ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1024 บางเรื่องควรกระทำ บางเรื่องไม่ควรกระทำ
ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่กับประมุขบูรพานักพรตเทียนอี้คุมเชิงกันอยู่บนท้องฟ้า
ใกล้ๆ กันนั้น ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินกับประมุขทักษิณจวงเซินยืนเคียงไหล่ก้มมองเขากว่างเฉิง ซึ่งตั้งตระหง่านบนน่านน้ำของดินแดนจิตคุณธรรมด้านล่าง
ประมุขประจิมหลางชิงปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันบนผิวทะเล ประสานสายตากับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยที่อยู่บนยอดเขานภากาศของเขากว่างเฉิง
แรงกดดันที่หกประมุขในหมู่คนนำมา อย่าว่าแต่ดินแดนจิตคุณธรรมที่เขากว่างเฉิงตั้งอยู่ ทะเลหวงเจียทั้งผืนในตอนนี้เหมือนกับผนึกแข็ง
คลื่นบนทะเลราบเรียบราวกับผิวกระจก
การกระเพื่อมในยามปกติหยุดลงโดยสมบูรณ์ มหาสมุทรเหมือนกับกลายเป็นแผ่นดิน
กลิ่นอายที่แข็งแกร่งกวนคนมิติเวลา ก่อเกิดเป็นเงาบนทะเลหวงเจีย
จอมยุทธ์ส่วนใหญ่บนพื้นที่ของเขตตะวันอาคเนย์และเขตเพลิงทักษิณที่อยู่ติดกัน มองเห็นเหตุการณ์ในทะเลหวงเจีย
ทุกคนมองพวกจวงเซินกับเฉาเจี๋ยอย่างตะลึงลาน พูดอะไรไม่ออก
แม้ว่าจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่การมารวมตัวกันบนทะเลหวงเจียของยอดฝีมือระดับสุดยอดจำวนมากขนาดนี้ ยังบันดาลให้คนที่ชมดูรู้สึกสั่นสะท้าน
สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบ
คำพูดนี้หมายถึงตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน
การกำหนดรูปเช่นนี้มีมานานมากกว่าพันปี ได้ซึมซาบสู่จิตใจคน
เนื่องจากเหตุผลมากมาย ในกาลเวลาอันยาวนานจึงเคยมีการสับเปลี่ยนคนในบรรดาสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิและประมุขทั้งสิบมาก่อน
นอกจากตัวอย่างที่พิเศษถึงขีดสุดแล้ว จักรพรรดิ กษัตริย์ และประมุข มีช่วงเวลาที่มีคนน้อย แต่ไม่มีช่วงเวลาที่มีคนเกิน
อย่างเช่นในตอนที่คุณชายฟ้าเฉินกานหัวยังไม่ได้เลื่อนเป็นระดับประมุขเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน โลกซ้อนโลกเคยมีช่วงสั้นๆ ที่มีประมุขเก้าคน
จนกระทั่งเฉินกานหัวได้แสดงความสามารถน่าตื่นตะลึง ปีนถึงฟากฟ้าในก้าวเดียว ประมุขทั้งสิบจึงค่อยมีชื่อพ้องกับความจริง
ส่วนใหญ่แล้วในยามปกติ ประมุขแต่ละคนจะแยกกันอยู่บนดินแดนของใครของมัน นานๆ ครั้งถึงจะออกมาด้านนอก
ทว่าในปัจจุบันกลับมีประมุขถึงหกคนมารวมตัวกันบนเขากว่างเฉิง
หลายปีมานี้ นอกจากการไปยังเขาคุนหลุนในเขตมหานภากลางพร้อมหน้ากันแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด
กระนั้นต่อจากนี้ก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดสงครามใหญ่ของโลกซ้อนโลก ที่หลายปีมานี้หายากยิ่ง
สงครามระหว่างจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุข ผู้เป็นมนุษย์เซียน
ถึงแม้ว่าจะมีแค่ประมุขอิสานกับประมุขบูรพาที่แสดงสภาวะออกมาทั้งหมด พวกเฉาเจี๋ยและจวงเซินสี่คนยังไม่ได้ลงมือ แต่ในตอนนี้ คนของเขากว่างเฉิงที่สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสั่นสะท้าน ก็เกิดความหวาดกลัวขึ้น
