ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ - ตอนที่ 86
ในตอนแรกที่โลกได้ค้นพบมีการตัวตนอยู่ของพลังพิเศษ อเมริกาเป็นประเทศแรกที่ได้เสนอให้มีการจัดตั้งระบบแรงค์ขึ้น พวกเขายื่นข้อเสนอนี้ขึ้นก็เพื่อที่จะได้แยกความแตกต่างและการใช้ประ โยชน์ของพลังพิเศษแต่ละประเภทออกจากกันได้
ระบบคลาสที่ใช้ในตอนนั้นเป็นแบบง่ายๆ มันมีเพียงแค่แรงค์ C ถึงแรงค์ A เท่านั้นอย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่มีพลังพิเศษอีกมากมายได้ปรากฏขึ้นมาดังนั้นระบบแรงค์ในปัจจุบันจึงได้มีสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยการแยกความแตกต่างระหว่างพลังความสามารถที่จะอ่อนแอสุดๆ จนไปถึงแข็งแกร่งสุดๆแทน
โดยเริ่มจากแรงค์ E ซึ่งต่ําที่สุดและสูงขึ้นไปจนถึงแรงค์ SSS ซึ่งนี้เป็นระบบแรงค์ที่ตามจริงแล้วก็ไม่มีอะไรเลยก็แค่เพิ่มขีดจํากับของแรงค์ขึ้นไปเรื่อยๆ ที่ขั้น
เหล่ายอดมนุษย์บางคนความสามารถที่ยอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุดและแล้วก็มีคนแรกที่ถูกจัดอันดับไว้เป็นแรงค์ A แล้วหลังจากนั้นไม่อีกวันก็มีอีก ยอดมนุษย์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้ปรากฏตัวขึ้นมาและคนๆนั้นก็ได้รับแรงค์ A ไปอีกคน มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสับสนวุ่นวายมีเหล่ายอดม นุษย์จํานวนมากที่ได้ปรากฏตัวตามกันมาในแรงค์นี้ แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็มียอดมนุษย์คนหนึ่งที่ได้ ไปถึงขีดจํากัดของมนุษยชาติได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วจากนั้นแรงค์ 5 คนแรกที่ได้รับการเรียกขาน มันเป็นตอนนั้นเองที่ระบบแรงค์ที่เหมาะสมได้ถูกสร้างขึ้น
ไม่เหมือนกับเหล่ายอดมนุษย์โดยทั่วไป เหล่ายอดมนุษย์ที่มีพลังความสามารถเหนือไปกว่าแรงศ์ A ดังนั้นพวกเขาเลยได้เพิ่มแรงค์ไปอีกขั้นหนึ่ง
นั้นก็คือขั้นซูเปอร์แรงค์
แรงค์นี้มันแรงค์ที่ถูกมอบให้กับคนที่ไปถึงขีดจํากัดของมนุษย์แล้วเท่านั้น มันเป็นคํานําหน้าอันทรงเกียรติที่มอบให้กับยอดมนุษย์และมีเพียงคนไม่มากนับที่ได้รับมันไป
ยอดมนุษย์แรงค์ 5 คือคนที่ได้ไปถึงขีดจํากัดของมนุษยชาติ
อย่างไรก็ตาม คนพวกนั้นจะละเลยการฝึกฝนเพิ่มเติมเพียงเพราะว่าตนเองได้รับแรงค์ S มา แล้วนะหรือ? ไม่มีทาง
ในทุกวันนี้ มีแม้แต่แรงค์ SS ซึ่งได้รับการพูดกันไว้ว่ามีความสามารถที่อยู่เหนือยิ่งไปกว่าขีดจํากัดของมนุษย์และแม้แต่แรงค์ SSS ก็ได้รับการค้นพบแม้ว่าในตอนที่ความก้าวหน้าของคนพวกนี้หยุดชะงักลงเนื่องจากว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะดูดซับอีเทอร์ได้อีกต่อไปพวกเขาก็ยังคงเติบโต นไปเรื่อยๆโดยการเสริมสร้างพลังพิเศษของตนเอง
อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยสําหรับเทเลอร์ในน์ มันมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะทําให้เธอแข็งแกร่งได้มากขึ้น มันก็คือการฉีดอีเทอร์เข้าสู่ร่างกายของเธอเพื่อเพิ่มปริมาณพลังพิเศษที่ เธอสามารถปล่อยออกมาได้
เหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็ง่ายมาก ด้วยรูปแบบพลังพิเศษของเธอมันเป็นแบบตายตัว มันมีรูปทู รงที่เป็น “ทรงกลม” ซึ่งนั้นทําให้เป็นไปไม่ได้เลยสําหรับเธอที่จะทําให้มันเป็นรูปแบบอื่นและดังนั้นเองเธอเลยสามารถที่จะทําได้เพียงแค่เพิ่มปริมาณของพลังที่เธอครอบครองได้เท่านั้น
นี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะปกติทั่วไป เหล่าคนที่มีพลังพิเศษที่ตายตัวแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นพวกที่สามารถพัฒนาพลังของตัวเองได้มากนัก ก็เหมือนกับหน้าตาของพวกเขาที่ถูกกําหนดไว้แล้
ตั้งแต่กําเนิด เช่นเดียวกันกับพลังพิเศษของพวกเขาเอง ไม่สําคัญว่า การปล่อย” พลังของพวกเขาจะสูงเพียงไรถ้าหากว่ารูปแบบ การใช้งาน” ของพวกเขามันแย่ พวกเขาก็จะได้รับเพียง แค่แรงค์ระดับต่ําเท่านั้นซึ่งเป็นก็เป็นในกรณีเดียวกันกับเทเลอร์ในน์
พลังพิเศษของเทเลอร์ในน์ ลูกบอลแสงทรงกลม เป็นความสามารถที่อนุญาตให้เธอสามารถสร้างลูกบอลแสงทรงกลมลอยขึ้นมาจากฝ่ามือของเธอได้ มันไม่ได้เป็นพลังความสามารถที่เหมาะ สมกับการเป็นอันเตอร์เลย
“จริงด้วยหละ! เมื่อมันแตะกับตัวปล่อยอีเทอร์ บอลแสงพวกนี้ก็เคลื่อนไหวได้! ขอดัมเหมือนที่ นายพูดเลย!
อย่างไรก็ตามด้วยความบังเอิญ เธอได้ค้นพบว่าเธอสามารถที่จะใช้ตัวปล่อยอีเทอร์ ในการเคลื่อนไหวทรงกลมแสงพวกนี้ได้และ การใช้งาน” ของลูกบอลแสงนี้ก็ได้ขยายกว้างออกไป
เพราะว่าการค้นพบนี้เอง มันเลยเป็นไปได้สําหรับเธอที่จะใช้มันเป็นโล่แสงหรือทรงกลมแสงที่โค้งงอในทันทีที่มันสัมผัสกับวัตถุและยิงไปยังเป้าหมายด้วยการใช้อุปกรณ์อีเทอร์ระดับ “มีชื่อ
แต่ในท้ายที่สุด เธอสามารถที่จะทําแบบนั้นได้ด้วยการอาศัยเครื่องมือเท่านั้น มันไม่ได้เกิดจากการความสามารถในควบคุมของเธอเอง เทเลอร์สามารถที่จะเคลื่อนลูกบอลแสงได้ในระดับหนึ่ง หากว่าไม่มีไม้เบสบอลหลังจากที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนานสุดท้ายแล้วมันก็ถูกนับว่าเป็น เพียงความสามารถแรงศ์ E เท่านั้น
เป็นพลังพิเศษที่พลังทําลายร้างสูงแต่ยากต่อการใช้งาน
“ เพราะงั้นเธอเลยอยากที่จะทําให้ตัวเองใช้พลังแสงนี้ได้ในรูปแบบอื่นๆได้ใช่ไหม?”
“แม่นแล้ว”
“ทําไมอยู่ๆถึงได้อยากปรับปรุงมันขึ้นมาหละ?”
