินผลลัพธ์จากการสืบสวนของเธอ เธอมีคนร้ายหรือลักษณะเฉพาะของคนร้ายที่อยู่ในใจของเธอบ้างไหม?”
“ฟุ…”
เมื่อคำถามที่คาดไว้ได้พุ่งตรงมาที่เธอ เทเลอร์ดูกระอักกระอวนใจเป็นอย่างมากในขณะที่เธอส่ายหัวของตัวเอง
“ไม่เลยสักนิด ฉันไม่ได้อะไรมาเลย ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ฉันไม่สามารถแม้แต่จะรู้สึกได้ถึงตัวตนของมัน ลายมือของเจ้าคนร้ายคนนี้ก็ไม่สามารถที่จะยืนยันอะไรได้เลยตั้งแต่ต้น ฉันหละอยากให้มันแสดงตัวออกมาจริงๆ ฉันจะได้กระทืบหัวของมันให้จมดินซะเลยแต่ฉันก็ไม่แม้แต่จะสัมผัสได้ถึงตัวตนของมันเลย”
“ไม่ได้อะไรแม้แต่นิดเดียวเลยหรือ?”
“อืม ตอนนี้ฉันนี้โคตรจะเดือดเลย”
เทเลอร์ขยี้ผมของเธอไปมาเพื่อระบายความโกรธของเธอเอง
“เธอเอาแต่บอกฉันว่าเธอสัมผัสได้ถึง ‘การจ้องมอง’ และเธอก็ได้ยังได้รับข้อความข่มขู่มาจริงๆด้วยแต่ฉันกลับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”
“แปลก…”
ถึงแม้ว่าเทเลอร์จะมีการตรวจจับที่อ่อนแอ แต่สัญชาตญาณตามธรรมชาติของแรงค์ S ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามกันได้ แต่แม้ว่าหลังจากที่เกิดเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว เธอก็ยังไม่สามารถจะตรวจจับมันได้ในขณะที่เฮโลนี่ยังคงรู้สึกได้ถึง ‘การจ้องมอง’ นั้น
“อย่างแรกเลย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดการกับมันได้ภายในวันนี้และมันก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเล็กน้อย นี่โอเคไหม?”
“โอ้ว ใช่ๆ ฉันคิดว่ามันโอเคนะ…อาจจะนะ”
“ตัวสัญญาเองก็ไม่ได้มากมายอะไร ฉันเองก็ไม่ได้รับทำงานนี้เพื่อเงินในเรื่อง ‘ระหว่างเรา’ อยู่แล้ว”
“เฮ้ แต่ฉันทำงานเพื่อเงินนะ”
“นั้นมันเธอไง”
คำ ‘ระหว่างเรา’ นั้นทำให้เฮโลนี่เขินอายจนส่ายนิ้วของเธอไปมา ส่วนคนที่เหลือก็รู้สึกถึงมันได้แต่มันดีกว่าที่จะไม่พูดออกมา
“มันมีโอกาสเป็นไปได้สูงเลยที่ศัตรูจะมีความสามารถในการซ่อนเร้น ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าตัวเองสามารถที่ตรวจจับมันได้ด้วยคลื่นเสียงไม่ใช่หรือไง แต่ว่าเธอสามารถที่จะรู้สึกได้เพียงแค่การจ้องมองมาแบบลางๆและไม่มีใครสักคนเลยไม่ว่าจะเป็นเทเลอร์และคนอื่นๆอีกที่มีความสามารถในการตรวจจับรอบตัวเธอที่สัมผัสมันได้”
“นั้นก็ถูกแล้ว”
“นั้นไม่ได้หมายความว่าเธอสามารถที่จะตรวจจับมันได้ด้วยความสามารถของเธอเองงั้นเหรอ?”
“เออ…”
การตรวจจับด้วยคลื่นเสียงของเฮโลนี่นั้นทั้งชัดเจนและแม่นยำ มันอยู่ในระดับที่สามารถจะมองเห็นสิ่งที่กำลังล่อนหนอยู่และมองทะลุกำแพงได้อย่างชัดเจนเลย จนกระทั้งถึงในตอนนี้ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจจับ ‘สายตามันชั่วร้าย’ นี้เพราะว่าเธอไม่สามารถที่จะจับตำแหน่งที่แม่นยำของมันได้
อย่างไรก็ตาม หากว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถจะรู้สึกถึงการจ้องมองนั้นได้โดยที่ไม่มีใครอื่นแม้แต่กระทั้งยอดมนุษย์แรงค์ S สัมผัสถึงมันได้แล้ว…
“มันอาจจะเป็นเพราะว่าความสามารถของเธอนั้นดีมากพอถึงจุดที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถจะรู้สึกถึงการจ้องมองนี้ได้ นี้นับเป็นเรื่องที่ดี เมื่อไหรก็ตามที่เธอรู้สึกได้ถึงการจ้องมองนี้ เธอสามารถที่จะตอบโต้ได้…”
แต่…
เฮโลนี่ไม่ได้ยินคำพูดของยูซอดัมจนจบประโยคดี
‘อีกแล้ว!’
