ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1006 อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ
ทีแรกสุดเป็นคัมภีร์เทพพระอาทิตย์กำเนิด จากคัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณ
แต่หลังจากผ่านการศึกษาและการปรับปรุงโดยบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในตำนาน ผู้เป็นอัจฉริยะบุรุษแห่งยุคไม่ต่ำกว่าหนึ่งรุ่น และการไตร่ตรองวรยุทธิ์ชนิดต่างๆ เช่นคัมภีร์พลิกฟ้ากับคัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์เทพพระอาทิตย์ที่สำเร็จแล้วในปัจจุบันจึงเกิดสภาวะไล่กลบคลื่นลูกหน้าขึ้น
คัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณและคัมภีร์อีกาผลาญฟ้าไม่อาจสนองความต้องการในการเซ่นหลอมกงจักรมหาประกายกาฬของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยได้
แต่ว่าคัมภีร์เทพพระอาทิตย์กลับทำได้
ทว่าในขณะที่หลอมเปลี่ยนจิตพลังแห่งคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ กงจักรมหาประกายกาฬก็สูบแสงสว่างแห่งแสงอาทิตย์ที่เกิดจากญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุด
เมื่อเทียบกับที่มันบรรจุอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้แล้ว ญาณจริงแท้ที่มันต้องการจะต้องเป็นจำนวนมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่ไม่ได้มีจุดเด่นด้านวรยุทธ์อยู่ที่ความเปี่ยมล้นของญาณจริงแท้ ล้วนถูกกงจักรมหาประกายกาฬสูบพลังจนกลายเป็นตะเกียงดับแสง
อาวุธเซียนคือของวิเศษซึ่งมีแต่ยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนถึงจะเซ่นหลอมได้
เซียนและมนุษย์มีข้อแตกต่าง แม้ว่าจักรพรรดิประกายกาฬจะได้วางรากฐานไว้แล้ว แต่ขั้นตอนต่อจากนี้ก็สุดที่คนธรรมดาจะรับช่วงต่อได้
ด้วยพลังของเยี่ยนจ้าวเกอ เขายังรู้สึกว่าญาณจริงแท้ของตนกำลังไหลออกไปเป็นจำนวนมาก
ความเร็วในการเผาผลาญยังสูงยิ่งกว่าตอนต่อสู้กับจางซู่เหริน ผู้อาวุโสเนินต้นจักรพรรดิที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าเมื่อก่อนหน้านี้เสียอีก
เขาสงบจิตใจ การสั่งสมพลังฝึกปรือมีอยู่เต็มเปี่ยม พลางหายใจด้วยความเยือกเย็น มอบพลังให้แก่กงจักรมหาประกายกาฬอย่างต่อเนื่อง
รูหนึ่งบนกงจักรเหล็กสีดำทะมึนสาดประกายแสงออกมา ยิ่งมายิ่งส่องสว่าง
กงจักรเหล็กสีดำที่เมื่อก่อนดูธรรมดา ไม่เคยส่งเสียง ยามนี้เริ่มส่งความรู้สึกของพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาแล้ว!
แสงอาทิตย์ที่เป็นหยางสุดขีดและร้อนสุดขีดกระจายไปทั่วที่ว่างในวังมังกร ราวกับดวงอาทิตย์ที่แท้จริง
‘สิ่งที่คู่กับรูนี้ เชื่อว่าเป็นวิชาที่หกในสิบสองวิชาประกายกาฬ นั่นก็คือดวงอาทิตย์’ เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ
วิชากลืนกิน สามารถกลืนกินดูดซับพลังอื่นได้
วิชาดวงอาทิตย์ในการสืบทอดของสำนักประกายกาฬ หลักๆ เป็นการใช้จิตอันยิ่งใหญ่ของแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ รักษาสิ่งดีงามขจัดสิ่งชั่วร้าย สร้างเสถียรภาพให้กับตัวเอง
ภายนอกเป็นวิชาต่อสู้ ตรงไปตรงมา ชัดเจนแจ่มแจ้ง มีทั้งโจมตีและป้องกัน
แต่ว่าสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือภายในที่ใช้สำหรับฝึกฝนวิชา แสงสว่างของดวงอาทิตย์สาดส่อง อันตรายทั้งหลายไม่อาจกล้ำกราย จิตใจกระจ่างแจ้ง
การฝึกฝนในยามปกติจะง่ายกว่าเดิม ขณะเดียวกันจะสามารถป้องกันวิชาชั่วร้ายล่อลวงจิตใจที่มีผลต่อวิญญาณได้
ตอนนี้วิชานี้ได้สลักลงบนกงจักรมหาประกายกาฬแล้ว ของวิเศษชิ้นนี้สามารถสะกดสิ่งชั่วร้ายได้ เอาไว้กดข่มภูผีวิญญาณโดยเฉพาะ
เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้พิจารณากงจักรมหาประกายกาฬเหมือนกับได้รู้จักกันใหม่ ‘การคาดคะเนก่อนหน้านี้ของข้าถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ หากกงจักรมหาประกายกาฬไปอยู่ในระดับสูงสุด แสดงสิบสองวิชาประกายกาฬออกมาได้พร้อมกัน ก็จะสามารถใช้ความสามารถสิบสองชนิดได้!’
