ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1049 สาเหตุการไล่ล่าเสวี่ยชูฉิง
สือจวินหลับตานั่งขัดสมาธิ บนหน้าผากของเขาในตอนนี้ปรากฏตราประทับประหลาดอันหนึ่ง
มันเป็นตราผนึกที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ หลังจากได้รับการกระตุ้นจากเจี่ยหมิงคงจักรพรรดิดี ก็ผนึกตัวกันแล้วปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง
เจี่ยหมิงคงยังคงอยู่ในชั้นน้ำแข็ง ราวกับกำลังหลับใหล แต่ว่าแสงบนผิวรูปสลักน้ำแข็งกลับส่องสว่างไม่ดับ
อีกด้านหนึ่ง บนหน้าผากของอิ๋งอวี่เจินที่อยู่ในโลกศพน้ำแข็งก็มีตราประทับอันหนึ่งคงอยู่เช่นกัน ทว่าลวดลายแตกต่างกับตราประทับบนหน้าผากของสือจวิน แต่ล้วนมีปราณมารน่าสยดสยองไหลออกมาจากด้านใน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเงียบเสียงอยู่ด้านข้าง ทางหนึ่งสังเกตตราประทับเหล่านั้น ทางหนึ่งรอคอย
ครู่ต่อมา แสงบนผิวรูปสลักน้ำแข็งก็เริ่มหายไป ตราประทับบนหน้าผากของสือจวินและอิ๋งอวี่เจินหายไปชั่วคราว
“น่าละอายนัก ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร” เสียงของจักรพรรดินีดังขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินกลับตาเป็นประกายเล็กน้อย ‘เซียนจริงแท้เองก็มองรากฐานของมันไม่ออก จอมมารที่มีความสามารถเพียงนี้ย่อมไม่ธรรมดา เช่นนี้ขอบเขตข้อสงสัยก็ลดลงอีก’
จักรพรรดินีนี้สรุปคล้ายๆ กัน “ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักเต๋าหรือศาสนาพุทธต่างทำลายมารอยู่ตลอดเวลา จอมมารในนพยมโลกถูกสังหารไปมากมาย นพยมโลกก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ บาดเจ็บล้มตายไปมากเช่นกัน”
ถึงแม้ว่ามารจะตายแล้วเกิดใหม่ได้ โอ้อวดว่าตนไร้วันตาย แต่เรื่องราวในโลกล้วนไม่แน่นอน การทำลายมารไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“จอมมารแห่งนพยมโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันยังมีจำนวนจำกัดอยู่” จักรพรรดินีกล่าวอย่างแช่มช้า “แต่ต่อให้กำจัดจอมมารเหล่านี้ไป ก่อนที่จะตาย พวกมันจะมีแผนการตามหลัง เพื่อคืนชีพขึ้นหลังความตาย”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย
ความจริงแล้วนี่เป็นความคาดเดาของเขาก่อนหน้าวันนี้ ในที่สุดมันก็ได้รับการยืนยันแล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่า ความสามารถที่อยู่บนตัวสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินมาจากเทพมารตนไหน
เยี่ยนตี๋มองเนี่ยจิงเสิน ไป๋เทา และหวังผู่ “มารดาของจวินเอ๋อร์เป็นลูกหลานของศิษย์พี่ของข้า ศิษย์พี่ท่านนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว ข้าจึงดูแลลูกหลานของเขาอย่างเต็มที่ รอหลังจากศิษย์พี่เยว่กลับมาจากมิติต่างแดน อาจจะต้องของรบกวนให้เขาช่วยตรวจสอบดู”
ไป๋เทาว่า “อาจารย์อาเยี่ยนให้ความสำคัญกับน้ำใจ เชื่อว่าท่านอาจารย์จะเข้าใจ”
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยไม่ใช่ว่าตั้งใจฝึกฝนมาตลอดพันปี เพื่อบุตรกำพร้าของอาจารย์ผู้มีพระคุณของตนหรอกหรือ