ครั้งนี้บนเขากว่างเฉิงยังมีแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์กับยอดฝีมือระดับสุดยอดในฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ที่รับคำเชิญมา ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน
กระนั้นแม้ว่าจะเป็นพวกเขา พอได้สัมผัสได้ถึงแรงกดดันนั้น ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่อย่างนั้นมีแต่ทางตายสถานเดียว
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุข ร่างของมนุษย์เซียน
ไฉนจึงเป็นมนุษ์เซียน
อยู่ต่ำกว่าเซียน อยู่เหนือมนุษย์ ไม่ได้สำเร็จเป็นเซียน และไม่ใช่มนุษย์
มนุษย์ที่ใช้โอกาสน้อยนิดทดลองสู้กับตัวตนระดับจักรพรรดิได้ มีแต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คน
สำหรับพวกเขาแล้ว การก้มมองจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ใกล้เคียงกับการที่จักรพรรดิระดับเซียนก้มมองจอมยุทธ์ที่เป็นมนุษย์
นอกจากประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยแล้ว ตอนนี้บนเขายังมีคนอีกสองคนที่เยือกเย็น สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูก
“ยอดฝีมือระดับประมุขทุกท่านเดินทางมาไกลเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดสำนักในวันนี้ของเขากว่างเฉิง ข้าผู้แซ่เยี่ยนขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย” เยี่ยนตี๋มีสีหน้าเฉื่อยชา สายตาดุดันน่ากลัว
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา จวงเซิน หลางชิง นักพรตเทียนอี้ เลี่ยนจู่หลินล้วนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เยี่ยนจ้าวเกอบุตรของท่านไปเยือนเขตเพลิงทักษิณของข้า นำสิ่งของไปไม่น้อย” จวงเซินเอ่ยอย่างเย็นชา “วันนี้ที่มาเพื่อจะมอบของขวัญให้แก่กว่างเฉิงของท่าน”
เขามองไปยังประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย “เฉาเจี๋ย ระหว่างเรานอกจากความแค้นในวันวานแล้ว สิ่งที่ข้าต้องการก็คือกระดูกหงส์อมตะท่อนนั้น สามารถมาตัดสินชนะแพ้ได้”
“แต่วันนี้ข้าไม่คิดจะพูดกับเจ้าเรื่องนี้ เรื่องที่ข้าต้องการทำมีเพียงแต่การทำลายเขากว่างเฉิง และเอาชีวิตของเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น ถ้าเจ้าขวางข้า วันนี้พวกเราจะได้เห็นดีกัน!”
เฉาเจี๋ยได้ยินก็เอ่ยอย่างเรียบเฉย “เข้ามาได้เลย”
จวงเซินพยักหน้า “ประเสริฐนัก”
จากนั้นเขาก็ย้ายสายตาไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ จับจ้องอยู่เนิ่นนานค่อยเอ่ยว่า “คนหนุ่มผู้นี้โดดเด่นนัก เสียดายที่วันนี้ข้าจะต้องเอาชีวิตโจรน้อยเช่นเจ้าไป
“คนที่ฆ่าคน สุดท้ายย่อมทุกฆ่า หลักการนี้ใช้ได้กับทุกคน” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ใช้กับคนของเนินต้นจักรพรรดิได้ ใช้กับข้าได้ และใช้กับท่านได้เช่นกัน”
จวงเซินว่า “ไม่ผิด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถ”
ประมุขประจิมชิงหลางยามนี้มองประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ “เฒ่าหลิว ท่านมาเกลือกกลั้วกับปลักน้ำนี้อีกทำไม”
“ไม้องเอ่ยถึงว่าจวงเซินกับเจ้าล้วนมีความแค้นกับเขากว่างเฉิง” หลิวเจิงกู่เสียงดุจระฆังใหญ่ “ไฉนเทียนอี้กับเลี่ยนพายัพจึงมา ข้ามาเพราะสาเหตุตรงกันข้ามกัน”
ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินที่ตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้นก็เงียบเสียงมาโดยตลอดพลันโพล่งว่า “อย่าเอาข้าไปรวมกับพวกท่าน”
“ผู้สืบทอดของหูเยว่ซินได้อะไรไปจากจักรพรรดิประกายกาฬ ข้าไม่สนใจ แต่ว่าของวิเศษของทะเลสีชาดตกอยู่ในมือพวกเขา ข้าต้องทวงกลับมา”
หลางชิงกล่าว “หาเป็นไรไม่ ผลลัพธ์ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน”
เขามองหลิวเจิงกู่และเฉาเจี๋ย “ก่อนหน้านี้ยังแค่ดูแลอย่างลับๆ แต่ตอนนี้พวกท่านสองคนกลับช่วยเหลือผู้สืบทอดของหูเจิดจรัสอย่างเปิดเผยหรือ”
จักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซิน อาจารย์ปู่น้อยของเสวี่ยชูฉิงมารดาของเยี่ยนจ้าวเกอ หายสาปสูญไปจากบันทึกประวัติศาสตร์ของโลกซ้อนโลก เป็นจักรพรรดิผู้หนึ่งที่คนรุ่นหลังไม่รู้จัก
“ตอนนี้พวกท่านเท่ากับหันหลังให้แก่ความต้องการของกษัตริย์ดินอย่างโจ่งแจ้งแล้ว” นักพรตเทียนอี้กล่าวอย่างแช่มช้า
หลิวเจิงกู่แค่นเสียง “ไม่ต้องพูดไร้สาระ กษัตริย์ดินที่แล้วมาไม่เคยบอกให้ตามจับเสวี่ยชูฉิง”
หลางชิงเอ่ยอย่างเรียบเฉย “กษัตริย์ดินไม่คิดเอาเรื่องคนรุ่นหลัง แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องที่สุดท้ายยังต้องจัดการ พวกเราย่อมควรลงมือ ไหเลยต้องมีคำสั่งของกษัตริย์ดิน”
“บางครั้งก็ถูกต้อง” หลิวเจิงกู่ไม่เถียง สายฟ้าเคลื่อนไหวทั่วร่าง “แต่ว่าก็มีเรื่องบางเรื่องควรทำ และบางเรื่องไม่ควรกระทำ”
จวงเซินเงยหน้ามองท้องฟ้า ระบายลมหายใจ “คนมีชีวิตอยู่ มีเรื่องบางเรื่องควรทำ บางเรื่องไม่ควรกระทำจริงๆ”
“มีแค้นบางอย่างที่จำเป็นต้องชำระ”
ว่าแล้วสภาวะทั่วร่างของเขาก็พลันเปลี่ยน เพลิงโหมม้วนคลุม หงส์อมตะเพลิงกระพือปีก พิรุณเพลิงมากมายล่วงใส่เขากว่างเฉินด้านล่าง!
ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินสบตากับนักพรตเทียนอี้ “บุญคุณความแค้นกับหลิวอิสานและเฉาอาคเนย์ พวกท่านจัดการเอาเอง แต่คนที่เกี่ยวข้องกับเสวี่ยชูฉิงเป็นของข้า”
เสื้อกันลมที่ปกคลุมร่างอ้อนแอ้นของนางพลันเปิดออก
ท้องทะเลไร้สิ้นสุด เป็นสีชาด แผ่พุ่งออกมา ปกคลุมท้องฟ้าคล้ายกับกว้างใหญ่ยิ่งกว่าทะเลหวงเจีย
เมื่อถูกทะเลสีชาดปกคลุม ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็คล้ายกับควบคุมความเป็นความตายไม่ได้
ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินมาจากทะเลสีชาด ซึ่งเป็นสายสืบทอดของเทพชื่อจิงจื่อ ยอดฝีมือผู้มีความสามารถในตำนานซึ่งว่ากันว่าเป็นลูกศิษย์ของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดบรมครูสายหยกพิสุทธิ์
ฝึกหยินหยาง ควบคุมเป็นตาย ลี้ลับไร้สิ้นสุด
การสืบทอดอีกครั้งหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ก่อเกิดเป็นความสามารถที่โหดเหี้ยมอำมหิตมากมาย
เลี่ยนจู่หลินแม้เป็นศัตรู แค่ความดุร้ายของวิชาฝีมือถูกจัดอยู่ในแถวหน้าท่ามกลางประมุขทั้งสิบ
นางพอลงมือ ยังน่ากลัวยิ่งกว่าประมุขทักษิณจวงเซินเสียอีก!
‘ไม่มีประมุขคนไหนที่รับมือได้ง่ายๆ จริงๆ’ ใต้การครอบคลุมของทะเลสีชาด เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าจิตใจที่ปั่นป่วนของตัวเองเหมือนกับกำลังจะหลุดออกจากกายเนื้อ ถูกคนกระชากออกไปจากร่าง
………………..