อีกทั้งแต่ละอย่างยังเป็นของแท้ ไม่ใช่อยู่ในระดับธรรมดา
ถ้าหากสุดท้ายประสบความสำเร็จตามอุดมคติในการสร้างของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยละก็…
‘จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยนเป็นคนที่ช่างคิดคนหนึ่ง’ เยี่ยนจ้าวเกอจุ๊ปากชมเชย ‘ถ้าหากเขาไม่ได้จากไปเร็วเกินไป ชื่อเสียงและความสำเร็จคงไม่ได้หยุดอยู่แค่ตอนนี้’
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการสมมติ
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ถ้าหากอิ่นเทียนเซี่ยยังมีชีวิตอยู่ หากคิดจะพัฒนาความสามารถ อันดับแรกต้องเผชิญกับปัญหาข้อหนึ่งก่อน
สิบสองวิชาประกายกาฬของเขา ได้ศึกษาจิตจริงแท้ของความไร้ขอบเขต
เมื่อมีคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ซึ่งเป็นคัมภีร์เล่มแรกในคัมภีร์นภาแรกเริ่มแห่งสายหยกพิสุทธิ์ เป็นภูเขาใหญ่กดทับศีรษะ มันจะตัดทางของเขาให้แคบลง ก้าวเท้าอย่างยากลำบาก
นอกเสียจากว่าอิ่นเทียนเซี่ยได้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ไม่อย่างนั้นเขาคิดจะแสวงหาความก้าวหน้า ย่อมลำบากยิ่งกว่าคนอื่นๆ
ถึงขั้นที่อาจจะหยุดอยู่ในระดับเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ไปตลอดชีวิต
ความคิดและอุดมคติที่อยู่ในกงจักรมหาประกายกาฬ บางทีอาจเป็นอิ่นเทียนเซี่ยใคร่ครวญและทดลองบางอย่างกับเส้นทางของตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าทางเลือกของตัวเองเป็นเส้นทางที่ลำบากที่สุดหรือ
เยี่ยนจ้าวเกอคิดว่าเขารู้ดี
แต่อิ่นเทียนเซี่ยยังคงเลือกเส้นทางนี้
ถึงแม้จะยากลำบาก มีความหวังริบหรี่ แต่เขาก็ยังคงทำลายข้อจำกัดของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แสวงหาวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
“ไร้ขอบเขต…” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำกับตัวเอง
สิบสองวิชาประกายกาฬเมื่อก่อนหน้าหน้าของเขา เน้นฝึกฝนวิชาสุดท้าย
วิชานี้คือไร้ขอบเขต
ในตอนแรกสุด เยี่ยนจ้าวเกอใช้ประโยชน์จากวิชาไร้ขอบเขตของสำนักประกายกาฬอำพรางรากฐานคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของตนเอง
หากยึดตามความคิดในตอนที่สร้างกงจักรมหาประกายกาฬขึ้นมา อิ่นเทียนเซี่ยย่อมอยากจะบรรจุดูดซับวิชาที่สูงส่งยิ่งกว่าวิชาไร้ขอบเขตของสำนักประกายกาฬ
ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ทั่วทั้งใต้หล้ายังมีสำนักใดที่ศึกษาจิตจริงแท้แห่งความไร้ขอบเขตได้เหนือกว่าคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต อันเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์อีกหรือ
เยี่ยนจ้าวเกอใช้กงจักรทองเป็นตัวสนับสนุน หลอมเปลี่ยนจิตแห่งพลังของคัมภีร์เทพพระอาทิตย์เข้าไปในกงจักรมหาประกายกาฬ กลายเป็นลวดลายของวิชาดวงอาทิตย์บนกงจักรมหาประกายกาฬ ก่อนจะสลักไปด้านใน ญาณจริงแท้ไหลออกไปเป็นจำนวนมากพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป
ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกหลุดพ้นหลังจากสู้กับฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ ในตอนที่เขายังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่ครอบครองวรยุทธ์มากมาย มีญาณจริงแท้เปี่ยมล้น มีความเร็วในการฟื้นปราณแข็งแกร่งแล้ว สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นน้อยยิ่ง
แต่ว่าผลลัพธ์ก็จะเห็นได้อย่างง่ายดายและชัดเจน
