ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1002 สภาวะอยู่ที่ข้า ไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้
ที่เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยว่าเวลามีจำกัด ไม่ใช่หมายถึงเรื่องของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดเท่านั้น
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงเพาะความแค้นชิดไม่ตายไม่ยอมเลิกรา กับจวงเซินประมุขทักษิณอย่างแท้จริงแล้ว
สายสืบทอดของเนินต้นจักรพรรดิมียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายทั้งหมดสามคน
ต้นจักรพรรดิสะกดภูผาจางซู่เหริน ราชาอัคคีเผิงเฮ่อ ยังมีเสียงหงส์แดนใต้เหมาหยวนเซิง
สุดท้ายสองคนในนี้ตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอ บวกกับเนตรหงส์หยวนเสี่ยนเฉิงที่เทียบได้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ยอดฝีมือระดับสุดยอดมากกว่าครึ่งของเนินต้นจักรพรรดิตายในการต่อสู้บนเขารอบวง
แม้จะบอกว่าขอแค่ประมุขทักษิณจวงเซินยังอยู่ เนินต้นจักรพรรดิจะไม่มีทางล่มสลาย แต่เมื่อประสบพบเจอเรื่องราวในครั้งนี้ก็ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
ยิ่งอย่าว่าแต่จวงเจาฮุย บุตรของจวงเซินยังตายด้วยมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอสยบทิศใต้ สังหารจอมยุทธ์ทิศใต้จนนับไม่ถ้วน จวงเซินในฐานะผู้ปกครองทิศใต้ไม่มีทางเลิกราเป็นอันขาด
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพตัดขาดข่าวสาร รอเขาได้รับข่าว เกรงว่าจะรีบเข่นฆ่ามาถึงฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ทันที
“เกรงว่าในช่วงนี้ข้าจะต้องทำความเข้าใจเมฆแปลงกำเนิดของท่านให้มาก” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
เยี่ยนตี๋กล่าว “นี่ย่อมแน่นอน เจ้าจะปีนขึ้นสะพานเซียนได้หรือไม่ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าได้ประโยบน์จากเมฆแปลงกำเนิดมากน้อยแค่ไหน”
“ของวิเศษชิ้นนี้น่าอัศจรรย์ยิ่ง ข้าสามารถเพิ่มระดับขึ้นขั้นหนึ่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ เก็บเกี่ยวประโยชน์จากมันได้มากมาย”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยพรสวรรค์ความสามารถของท่าน และความเกี่ยวข้องกับเมฆแปลงกำเนิดนี้ ในช่วงเวลาต่อจากนี้อาจจะได้รับอะไรมากกว่านี้ก็ได้”
เยี่ยนตี๋เอ่ย “ข้ามีความรู้สึกเดียวกัน แต่พูดตอนนี้ยังเร็วเกินไป”
สองพ่อลูกนั่งขัดสมาธิบนที่นั่ง หันหน้าเข้าหากัน
เมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะเยี่ยนตี๋เบ่งบานเหมือนดอกบัว กลีบดอกแต่ละดอกเปล่งแสงสว่างระยิบระยับ ลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอยกมือหนึ่งขึ้น กลางฝ่ามือปรากฏรูปไท่จี๋
รูปไท่จี๋หมุนวน สรรพสิ่งคืนสู่ความว่างเปล่า เริ่มประสานเสียงกับเมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะของเยี่ยนตี๋
นอกจากฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดแล้ว จุดลมปราณทั่วร่างของเยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มปรากฏสภาวะโกลาหล
คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตในฐานะรากฐานเริ่มโคจร
คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตสายหยกพิสุทธิ์ กับหมัดแปลงกำเนิดแห่งสายเอกพิสุทธิ์มีหลักการร่วมกันอยู่บางแห่ง
เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนสามพิสุทธิ์รวมเป็นหนึ่ง วรยุทธ์มากมายกลับคืนสู่หนึ่งเดียว การศึกษาหลักการของเมฆแปลงกำเนิดในตอนนี้ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก
โดยทั่วไปแล้ว นอกจากเยี่ยนตี๋ที่เป็นเจ้าของเมฆแปลงกำเนิด เกรงว่าจะมีแต่จักรพรรดิแพรงามจึงค่อยมีความเร็วในการศึกษาเมฆแปลงกำเนิดเท่าเยี่ยนจ้าวเกอ
‘มีความเฉพาะตัว เกี่ยวโยงกับท่านพ่อ ค่อนข้างลี้ลับ ทว่า…’
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอกำลังศึกษาฝึกฝน เยี่ยนตี๋ก็ฝึกฝนอยู่เงียบๆ เช่นกัน
ตอนนี้เป็นเพราะเมฆแปลงกำเนิด เยี่ยนจ้างเกอจึงสัมผัสจิตวรยุทธ์ของเยี่ยนตี๋ได้หลายส่วน
หลังจากได้สัมผัสแล้ว จิตใจของเขาก็สั่นไหว
จิตวรยุทธ์ของเยี่ยนตี๋ถูกหลอมจนบริสุทธิ์ เหี้ยมหาญเด็ดขาด
จิตวรยุทธ์นี้เป็นของเยี่ยนตี๋เพียงคนเดียว เหมือนกับติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่เกี่ยวข้องกับว่าเขาจะฝึกฝนวรยุทธ์อะไร
ฝึกฝนวิชาเอกพิสุทธิ์ก็เป็นเช่นนี้ ฝึกฝนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต คัมภีร์นภาหยินหยางในคัมภีร์นภาแรกเริ่มก็เป็นเช่นนี้
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าต่อให้เยี่ยนตี๋ฝึกฝนวิชาเอกพิสุทธิ์ ได้ฝึกมรรคากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ หรือแม้กระทั่งวรยุทธ์สายมารตั้งแต่เด็ก สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนนี้มากนัก
เรียนวิชาดาบ เรียนวิชากระบี่ เรียนวิชาหอก เรียนวิชาฝ่ามือ เรียนวิชาหมัด เรียนวิชากระบอง ก็ไม่ส่งผลต่อผลลัพธ์ในตอนแรก
คนอื่นๆ หากฝึกฝนวรยุทธ์ จะฝึกฝนเพื่อเพิ่มระดับของตัวเอง
เยี่ยนตี๋หากฝึกฝนวรยุทธ์ กลับคล้ายไม่สนใจว่าจะเป็นวรยุทธ์อะไร ล้วนฝึกฝนจนกลายเป็นจิตของตัวเองเพียงคนเดียว
เขาเหมือนกับเบิกฟ้าเปิดดิน เวียนวนระหว่างการทำลาย และการสร้างหลักการใหม่ ไม่อาจขัดขวาง เหนือกว่า
วรยุทธ์ทั้งหมดที่เขาเคยฝึกฝน ควบคุมการพัฒนาวรยุทธ์เหล่านี้
สภาวะอยู่ที่ข้า ไร้สิ่งใดขวางกั้น
ต่อให้ไม่ฝึกฝนคัมภีร์นภาแรกเริ่ม หรือแม้แต่วิชาเอกพิสุทธิ์ที่สำหรับโลกแปดพิภพเป็นวิชาสุดยอด แต่มอบวรยุทธ์ที่ค่อนข้างล้าหลังชนิดหนึ่งให้แก่เยี่ยนตี๋ ความสำเร็จของเขาก็ไม่มีทางต่ำลง
ถ้าเป็นเช่นนั้น บางทีอาจจะจำกัดขีดจำกัดบนของเยี่ยนตี๋ แต่ขีดจำกัดล่างก็ยังคงสูงมากอยู่ดี
ลักษณะพิเศษเช่นนี้ในหมู่คนที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยพบปะ นอกจากตนที่ฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก
ไม่ใช่สัตว์ในบึงเห็นเมฆกลายเป็นมังกร
นอกจากนี้ พร้อมกับที่พลังฝึกปรือของเยี่ยนตี๋ยิ่งมายิ่งสูงขึ้น สถานการณ์นี้ยิ่งมาก็ยิ่งชัดขึ้น
ตามปกติแล้ว ระดับยิ่งสูง การพัฒนาก็ยิ่งลำบาก เวลาที่ต้องใช้ก็ยิ่งมาก
เมื่อบรรลุถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นด่านไหน จอมยุทธ์ก็อาจจะติดอยู่สักหลายสิบปี หรืออาจจะเป็นตลอดชีวิต
อัจฉริยะบุคคลมีความก้าวหน้าค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็วมากกว่า
แต่ว่าความเร็วเฉกเช่นเยี่ยนตี๋นี้ยังคงทำให้ผู้คนอ้าปากตาค้างอยู่ดี
เมื่อเขาฝึกฝนก็มีแต่ไปด้านหน้า ทุกสิ่งล้วนพังทลายเหมือนดาบของเขาเอง