“นอกจากนี้หากพูดจากอีกมุมหนึ่ง เรื่องราวยังเกี่ยวพันถึงนพยมโลก ท่านอาจารย์ไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆ แน่” ไป๋เทากล่าวเสริม “แม้จะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับอาจารย์อาเยี่ยนท่าน ท่านอาจารย์ก็จะถามไถ่เรื่องนี้อยู่ดี ถึงอย่างไรจอมมารแห่งนพยมโลกที่เกี่ยวข้องก็น่าจะแข็งแกร่งมาก”
หวังผู่ครั้งนี้เอ่ยขึ้น “ถ้าหากทำได้ อย่าเพิ่งไปบอกใคร รอท่านอาจารย์กลับมาค่อยว่ากล่าว”
คนของเขากว่างเฉิงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเชื่องช้า
“และถ้าหากทำได้ ก็อยากจะให้ศิษย์น้องเล็กกับมารดาของเขากลับไปยังที่ยอดเขาเป่ยเกาบนในเขาคุนหลุนพร้อมกับพวกเราด้วย” ไป๋เทาเอ่ย “ตราประทับของจอมมารนี้ ไม่มีผู้ใดทราบว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตอนไหน”
หลังจากกลับเขาคุนหลุน หากเกิดเรื่องขึ้นก่อนที่กษัตริย์กระบี่จะกลับมา จักรพรรดินีที่อยู่ใกล้ๆ ย่อมสามารถจัดการช่วยเหลือได้
ถ้าหากจักรพรรดินีจัดการไม่ได้ ในตอนที่เรื่องราวตึงมือ กษัตริย์เร้นลับที่ปกติแล้วเร้นกายในเขาคุนหลุนก็สามารถลงมือได้
เยี่ยนตี๋กล่าว “เกรงว่าจะเพิ่มภาระให้แก่เขานครหยก ยังต้องรับความเสี่ยงอีก”
“หาเป็นไรไม่” หวังผู่ส่ายหน้า “ถ้าหากว่ามีอันตรายจริงๆ ความเป็นไปได้ที่เขาคนหลุนจะถูกควบคุมไว้ได้ก็มีมากกว่าทางเขตตะวันอาคเนย์ เมื่อมีจักรพรรดินีหรือกษัตริย์เร้นลับลงมือ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นก็จะลดน้อยกว่าเดิม”
เยี่ยนตี๋ใคร่ครวญครู่หนึ่ง จากนั้นก็ประสานมือคารวะ “เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ขอรบกวนทุกท่านแล้ว”
พวกไป๋าเทาบอกไม่กล้า จักรพรรดินีที่อยู่ในผนึกน้ำแข็งไม่กล่าววาจาใด เพียงแสดงท่าทีเห็นด้วย
สือจวินได้ยินดังนั้น ก็เกิดอาการไม่อยากจากสำนักไปอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงว่าเป็นการทำเพื่อตนเองกับมารดา ก็ไม่ได้โต้แย้ง ยอมรับคำสั่งโดยดี
หลังจากจัดการเรื่องสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินแล้ว การสนทนาของทุกคนก็จบลงชั่วคราว
หลังจากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋เดินทางไปยังที่พักแขก เพื่อเยี่ยมเยือนประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยเป็นการส่วนตัว
เฉาเจี๋ยพอพบหน้า ก็ทราบถึงเจตนาของพวกเขาทันที
“ครั้งนี้ที่มาก็เพราะเรื่องของมารดา ประมุขอาคเนย์โปรดบอกกล่าวด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอพูดเข้าประเด็นทันที
เฉาเจี๋ยมองเยี่ยนตี๋แวบหนึ่ง “อืม ถึงแม้ว่าท่านจะยังไม่ได้เลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมีเมฆแปลงกำเนิดก็สมควรไม่เป็นไร เพียงแต่เจ้า…”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ อดถอนใจไม่ได้
“ความเป็นห่วงของประมุขอาคเนย์ ข้าน้อยซาบซึ้งยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย เอ่ยว่า “แต่ว่าบางทีอาจเป็นเพราะเรื่องกงจักรมหาประกายกาฬ หรือวิชาไร้ขอบเขตอันเป็นวิชาสุดท้ายในสิบสองวิชาประกายกาฬ แม้ข้าจะไปยังโถงเซียนมาแล้ว และได้ทราบชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แต่ก็ไม่มีความผิดปกติใด น่าจะไม่ถูกชำระล้างและเกิดแสงศรัทธาไปทั้งอย่างนี้”