ยูซอดมันมองไปที่เทเลอร์ตัวยสายตาที่เต็มไปด้วยคําถาม เธอม้วนปลายผมของเธอและส่ายห
“ ก็ไอ้ตระกูลนั้นนะสิ อยู่ๆมันก็ต้องการให้ฉันกลับไป ดังนั้นฉันเลยกําลังคิดว่าจะร่วม “การประลอง” และก้าวออกจากตระกูลโดยสมบูรณ์”
“อ้า ตระกูลของเธอนี่เอง…ไม่ใช่เธอบอกว่าพวกเขาดูถูกฮันเตอร์ไม่ใช่หรือไง? แถมไม่ใช่ว่ายอดมนุษย์ทั้งหมดในตระกูลของเธอก็เป็น “อัศวิน” ด้วยนิว”
ไม่เหมือนกับเหล่าฮันเตอร์ เหล่าอัศวินเป็นเหล่ายอดมนุษย์ที่รับมือกับมนุษย์ด้วยกันเองและ พวกเขาค่อนข้างที่จะสร้างความรําคาญให้กับเหล่าฮันเตอร์อยู่ตลอด คนพวกนี้ถูกเรียกว่า “ตํารวจสําหรับเหล่าผู้มีพลังพิเศษ ด้วยเช่นกัน
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอกเพราว่าฉันเองก็เป็นฮันเตอร์ปราบปรามเหมือนกันแต่ว่า ฉันควรที่จะบอกว่าปัญหามันอยู่ที่ว่าเหล่าญาติพี่น้องทั้งหมดของฉันล้วนมีพลังพิเศษที่ดีกว่าฉันเล็กน้อยกันหมดนะสิ? ในขณะที่ฉันต้องล้มลุกคลุกคลานไปในพื้นโคลนสกปรกๆเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นพวกเขากลับเติบโตขึ้นด้วยการกินแต่อาหารดีๆและได้รับการฉีดอีเทอร์เข้าสู่ร่างกายในทุกๆวัน
แม้ว่าจะมีแรงค์ 5 เหมือนกัน มันก็ยังมีความแต่ต่างในเรื่องของความหลากหลายเป็นอย่างมากกับคนพวกนี้ บางทีคนพวกนี้อาจจะมีอํานาจการทําลายของพลังพิเศษที่สูงกว่าตัวเทเลอร์ เองด้วยซ้ํา
“นอกจากนี้แล้ว ฉันไม่สามารถใช้ตัวปล่อยอีเทอร์ในการประลองได้นะสิ”
* อะไรนะ?”
หากว่าไม่มีไม้เบสบอลนั้นแล้ว เทเลอร์ก็จะกลายมาเป็นแค่คนอ่อนแอที่ไม่อาจจะทําอะไรได้เลย ยูซอดัมเป็นหนึ่งคนที่รู้ความจริงข้อนี้ดีกว่าใครทั้งนั้น
“นั้นมันบ้าไปแล้ว! หากว่าเธอไม่มีตัวปล่อยอีเทอร์ แม้แต่มอนสเตอร์แรงค์ E ก็กระทืบเธอจมดินได้เลยนะ!”
“แล้วนายจะใช้ฉันทํายังไงหละ? จะให้ฉันกลับเข้าตระกูลหรือไง? ไอ้พวกบ้านั้นกําลังจะขายฉันออกไปด้วยการจับฉันคลุมถุงชนแบบนิยายน้ําเน่าพวกนั้นนะ มีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้นที่จะห ลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ก็คือการต่อสู้กับหนึ่งในพี่น้องของฉันและเอาชนะเขาในการประลอง! และแบ บนั้นฉันถึงจะสามารถลาขาดกับตระกูลนั้นได้ตลอดกาล! หรือว่านายอยากให้ฉันแต่งงานแบบสุ่มๆ กับไอ้พวกหน้าโง่สักคนหรือไงกัน? หะ?”
“…ไม่”
ในขณะที่ยูซอดัมขมวดคิ้วขึ้น เทเลอร์ก็ตบไปที่หลังของเขาและอยู่ๆอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นใน ทันที
“โอเคน่า ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ที่ฉันมาหานายในวันนี้ก็เพราะว่ามีเพียงนายคนเดียว เท่านั้นที่มีถึงสองทางที่สามารถจะช่วยฉันได้ไง”
“สองทาง?”
“ข่ายแล้ว ทางแรกก็เหมือนกับที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ฉันมาที่นี้เพราะคิดว่านายสามารถที่จะ ช่วยฉันได้ด้วยความสามารถแปลกๆและไม่เหมือนใครของนาย นอกจากนั้นแล้วนายยังเป็นไอ้ พวกที่ไปๆมาๆระหว่างมิ”
“มันเรียกว่าผู้หวนคืนต่างมิติ”
“ใช่นั้นแหละ! ยังไงก็ช่าง นายได้เรียนรู้ความสามารถพิเศษจากต่างโลกนี้ บางที่นายอาจสามารถที่จะให้แนวทางกับฉันได้”
นั้นมันก็ใช่แหละ
“แล้วทางที่สองคืออะไร?”
