ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1031 หงส์อมตะผู้อัปยศ
ยอดฝีมือชิงชัย มักตัดสินกันชั่วพริบตา
ความแตกต่างเพียงแค่เล็กน้อย อาจจะตัดสินทิศทางการสู้รบและผลแพ้ชนะในตอนสุดท้ายได้
หลายๆ ครั้งพลังที่แท้จริงของสองฝ่าย อาจจะต่างกันไม่มาก หรือถึงขั้นที่คล้ายกัน แต่ว่าหากพลาดไปเพียงก้าวเดียว ก็เสี่ยงแพ้ทั้งกระดานทันที
อย่างเช่นที่ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินไม่รู้ว่าเยี่ยนตี๋มีเมฆแปลงกำเนิดคุ้มครอง จนถูกเยี่ยนตี๋ฟันใส่
และเหมือนกับจวงเซินในตอนนี้เช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาชนะ แต่ว่าป้องกันเหนียวแน่น ก็คงจะไม่พ่ายแพ้อนาถเช่นนี้
จวงเซินรับการโจมตีจากตราประทับตะวัน ถูกกระแทกศีรษะแตกเลือดอาบ เห็นดาววนเวียน
เขาเป็นคนที่ผ่านสงครามมานับร้อย รู้ว่าดีเป็นอย่างยิ่งว่าตอนนี้ยิ่งต้องปักหลักให้มั่นคงกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันไล่ตาม กระแทกลงมาอย่างต่อเนื่อง เขาก็อาจไม่มีโอกาสได้โต้ตอบอีก ถูกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนควงหมัดต่อยตายไปอย่างเลอะเลือนเช่นนี้
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ปล่อยให้เขาสมหวัง โจมตีด้วยท่าสังหารมังกรเขียวมาอย่างรวดเร็ว
จวงเซินได้แต่ฝืนต้าน ปราณกระบี่อันโหดเหี้ยมทำลายญาณจริงแท้ของเขาอย่างต่อเนื่อง
คลื่นบุญบารมีแตกออก แสงม่วงบารมีจางลง ปฐพีอานิสงส์เสริมกำลังสุดชีวิต แต่กลับมีความรู้สึกไม่อาจใช้ได้ดั่งใจนึก
ปราณขาวกุศลซ่อนเริ่มแสดงความสามารถ หาโอกาสรอดชีวิตให้แก่จวงเซิน
หลังจากป้องกันสังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอไว้ได้ ตราประทับตะวันที่น่าพรั่งพรึงนั้นก็ร่วงลงมาอีก
จวงเซินเรียกต้นจักรพรรดิสีทอง ฝืนป้องกันตราประทับตะวันอีกครั้งหนึ่ง แต่ต้นจักรพรรดิต้นนี้เชื่อมจิตกับเขา ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้แม้แต่กิ่งใบของต้นจักรพรรดิสีทองก็แห้งเหี่ยวเล็กน้อย พลันตกลง
หนึ่งเพิ่มหนึ่งลด ตราประทับตะวันทรงอานุภาพมากกว่าเดิม กดต้นจักรพรรดิสีทองต้นนั้นให้จมลงอย่างต่อเนื่อง เข้าใกล้กับจวงเซินมากขึ้น
หลางชิง เลี่ยนจู่หลิน และนักพรตเทียนอี้ที่อยู่รอบๆ เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว
ในกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ที่จริงแล้วประมุขประจิมหลางชิงความสามารถช่วยเหลือจวงเซินได้ เพราะเขามีความเร็วสูงสุด แม้ว่าจะทำอะไรประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยไม่ได้ แต่หากเขาคิดจะช่วยพวกจวงเซิน เฉาเจี๋ยที่ใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะขัดขวางได้ทันเวลาทุกรอบ
ในตอนที่สู้กันเมื่อครู่ เขาได้ช่วยเลี่ยนจู่หลินไปหลายหน ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสออกกระบวนท่าแค่ครั้งเดียวก็ถูกเฉาเจี๋ยพัวพันไว้ใหม่ แต่เพราะขัดขวางและปั่นป่วนการโจมตีของเยี่ยนตี๋ได้หลายครั้ง เลี่ยนจู่หลินที่ได้รับบาดเจ็บจึงตั้งตัวได้ใหม่
ประมุขประจิมหลางชิงกระตุ้นความสามารถเคลื่อนย้ายมิติของตัวเองถึงขีดสุด ร่างเหมือนกับคงอยู่ทุกที่ อีกทั้งยังยากตรวจจับ ทำให้ผู้คนยากจะคาดเดาว่าครั้งหน้าเขาจะโผล่ขึ้นตรงไหน นับว่าเขาดูแลสนามรบได้ทั่วถึงทีเดียว
นอกจากประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินแล้ว นักพรตเทียนอี้ ประมุขบูรพาก็ได้รับการช่วยเหลือจากหลางชิงเช่นกัน
มีแต่ทางประมุขทักษิณจวงเซินเท่านั้น ที่หลางชิงดูแลไม่ถึง
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการ แต่เพราะว่าเยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยางได้ไม่ธรรมดา แตกต่างกับเยี่ยนตี๋ที่ศึกษาคัมภีร์นภาหยินหยางเพื่อเพิ่มระดับจิตดาบของตัวเอง และเร่งความเร็วการฟื้นปราณของตัวเอง
อีกอย่างหนึ่งก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอมีความเชี่ยวชาญในคัมภีร์นภาหยินหยางล้ำลึกมากกว่าเยี่ยนตี๋
เหมือนกับไม่ว่าจะเป็นเฉาเจี๋ยหรือหลิวเจิงกู่ ต่างก็ไม่คิดจะกลุ้มรุมประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลิน
หากใช้ดัชนีหยินหยาง นอกเสียจากอีกฝ่ายจะมีพลังแกร่งกว่าอย่างชัดเจน หรือว่าทำลายรยุทธ์อย่างดัชนีหยินหยางได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่กลัวเกรงถูกศัตรูกลุ้มรุม
ถ้าหลางชิงโจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ หากว่าเป็นสภาวะโจมตีที่ต่อเนื่องไม่ขาดสายยังพอทำเนา แต่ถ้าเป็นกระบวนท่าที่เว้นช่วง ก็รังแต่จะทำให้เยี่ยนจ้าวเกอนำสะท้อนการโจมตีของเขาเข้าใส่จวงเซิน เป็นการซ้ำเติมประมุขทักษิณ
‘ยังมีวิธีการทำลายสถานการณ์อีกอย่างหนึ่ง…’ หลางชิงตาเป็นประกายเล็กน้อย
อีกด้านหนึ่ง จวงเซินประมุขทักษิณที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอกดดัน ดวงตาก็เป็นประกายเช่นกัน
ในที่สุดตราประทับตะวันด้านบนก็กดต้นจักรพรรดิสีทองสำเร็จ ร่วงลงมาอีกครั้ง
จวงเซินที่จดจ่อกับการรับมือสภาวะโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอ รับตราประทับตะวันไปอีกครั้ง ร่างกายซีกหนึ่งของเขาแทบกลายเป็นตอตะโกเพราะการโจมตีนี้ ทุกอย่างล้วนอาศัยปราณขาวกุศลซ่อนและแสงม่วงบารมี จึงรอดพ้นจากความตายมาได้
ทว่าในตอนนั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้ลงมือต่อ แต่ว่าใช้หมัดแปลงกำเนิดสะกดจวงเซินเอาไว้ จากนั้นเขาค่อยแบ่งสมาธิไปกระตุ้นตราประทับตะวัน ให้เปลี่ยนไปโจมตีใส่นักพรตเทียนอี้ ประมุขบูรพาที่อยู่อีกด้าน!
พอชายหนุ่มทำเช่นนี้ ทุกคนล้วนตะลึงลาน
ผู้ที่ชมดูการต่อสู้ล้วนประหลาดใจเหลือแสน ไม่เข้าใจว่าไฉนเยี่ยนจ้าวเกอจึงละทิ้งจวงเซินที่ได้รับบาดเจ็บ ไปจู่โจมนักพรตเทียนอี้แทน
หลักการทำให้สิบนิ้วเสียหายมิสู้หักทิ้งนิ้วหนึ่ง ทุกคนล้วนเข้าใจดี
นั่นถึงอย่างไรก็เป็นประมุขทักษิณผู้มีร่างแห่งมนุษย์เซียน ต่อให้ได้รับบาดเจ็บ พลังก็ไม่ธรรมดาอยู่ดี
ผู้ชมต่างไม่เข้าใจ ส่วนยอดฝีมือที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น กับสาดประกายออกจาดวงตาพร้อมกัน
“ประเสริฐนักเด็กน้อย เยือกเย็นยิ่ง” ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่โห่ร้องชมเชย “เก็บเขาไว้สู้ในตอนสุดท้านย”
ในกลุ่มคนที่ชมการต่อสู้บนเขากว่างเฉิง ยามนี้มีคนรู้สึกตัวแล้ว “เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะทำให้ประมุขทักษิณดับสิ้น!”