ในกระบวนการนี้ จิตวรยุทธ์อันเหี้ยมหาญของเขาจะสะท้อนออกมาได้ดียิ่งกว่า ชัดเจนยิ่งกว่า บริสุทธิ์ยิ่งกว่า และแข็งแกร่งยิ่งกว่า
ด้วยประสาทสัมผัสของเยี่ยนจ้าวเกอ ตอนที่เยี่ยนตี๋เพิ่งเลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดง จิตวรยุทธนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่เขาเลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์
และตอนนี้ เขาได้เลื่อนเป็นขั้นสะพานเซียน จิตวรยุทธ์ผนึกหลอมมากกว่าตอนที่เพิ่งเลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดง
เพียงแต่ว่าทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกปัดเมฆออกเห็นหมอกมากกว่าเดิม
ตอนที่เยี่ยนตี๋เพิ่งสำเร็จเป็นขั้นเทวะสำแดง เยี่ยนจ้าวเกอก็มีการคาดเดาอยู่คร่าวๆ แล้ว
บัดนี้พอเห็นเยี่ยนตี๋ที่อยู่ในขั้นสะพานเซียน ได้สัมผัสจิตวรยุทธ์ของเขา เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าการคาดเดาในตอนนั้นคล้ายกับได้รับการพิสูจน์และยืนยัน
เพียงแต่การคาดเดานี้น่าเหลือเชื่อไปบ้าง สร้างความประหลาดใจให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ
สิ่งที่เขาสนใจกว่าก็คือ ทั้งหมดนี้ทำได้อย่างไรกัน
ขณะมองเมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะของเยี่ยนตี๋ เยี่ยนจ้าวเกอก็คล้ายนึกอะไรบางอย่างออก
การฝึกฝนในครั้งนี้ของพวกเขาสองพ่อลูกไม่ใช่เรื่องที่ทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ
เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาเมฆแปลงกำเนิด จำเป็นต้องค่อยๆ ใช้เวลา
เพื่อจะได้มีเวลามากขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอจึงพิจารณาฝึกฝนในโลกผืนสมุทร สถานที่ที่มีการไหลของเวลาเร็วกว่าโลกซ้อนโลกเป็นบางครั้งบางคราว
ตอนนี้ทะเลหวงเจียโดยพื้นฐานแล้วเป็นที่ของเขากว่างเฉิง เขากว่างเฉิงไม่ขยับขยาย เพียงอยู่ในนั้นอย่างเงียบเชียบ ขุมกำลังอื่นๆ ในทะเลหวงเจียก็ไม่กล้าดูแคลนการดำรงอยู่ของมัน
ในช่วงนี้เกิดเรื่องที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจอยู่สองเรื่อง
เรื่องแรก คือเฟิงอวิ๋นเซิงที่ออกท่องโลกเป็นเวลาสองปีกว่าๆ ได้ส่งข่าวกลับมาแล้ว น่าเสียดายที่ไม่ใช่ข่าวดีอะไรนักสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ
เนื่องจากการค้นพบจำนวนหนึ่ง เฟิงอวิ๋นเซิงจึงมุ่งหน้าไปยังมิติต่างแดนแล้ว
การไปครั้งนี้ไม่ทราบว่าเป็นคราเคราะห์หรือโชควาสนา จะกลับมาเมื่อไรล้วนไม่อาจทราบโดยสิ้นเชิง
‘เรื่องนี้รู้สึกไม่ค่อยถูกต้องนัก ปกติตอนที่คนเป็นสามีออกท่องโลก คนเป็นภรรยาต้องรออยู่บ้านอธิษฐานให้กับเขาไม่ใช่หรือ’
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะอย่างขื่นขมในใจ
เขาย่อมรู้ว่าสำหรับเฟิงอวิ๋นเซิงที่ต้องการเคี่ยวกรำตัวเองแล้ว นี่เป็นเส้นทางที่ต้องเดิน ดังนั้นเขาจึงได้แต่มีความสุขในความทุกข์ หาความหรรษาด้วยตัวเอง
เรื่องที่สองที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างสนใจก็คือ มีแขกมาจากยอดเขาอัศจรรย์
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่เขา เพราะเรื่องที่เยี่ยนตี๋ได้รับเมฆแปลงกำเนิด ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงรวมถึงเยี่ยนจ้าวเกอทราบเพียงไม่กี่คน ยอดเขาอัศจรรย์ไม่มีทางรู้ได้