“ปัญหาใหญ่ที่สุดของฉันในตอนนี้ก็คือฉันกําลังจะถูกจับคลุมถุงชน เพราะงั้นวิธีการแก้ปัญหาก็ง่ายมา ฉันก็แค่ต้องมีลูกกับผู้ชายอีกคนเท่านั้นเอง”
“มันก็ง่ายจริงๆนะแหละ แต่ฉันเป็นคนเดียวหรือไงที่สามารถเธอแก้ปัญหานั้นได้นะ?”
“แล้วมันมีคนอื่นนอกจากนายด้วยเหรอ?”
เทเลอร์มองมาที่ดวงตาของยูขอดัมในขณะที่พูดออกมา ดวงตาของเธอดูเฉยเมย มันเลยดูเป็นเรื่องที่แปลกที่เธอถามออกมาอย่างนั้น ขอดัมถอนหายใจออกมาและเช็ดเหงื่อบนหน้า ผ้ากของตัวเอง
“ทางที่ง่ายที่สุดก็คือทางที่สอง แต่
“งั้นพวกเราเริ่มกันตอนนี้เลยไหม?”
“อ-อะไรนะ?”
“ฮ่าฮาๆ! ฉันล้อนายเล่นนะ! ไม่เห็นต้องทางทําท่าทางเขินอายแบบนี้เลย”
“ฟูว…”
เพราะแบบนั้นเอง ในท้ายที่สุด ยูซอดัมก็เลยจําเป็นที่จะต้องทําให้แน่ใจได้ว่าเทเลอร์จะบรรลุไปถึงในระดับที่สามารถเอาชนะยอดมนุษย์แรงค์ 5 ได้ แต่มันจะง่ายอย่างที่พูดเลยเหรอ? คู่ต่อสู้ ที่เทเลอร์จะต้องเผชิญหน้าเป็นใครสักคนที่ได้ครอบครองพลังพิเศษที่ใกล้เคียงกับคําว่าสมบูรณ์แบบแถมยังอาจที่จะมีพลังทําลายที่เหนือกว่าเทเลอร์ตัวยผลประโยชน์จากการฉีดอีเทอร์เข้าไปอย่างต่อเนื่องแบบนั้นอีก ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าตระกูลบลิสแตนเป็นตระกูลที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการกับเหล่ายอดมนุษย์อีกด้วยนะ
นี้เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสําหรับเทเลอร์ที่ไม่อาจจะใช้พลังของตนเองออกไปได้อย่างเหมาะสมหากว่าปราศจากตัวปล่อยอีเทอร์ อีกทั้งยังต้องทําให้เธอเก่งขึ้นอยากรวดเร็วด้วย
นอกจากนี้ หากไม่นับเวทมนตร์หรือศิลปะการต่อสู้ ยูซอดัมก็ไม่ได้รู้อะไร เลยจริงๆเกี่ยวกับพลังพิเศษ
– เอ้ แม่มด
“มีอะไร?”
– มันคล้ายกัน
“คล้าย?”
