ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1069 คนคลุ้มคลั่งที่ยากคาดเดา
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างรู้สึกผิด ความหมายในวาจาหมายถึงว่าเกิดภัยซ่อนเร้นขึ้นกับตัวฟู่ถิง เพราะนางได้ทราบถึงชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ จนวันนี้ความจริงยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น
จักรพรรดิแพรได้ยินก็พยักหน้า แล้วค่อยกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติว่า “พลัดหลงเข้าไปในดินแดนของโถงเซียน จนได้ยินชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้”
ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอได้ยิน ม่านตาของเขาหมดตัว หนังศีรษะชา ขนลุกชูชันไปทั่วทั้งร่าง
ตอนที่จักรพรรดิแพรกล่าวคำพูดนี้ เขาไม่ได้ส่งกระแสเสียงสนทนากับชายหนุ่ม แต่ว่าเอ่ยออกมาตรงๆ ต่อหน้าคนอื่น!
ยิ่งไปกว่านั้น แม้เสียงจะไม่ดัง แต่กลับส่งออกไปไกล ขยายออกไปรอบบริเวณอย่างต่อเนื่อง
จักรพรรดิแพรไม่จำเป็นต้องเปลืองแรง ก็ทำให้เสียงตัวเองสะท้อนไปทั่วเขตเพลิงทักษิณได้แล้ว!
เหอซีสิงกับลี่จวินซิ่นอยู่ใกล้ๆ คนทั้งสอง ได้ยินว่าจักพรรรดิแพรพูดอะไรในทันที
ในฐานะผู้สืบทอดที่จักพรรรดิแพรและประมุขปฐวีภาคภูมิใจ พวกเขาสองคนทราบความลับมากมาย ถึงขั้นที่ทราบถึงตัวตนที่อยู่ตรงข้ามกับศาสนาพุทธเช่นโถงเซียน
แต่ว่าชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเป็นข้อห้ามเด็ดขาดสำหรับพวกเขาที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย!
จักรพรรดิแพรไม่อาจไม่ทราบถึงเรื่องนี้
ดังนั้นแม้ตามปกติเหอซีสิงจะเคยได้ชินชื่อของโถงเซียนมาก่อน แต่จำกัดแค่คำเรียกของมัน ไม่ทราบว่ามันคืออะไร และไม่รู้จักเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ทว่าในตอนนี้ เขากลับยืนงงอยู่กับที่
นามของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณแวบผ่านสมองของเขา ขณะที่เขาให้ความสนใจ ในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้น ความรู้สึกนี้ไม่มีที่มา คล้ายมีคล้ายไม่มี แต่ทำให้เขารู้สึกว่าก้นบึ้งของจิตใจคล้ายกับมีอะไรบางอย่าง
กระนั้นเมื่อทำความเข้าใจอย่างละเอียด กลับเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น เป็นเพียงความรู้สึกหลอนของตัวเอง
ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ว่าเหอซีสิงก็รู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน สังหรณ์ใจไม่ดี
หลี่จวินซิ่นที่อยู่อีกด้านกำลังสังเกตการเคลื่อนไหวของจักรพรรดิแพร พอได้ยินชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็เกิดความรู้สึกเดียวกันกับเหอซีสิง
พร้อมกับที่เสียงของจักรพรรดิแพรกระจายออกไป คนที่คอยดูเรื่องนี้และมาสืบข่าวซึ่งอยู่ด้านข้างทะเลสาบสะท้อนดารา ย่อมได้ยินว่าจักรพรรดิแพรงามพูดอะไร
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเหลือแสน “โถงเซียน เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ นั่นคืออะไร”
ขณะที่สับสนอยู่ ทุกคนก็เกิดความรู้สึกว่าในใจคล้ายกับมีตัวตนพิเศษอะไรบางอย่าง ที่บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ
เฉินเฉียนหัวที่อยู่บนยอดเขาริมทะเลสาบกะพริบตาปริบๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้โบราณ พร้อมกับปรบมือ “ทำได้สวยมาก!”