หนึ่งถ้อยคำไขความลับแห่งฟ้านี้ ทำให้ทุกคนเข้าใจในทันที
จอมยุทธ์จากเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์หากดับสิ้นแล้วคืนชีพ พลังฝึกปรือของคนจะไม่แตกต่างกับตอนก่อนจะคืนชีพ ไม่ได้แค่รักษาชีวิตไว้ได้เพียงอย่างเดียว นอกเสียจากว่าก่อนดับสิ้นได้ถูกพลังจำพวกค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งลดทอน ไม่อย่างนั้นหากได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็จะหายดีเป็นปลิดทิ้ง อยู่ในสภาพสูงสุดยามที่ตนปกติ
เยี่ยนจ้าวเกอสังหารจวงเซินในตอนนี้ สุดท้ายจวงเซินดับสิ้นแล้วคืนชีพ อาหารบาดเจ็บหายไปหมด ฮึกเหิมเหมือนมังกรพยัคฆ์อีกครั้ง
ถึงตอนนั้น จวงเซินที่ได้รับบทเรียนในครั้งนี้แล้วย่อมไม่เสี่ยงอีก เพียงรับมืออย่างมั่นคง ค่อยเป็นค่อยไป
ไม่เพียงแค่นั้น เนื่องจากอารการบาดเจ็บของเขาหายดี ต้นจักรพรรดิสีทองที่ตอนนี้อ่อนแอก็จะฟื้นคืนพลังตอนยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์คืนมาได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะสร้างผลการรบเช่นก่อนหน้าก็ไม่ง่ายแล้ว
การทิ้งจวงเซินที่ได้รับบาดเจ็บไว้ในตอนนี้ พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายจะต้องอ่อนแอกว่าตอนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอสามารถถ่วงแข้งถ่วงขาเขาไว้ได้โดยสมบูรณ์ ก็สามารถแบ่งสมาธิไปช่วยคนอื่นๆ ต่อสู้กับพวกหลางชิง นักพรตเทียนอี้ และเลี่ยนจู่หลินได้
รอหลังจากพวกเขาสามคนตายหรือล่าถอย ค่อยหันไปสู้กับจวงเซินก็พอ
“นอกจากอายุขัยจะหมดลง ดาบอัคคีดับสิ้น หงส์อมตะไม่อาจฆ่าตัวตาย” เยี่ยนจ้าวเกอมองจวงเซินอย่างเฉยชา “ท่านฝึกฝนม้วนคัมภีร์ร่างหงส์อมตะ กลับได้รับการจำกัดจากมัน”
จวงเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา ไม่กล่าววาจาสักคำเดียว
ประมุขประจิมหลางชิงขมวดคิ้ว ‘สะพานเซียนเอาชนะประมุขได้ ถือว่ามีเกียรติเหลือคณา เด็กน้อยเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ถึงกับรักษาสภาพจิตใจไว้ได้ ยังคงเยือกเย็นไม่ประมาท ทำให้วิธีการแก้ไขสถานการณ์นี้ไม่อาจใช้ได้ มิน่า…มิน่าถึงได้เดินมาถึงวันนี้ แค่พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์กับของวิเศษไม่อาจฟูมฟักออกมาได้แล้ว’
หลางชิงรอบถอนใจ ร่างพลันหายไปจากที่เดิม แทบจะไร้การขวางกั้นจากกาลเวลา ขณะที่หายตัวไปก็โผล่ขึ้นอีกด้านหนึ่ง
เขาคิดจะใช้คมดาบโปร่งใสไร้รูปร่างที่เกิดจากการผนึกรวมของมิติ ขัดขวางตราประทับตะวันแทนนักพรตเทียนอี้
ทว่าครั้งนี้คมกระบี่ของประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยออกทีหลังแต่ถึงก่อน ป้องกันดาบมิติของหลางชิงเอาไว้
………………..