– กับเวทมนตร์
ในตอนนี้ เทเลอร์ได้คงสภาพบอลแสงซึ่งกําลังลอยอยู่บนฝ่ามือของเธอเอาไว้ เพื่อที่จะได้สังเกตบอลแสงนี้ได้อย่างใกล้ชิด เขาเลยให้เจ้าจิตวิญญาณดอกไม้ออกมาจากช่องเก็บของและนั่งลงบนฝ่ามือของยซอดัม ที่เขาเรียกเจ้านี้ออกมาก็เพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะหาเวทมนตร์อะไรเลยที่มีความเกี่ยวข้องกับมันจากหนังสือได้เลยหลังจากที่ได้ค้นหาผ่านห้องสมุดของแม่มดขาว
ด้วยการทําแบบนี้เองทําให้เขาได้ข้อมูลที่มีประโยชน์บางอย่างมา
“โครงสร้างของเวทมนตร์และพลังพิเศษมีความคล้ายคลึงกัน “
เวทมนตร์และพลังพิเศษใช้แหล่งพลังงานคนละชนิดกัน เวทมนตร์ใช้มานาในขณะที่พลังพิเศษให้พลังงานที่ถูกเรียกว่าอีเทอร์ ไม่เหมือนกับมานาที่มาจากธรรมชาติ อีเทอร์เป็นพลังวิตตัวยตัวมันเอง
แต่แค่เพราะว่าแหล่งพลังงานแตกต่างกัน มันจะนับว่าโครงสร้างของพวกมัน จะต้องต่างกันด้วยหรือไง? มันก็เหมือนกับดีเซลกับเบนซินที่เป็นน้ํามันคนละชนิดกันนะแหละพวกมันทั้งคู่มีโครงสร้างที่คล้ายกัน เวทมนตร์และพลังพิเศษก็เป็นเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่เวทมนตร์เป็นการทําให้มานาเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่มีรูปร่างทางกายภาพผ่า นทางสูตร,คําร่าย และวงเวทย์ พลังพิเศษสามารถที่จะใช้ออกมาได้ตามรูปแบบที่ถูกกําหนดไว้แล้ว เท่านั้น
“เดียวนะ ถ้างั้นแล้วบางที่นี่
ถ้าหากว่าเขาสามารถที่จะแปลงพลังพิเศษได้ด้วยการใช้สูตรแบบเดียวกันกับสิ่งที่ เกิดขึ้นกับเวทมนตร์ได้หละ? ถ้าทําได้แบบนั้นแล้วไม่ใช่ว่ามันสามารถที่จะควบคุมการไหลของพลังงานได้อย่างอิสระเลยไม่ใช่หรือไง?
พลังพิเศษบนโลกมนุษย์ถูกค้นพบได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆจากเมื่อ 30 ปีก่อนเท่านั้นเอง อย่างไรก็ดีห้องสมุดของแม่มดขาวเป็นผลผลิตทางเวทมนตร์ที่พร้อมด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนายนับพันๆปี บนโลกมนุษย์เอง รูปแบบ” ก็ได้รับมาผ่านพลังงานอีเทอร์ริกก็มีนับหมื่นๆทางที่เราไม่ เคยกล้าที่จะคิดมาก่อนไม่ใช่หรือไง
“ฉันว่ามันคุ้มค่าที่จะลองดูอยู่นะ?”
“อะไรหละ?”
“ฉันคิดว่าฉันสามารถที่เปลี่ยนรูปแบบของความสามารถเธอได้ มันน่าจะทําอย่างที่ฉันคิดไว้ได้แต่ฉันคงต้องลองมันดูมันด้วยตัวเอง
“จริงอะ? อย่างมาแกล้งฉันเล่นแบบนี้นะเพราะว่าฉันกําลังตื่นเต้นจริงๆนะเนี่ย”
แทนที่จะตอบกลับไป ยูซอดัมวางมือของตัวเองลงไว้ที่ด้านใต้ฝ่ามือของเทเลอร์
“ลองลดพลังงานที่ปล่อยออกมาดู”
ถ้าหากว่าเทเลอร์ปล่อยพลังงานทั้งหมดที่เธอมีออกมา มันคงจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยสําหรับยุขอดัมที่จะรับมือกับมันเพราะว่าปัญหาในเรื่องของพลังเวทย์และระดับเวทมนตร์ที่เขามีในขณะที่บอลแสงได้ค่อยๆเริ่มที่จะเล็กลงและสุดท้ายมันก็ลงไปจนถึงพลังระดับแรงค์ C ยูซอดัมก็ ได้ปิดตาของตัวเองลงและเปิดใช้งานห้องสมุดของแม่มดขาวหนังสือเวทมนตร์ที่มีความ เกี่ยวข้องกันกับ “แสง” ได้ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของเขาและเจ้ากระถางดอกไม้ก็ได้จับหนังสือนั้น และเริ่มที่จะอ่านมัน
หนังสือเวทมนตร์เล่มนี้เต็มไปด้วยวิธีการและสูตรต่างๆสําหรับใช้ในการจัดการกับแสงในรูปแบบที่ต่างกันไปหลายสิบหรือหลายร้อยรูปแบบ และรูปแบบบางส่วนก็สามารถที่จะเลียนแบบการไหลของพลังงานขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
“จากนี้ไป ฉันจะแสดงให้เธอเห็นเส้นทางนะ พยายามจํามันและเลียนแบบมันด้วย”
“อึก!”