เฮโลนี่กำเอกสารที่เธอกำลังถืออยู่ในมือแน่น
เธอเริ่มที่จะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เธออีกครั้ง
การจ้องมองนี้กวาดผ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ มันทั้งชัดเจน,น่าขยะแขยง และ เป็นการจ้องมาอย่างโจ้งแจ้ง มากไปกว่านั้น มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งราวกับกำลังจะบอกว่า ‘เธอนะเป็นของฉัน’ หรือไม่ก็ ‘อย่าออกไปจากระยะสายตาของฉันหละ’
‘ไม่นะ….’
หัวใจของเธอเต้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ในจังหวะที่เธอพยายามที่จะกรี๊ดร้องออกมา
ชึบ!!
ในทันใดนั้นเอง ‘การจ้องมอง’ ที่กำลังรบกวนเธอเมื่อกี้นี้ก็ได้หายไป
เมื่อเธอกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง หญิงสาวที่ชื่อว่าฮาซุนยังได้มายืนอยู่ที่ด้านข้างของเธอ พร้อมกับถือแท่งไฟเอาไว้ในมือและทำท่าทางราวกับว่าเธอได้ตัดบางสิ่งบางอย่างไป
“เกิดอะ…”
“ฉันได้ตัดเสียงนั้นลง”
“อะไรนะคะ?”
เธอขมวดคิ้วแน่นเมื่อมองไปที่แท่งไฟสีม่วงอ่อนที่อยู่ในมือของเธอ
“แท่งไฟเฮโลนี่อันสุดแสนจะน่ารักนี้ที่ฉันซื้อมาในราคา 4,900 วอน ในตอนนี้มันแปดเปื้อนแล้ว…”
เธอเข้าหาหน้าต่างด้วยการก้าวที่รุนแรงและเปิดมันออกอย่างลวกๆ เธอมองไปโดยรอบสักพักหนึ่งก่อนที่จะปาแท่งไฟในมือออกไปในทันที
ฟิ้ว~~~~~~~~~~~~~~~!!
“หะ?”
เสียงอันร่าเริงที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาจากแท่งไฟนี้ ได้ลอนผ่านเข้ามาด้านในของห้องพักแห่งนี้ และเงียบลงในเวลาไม่นาน ฮาซุนยังเดาะลิ้นของเธอและพูดว่า
“เธอหนีไปแล้ว”
ในขณะที่ทุกๆคนจ้องไปที่เธอด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ยูซอดัมมองลอดหน้าต่างออกไปอย่างสงบๆด้วยกล้องส่องทางไกลในมือ ในตอนนี้ เขาคิดว่าความสามารถในการสัมผัสได้ถึงมานาของตนเองได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากจากการฝึกฝนเพลงดาบในชีวิตจริงกับฮาซุนยัง แต่พึ่งจังหวะนั้นเองที่เขาสัมผัสถึงมันได้
‘มันห่างออกไปจากที่นี่ราวๆสามกิโลเมตร’
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองจะสามารถตรวจจับได้ไกลขนาดนั้นด้วยสัมผัสของตัวเองเพียงอย่างเดียว มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่น่ายินดี
เมื่อเขาส่องไปยังตึกที่อยู่ห่างออกไปด้วยกล้องส่องทางไกลในมือ เขาสามารถที่จะเห็นได้ว่าแท่งไฟที่ได้บินออกไปไกลโคตรๆอันนี้ได้ปักอยู่ที่กำแพงของตึกนั้น
“เธอปามันไปไกลดีนะ”
“ก็ด้วยความที่มันไกลมากนี้แหละ บวกกับไอ้เจ้านั้นยังทำเสียงแปลกๆออกมาทำให้วิถีของแท่งไฟนี้เบี่ยงออกไปก่อนที่มันจะไปถึงตัวเขาอีก”
“เธอหมายถึงเสียงอะไรกัน?”
“ถูกแล้วหละเจ้านั้นเป็นใครสักคนที่ใช้อึ้มกง”
ด้วยคำพูดนั้นของเธอ ซอดัมแสดงสีหน้าที่ค่อนข้างจะจริงจังออกมา เขาคาดไว้แล้วแหละว่าสตอกเกอร์คงจะต้องเป็นใครสักคนที่มีความสัมพันธ์อะไรสักอย่างกับเนื้อเรื่องหลักของอีดงจุน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่ามันซับซ้อนยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
“อึ้ม…กง…?”
“มันคือบ้าอะไรกัน?”
เมื่อเฮโลนี่และเทเลอร์ที่ได้เข้าใจในคำศัพท์เหล่านั้นได้ถามออกมา ยูซอดัมก็ได้ตอบออกมาในทันที
“พวกเธอคิดซะว่ามันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีพลังของเสียงแล้วกัน”
มูกง คำๆนี้มีเพียงแค่ความหมายเดียวเท่านั้น
“เจ้าสตอล์กเกอร์คนนี้จะต้องเป็นใครสักคนที่มาจากมูริมแน่ แถมมันยังเหมือนกับตัวเฮโลนี่เอง เจ้าคนๆนี้รู้วิธีที่จะใช้ในการควบคุมเสียงได้”