เยี่ยนจ้าวเกอชักมือของตัวเองกลับ กงจักรมหาประกายกาฬที่อยู่ตรงหน้ากลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าบนกงจักรเหล็กสีดำในตอนนี้ ด้านในรูหนึ่งมีแสงอาทิตย์จางๆ ส่องออกมา ดูสงบนิ่งยิ่ง
จิตแห่งพลังที่อยู่ด้านในแตกต่างกับคัมภีร์เทพพระอาทิตย์โดยสิ้นเชิง
หากดูจากรากฐาน ยังคงเป็นจิตของวิชาแห่งดวงอาทิตย์ วิชาอันดับที่หกในสิบสองวิชาประกายกาฬ แต่ว่าสูงส่งและบริสุทธิ์กว่าพื้นฐานเดิมที่มี
สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอปลาบปลื้มก็คือ ตอนนี้เมื่อตนสัมผัสกับกงจักรมหาประกายกาฬอีกครั้ง ของวิเศษชิ้นนี้ก็พอจะมีการตอบสนองอยู่บ้าง ไม่ได้หลับไหลอย่างเช่นก่อนหน้า
‘ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป กงจักรมหาประกายกาฬนี้ค่อยเชื่อมโยงกับตัวข้าอย่างแท้จริง เป็นเพราะข้ารับช่วงต่อจากจักรพรรดิประกายกาฬ เริ่มการเซ่นหลอมของวิเศษชิ้นนี้อย่างเป็นทางการ’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง หยิบของสิ่งหนึ่งออกมา
พัดห้าหงส์เพลิง อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของเนตรหงส์หยวนเสี่ยนเฉิง จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิ
หลังจากหยวนเสี่ยนเฉิงตาย อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ก็ตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
ในการต่อสู้โรมรันกันของจอมยุทธ์ ความเสียหายของศัตราวุธมีให้เห็นไม่น้อย
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าอยู่ในมือ จึงยึดของวิเศษและอาวุธของอีกฝ่ายมาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อวางค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งในการต่อสู้ที่เขารอบวง นอกจากพวกชิงซู่จื่อสามคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายแล้ว ล้วนมีผลลัพธ์ไม่สู้แต่ชนะกับศัตรูคนอื่น
ดังนั้นการอาละวาดในเขตเพลิงทักษิณในครั้งนี้ ขณะที่ผลการต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกอโดดเด่น ก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย สินสงครามมีนับไม่ถ้วน ได้กำไรเป็นเงินถุงเงินถัง
ต่อให้ไม่นับคนที่ฆ่าทิ้งในอารามเอกนิกาย เพียงแต่เริ่มจากตอนที่เขาอยู่ในเทือกเขายาวเหยียดบนเขตเพลิงทักษิณแล้วทะลวงกลับมา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่สังหารไปก็มีเกือบสิบกว่าคน
เป็นเพราะว่าขาดแคลนวัตถุดิบหลัก อาวุธศักดิ์สิทธิ์จึงหายาก ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนจำนวนมากจึงได้แต่ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางต่อ
โชคดีที่อีกฝ่ายซึ่งอยู่ในการต่อสู้บนเขามหาวิญญาณและเขารอบวงมีระดับไม่ต่ำต้อย อีกทั้งยังร่ำรวย
สุดท้ายแล้วพวกนักพรตตงเฉวียน จ้าวเจิน หยวนเสี่ยนเฉิง จางซู่เหริน เผิงเฮ่อ นักพรตเซียนหลาน และชิงซู่จื่อล้วนมอบสินสงครามที่มีระดับสูงให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอคนละชิ้น
นอกจากนี้แล้ว ก่อนการต่อสู้บนเขามหาวิญญาณ ระหว่างเดินทางไปยังบริเวณเทือกเขายาวเหยียด เยี่ยนจ้าวเกอยังสังหารจอมยุทธ์ทิศใต้ไปนับไม่ถ้วน มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสองชิ้นตกมาอยู่ในมือ
เมื่อนับดาบอีกาทองผลาญฟ้าที่ยึดจากเขาสามขาในอารามเอกนิกายแล้ว การเดินทางในครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอได้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงมาทั้งสิ้นสิบชิ้น!
………………..