มานาของซอดัมค่อยๆไหลผ่านไปยังข้อมือของเทเลอร์และเริ่มที่จะเคลื่อนที่ไปยังลูกบอลแสงภายใต้การควบคุมของเจ้ากระถางดอกได้ แล้วในที่สุดเริ่มเจ้าบอลแสงลูกนี้ก็ค่อยๆเริ่มที่จะบิต เบี้ยวและหมุนวนในทิศทางที่แปลกออกไป มันเป็นทิศทางการไหลของพลังงานที่ผู้คนในยุคสมัย ศตวรรษที่ 21 ไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
สําหรับเวทมนตร์ มันจะถูกกําลังหนดได้ด้วยการคํานวณทุกสิ่งทุกอย่างเช่นปริมาณของพลังเวทมนตร์ที่จะต้องใช้งาน ความเร็วที่ใช้ในการไหลของพลังงานเวทมนตร์ และ ทิศทางการไหลของพ ลังเวทมนตร์เอาไว้อย่างสมบูรณ์ และมันก็สามารถที่จะนําเอาหลังการนี้ไปใช้กับพลังงานอีเทอร์ได้ เช่นเดียวกัน
“อ้า !
มวลของแสงที่อยู่ตรงหน้านี้ ซึ่งไม่เคยที่จะอยู่ในรูปทรงอื่นเลยนอกไปจาก “ทรงกลม” มานานถึง 16 ปี ได้เริ่มที่จะเปลี่ยนไป มันเป็นการเปลี่ยนแบบอย่างง่ายๆ ซอดัมเพียงแค่เปลี่ยนมันให้เป็น รูปทรงของแท่งยาวๆ คล้ายกับไม้เบสบอล
“จับมันไว้”
เทเลอร์ค่อยๆจับไปที่แท่งแสงนี้อย่างช้าๆ มันทําให้เธอนึกถึงไม้เบสบอลของเธอเอง
“สร้างบอลแสงออกมาด้วยมืออีกข้างหนึ่งของเธอและเหวี่ยงมันดู”
เธอทําตามคําแนะนําของเธอขอดัมและสร้างลูกบอสแสงขึ้นมาด้วยมืออีกข้างหนึ่งของเธอและเหวียงแห่งแสงที่ไปที่มัน
เคร๊ง!!
ลูกบอลแสงบินออกไปและจางหายไปหลังจากที่มันปะทะเข้ากับกําแพงเหมือนกับในตอนที่เทเลอร์ได้ใช้ไม้เบสบอลที่อยู่ในระดับ “มีชื่อ” ของเธอเอง
มันเป็นครั้งแรกสําหรับเธอเลยที่เธอสามารถยิงบอลแสงออกไปได้โดยปราศจาการช่วยเหลือของตัวปล่อยอีเทอร์
“เออ
ช่า ช่า!
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปได้สําหรับการเหวี่ยงแค่ครั้งเดียว เจ้าแห่งแสงนี้ได้จางหาย
ไปอย่าง รวดเร็ว มันเป็นเพราะว่ายูซอดัมเป็นคนที่ได้ขึ้นรูปแห่งแสงนี้ขึ้นมาดังนั้นเทเลอร์ไม่สามารถที่จะคงสภาพรูปทรงของมันได้ด้วยตัวของเธอเองมันก็เหมือนกับการสอนมนุษย์โบราณว่าจะออกแบบ แผงวงจรไฟฟ้าได้ยังไงนะแหละในเมื่อมนุษย์โบราณนั้นไม่รู้อะไรเลยนอกไปจากการก่อไฟด้วยกา รเทน้ํามันลงไปบนไฟ
ถึงอย่างนั้น พลังทําลายที่เธอปล่อยออกมาโดยพื้นฐานก็ถือว่ายังทรงพลังอยู่ดี ดังนั้นหากว่าเธอสามารถที่จะฝึกฝนมันได้โดยสมบูรณ์ เธอก็สามารถที่จะแสดงพลังทําลายร้างออกมาได้มากกว่าเมื่อเทียบกับตอนนี้แน่นอน
“ฉันจะต้องทํายังไงถึงจะสามารถทําแบบนั้นได้ว”
“ไม่ใช่ว่ามันก็เห็นชัดๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?”