เฉาเจี๋ยประหลาดใจเล็กน้อย “ยอดฝีมือที่บรรลุสิบสองวิชาประกายกาฬ และอยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นประมุขในอดีตกลับไม่อาจรอดพ้นได้ กงจักรมหาประกายกาฬยังไม่กลายเป็นอาวุธเซียน แต่กลับมีความสามารถถึงเพียงนี้เลยหรือนี่”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ข้าไม่กล้ายืนยัน แต่โถงเซียนกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณนั่นมีความน่าอัศจรรย์เช่นนี้จริงๆ หรือ เพียงแค่ทราบชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็จะเกิดเงาขึ้นในก้นบึ้งจิตใจ สามารถชำระล้างพวกเราได้แล้วหรือนี่ ถึงจะเป็นพระศรีอาริย์ที่ถือกำเนิดมามากกว่าหนึ่งหมื่นปี ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้”
ก่อนหน้านี้เขาสนทนากับเฉาเจี๋ย อีกฝ่ายได้รู้แล้วว่าเขารู้จักแดนสุขาวดีของศาสนาพุทธในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อของพระศรีอาริย์ก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร
เยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงความสงสัยในใจ ฝ่ายเฉาเจี๋ยกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น โลกซ้อนโลกก็ไม่จำเป็นต้องห้ามการเผยแพร่ข้อมูลของโถงเซียนเหมือนกับป้องกันอสรพิษเช่นนี้ สาเหตุที่แม้แต่ข้อมูลของศาสนาพุทธก็มีการห้ามไปด้วย ความจริงเป็นเพราะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียน ทางด้านโถงเซียนกับแดนสุขาวดีมีความเชื่อมโยงกันมากมาย มีหนึ่งก็มีสอง แม้จะเป็นศัตรู แต่ก็เป็นหนูตะเภาเดียวกัน ดังนั้นจึงห้ามการเผยแพร่ข้อมูลทั้งคู่”
เฉาเจี๋ยเงยหน้าเล็กน้อย เอ่ยว่า “เหตุใดเทวกษัตริย์ไร้ประมาณจึงมีความน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ตัวข้าเองก็ไม่ทราบ”
เยี่ยนตี๋ถาม “ในตอนที่ข้าพบกับชูฉิง อย่าว่าแต่ประมุข แม้แต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ยังห่างไกล เช่นนั้นนาง…”
“นางเป็นกรณีพิเศษ” เฉาเจี๋ยว่า “อาจารย์ของนางได้มอบของวิเศษอย่างหนึ่งให้แก่นาง มันสามารถปกป้องนางไม่ให้ถูกชำระล้างเพราะทราบชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณได้”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “อ้อ ของวิเศษเช่นนี้หายากนัก”
“เป็นผังเหอถูครึ่งหนึ่ง!” เฉาเจี๋ยผงกหัว
เยี่ยนจ้าวเกอถูมือกล่าว “เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว”
ผังเหอถู ตำราลั่วซูซึ่งเป็นของวิเศษในตำนานได้เหลือเรื่องเล่าไว้นับไม่ถ้วน เพียงแต่ได้หายสาปสูญไปก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นานหลายปี นึกไม่ถึงว่ามารดาของตนจะมีผังเหอถูครึ่งหนึ่ง
ชายหนุ่มยักหน้าเงียบๆ “มารดาของข้า…หรือจะบอกว่าจักรพรรดิประกายกาฬในอดีต กับจักรพรรดิเจิดจรัส อาจารย์ย่าของมารดาข้ามีเรื่องอะไรกับโถงเซียนกันแน่”
“เรื่องยาวมาก” เฉาเจี๋ยสีหน้าซับซ้อน “สรุปง่ายๆ ก็คือ ล้วนเพราะของชิ้นหนึ่ง”
………………..