ยูซอดัมชี้นิ้วของตัวเองไปที่ด้านหลังของเขา มันเป็นเครื่องวัดพลังพิเศษที่ออกจะดูง่อยๆนิดหน่อยวางตั้งเอาไว้อยู่
“เธอจําเป็นที่จะต้องฝึกฝนจนลากเลือดเลยหละ”
นับจากวันนั้นเอง การฝึกนรกสุดโหดสําหรับเทเลอร์ไนน์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
กระบวนการฝึกฝนนี้ไม่ง่ายเลย ในตอนแรกพลังทําลายที่เธอปลดปล่อยออกมาได้อยู่ในระดับที่สูงเทียบเท่ากับยอดมนุษย์แรงค์ 5 เลยทีเดียวแต่ว่าในเรื่องของการควบคุมแล้วมันกลับแย่เป็นอย่างมาก มากไปกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอนเธอเกี่ยวกับการคํานวณและเส้น
ทางของเวทมนตร์เพราะว่าเธอก็เหมือนกับตัวของยูขอตัมเอง เทเลอร์ไม่ได้เป็นคนจําพวกเด็กเรียน
มันไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกไปจากการที่เธอจะต้องฝึกควบคุมการไหลของพลังงานและ ตามการไหลของพลังงานเวทมนตร์ที่เขาได้แสดงให้ดูออกไป
ด้วยเวลาที่มากแบบนี้แล้ว เทเลอร์ไม่ได้เครียดอะไรเลย
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เธอสามารถที่จะเปลี่ยนบอลแสงทรงกลมไปเป็นวงรีได้
เธอทิ้งมากเลยกับความจริงที่ว่าเธอสามารถฝึกฝนพลังของตัวเองได้แล้วในตอนนี้
เธอดีใจที่สามารถสามารถจะเรียนในเรื่องเดียวกัน พูดคุยกับในเรื่องของพลังพิเศษและฝึกฝนด้วยกันกับยูซอดัม
หลังจากผ่านไปสองเดือน เธอสามารถที่จะเปลี่ยนบอลแสงไปสู่รูปทรงของขนมปังฝรั่งเศสแท่งยาวๆได้แล้ว
ในทุกๆวันที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสําหรับเธอ
จนบางครั้งเธอก็ลืมเหตุผลไปเลยว่าเธอฝึกฝนพลังพิเศษของตัวเธอเองทําไม ประลองการคุมถุมถุงชน? เธอไม่ได้สนใจมันอีกต่อไปแล้ว
เธอก็แค่สนุกไปกับช่วงเวลาเหล่านี้
และเวลาสามเดือนก็ได้ผ่านไป
มันเป็นคนที่พระจันทร์เต็มดวง
เทเลอร์ลุกขึ้นจากที่นอนในสภาพที่ใช่เพียงแค่ชุดชั้นในและเดินไปยังหน้าต่าง ในตอนแรกเธอรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ในห้องทํางานของยูซอดัมเพราะว่ามันไม่ได้ห้องสตูดิโอของซอดัมที่เธอคุ้นเคยแต่ว่าในตอนนี้เธอปรับตัวเข้ากับมันได้แล้ว
เอียนตัวไปพิงเข้ากับขอบหน้าต่าง เธอมองออกไปอย่างเหม่อลอย หลังจากนั้นสักพัก เธอก็ยกมือของเธอขึ้นมา
พิ่งงง!
มวลแสงค่อยๆรอยขึ้นมาในอากาศและเปลี่ยนรูปทรงของมันในทันที มันไม่ได้เป็นรูปร่างของไม้เบสบอลที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับที่ยขอตัมใด้สร้างขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน แต่มันก็ยังเป็นรูปทรงแห่งที่สมบูรณ์แบบ
ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ในที่สุดเทเลอร์ที่ประสบความสําเร็จในการเปลี่ยนรูปแบบของแสงตัวยพลังของเธอเองได้อย่างสมบูรณ์
แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ หัวใจของเธอกลับเต้นเร็วขึ้น เธออยากที่จะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงแต่เธอไม่อยากที่จะปลุกยูขอดัมที่กําลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมา
เธอกํามือของตัวเองแน่นและนั่งขัดสมาธิลงไปที่พื้น ร่างกายของเธอสั่นไหว เธอทําท่า ทางที่น่าอายละเอียดอ่อนและจริงจัง
“เยสสสสสสส!! “
มันเป็นการคํารามที่ไร้เสียง
“เหี้-เอ้ย! ฉันทํามันได้แล้ว!”
อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นการส่งเสียงเชียร์ที่ดังก้องไปทั่วทั้งท้องทะเลสีฟ้าพื้นนี้อยู่ที่