เมิ่งหว่านที่อยู่ด้านข้างจักรพรรดิแพรบัดนี้งงงวยเล็กน้อย แต่ว่าไม่รู้ว่าทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่คืออะไร เหมือนกับคนอื่นๆ นอกจากเฉินเฉียนหัวและเยี่ยนจ้าวเกอ
‘เพราะเช่นนี้ข้าถึงได้เกลียดคนเสียสติ’ เยี่ยนจ้าวเกอประคองมือซ้ายกับหน้าผาก ยกมือขวาขึ้นด้านบน
วังฝูงมังกรปรากฏ ประตูวังเปิดออก
กงจักรเหล็กสีดำอันหนึ่งหมุนอยู่ด้านบน รูสิบสองรูบนกงจักรมีอยู่เก้ารูที่ส่องแสง เป็นกงจักรมหาประกายกาฬ
จู่ๆ กงจักรเหล็กสีดำก็หยุดหมุน แสงในรูบนกงจักรมืดดับลงไป เหลือแค่รูเดียวที่ส่องแสงออกมา
แสงพุ่งไปทั่วใต้หล้า กระจายออกไปรอบๆ ท้องฟ้า กอปรกันเป็นม่านแสง อาณาเขตของมันขยายอย่างรวดเร็ว เหนือกว่าความเร็วในการกระจายเสียงของจักรพรรดิแพร
สุดท้ายม่านแสงกลายเป็นครึ่งวงกลมอันหนึ่ง ครอบคลุมดินแดนอันกว้างใหญ่รอบๆ ทะเลสาบสะท้อนดารา กั้นเสียงของจักรพรรดิแพรไว้ด้านใน
ยามนี้คลื่นเสียงที่ดูปกติไร้รูปร่างปรากฏขึ้น แล้วพุ่งใส่ม่านแสงเหมือนกับคลื่นทะเลไม่หยุด จากนั้นก็ถูกสะท้อนกลับมา
ยังดีที่จักรพรรดิแพรงามไม่คิดจะทำลายม่านแสง ปล่อยให้เสียงของตัวเองถูกขัดขวางโดยไม่สนใจ
เขาเหมือนกับไม่เห็นการกระทำของเยี่ยนจ้าวเกอ คล้ายกับไม่ทราบว่าการกระทำเมื่อครู่ของตนเองจะนำผลลัพธ์แบบไหนมา
จักรพรรดิเซียนจริงแท้ผู้นี้ยังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบ กล่าวต่อไปโดยไม่สนใจใครว่า “เขากว่างเฉิงของสหายน้อยเยี่ยน ต่อจากนี้จะยึดครองเขตเพลิงทักษิณใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากไหว้วาน”
เขามองหลุมศพที่อยู่ด้านข้าง ถอนใจคำหนึ่ง “ในอดีตข้าได้รู้จักและได้รักกับเซี่ยนถิงที่นี่ แต่สุดท้ายทำผิดต่อนางมากมาย มาวันนี้นางได้จากไปแล้ว จึงได้แต่ฝังนางที่นี่ตามความต้องการในอดีตของนาง เขากว่างเฉิงหากยึดครองเขตเพลิงทักษิณ หวังว่าพวกเจ้าจะไม่รบกวนนาง ถ้าหากว่าสามารดูแลได้ ข้าก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย”
ว่าแล้ว เขาก็คารวะเยี่ยนจ้าวเกอเล็กน้อย
ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอจะมีเบื้องหลังเป็นราชันพระศุกร์และกษัตริย์กระบี่ ด้วยร่างแห่งเซียนจริงแท้ของจักรพรรดิแพร การกระทำเช่นนี้ก็เรียกได้ว่าน่าตื่นตระหนกยิ่ง
หงซีสิงกับหลี่จวินซิ่นมองจักรพรรดิแพรด้วยคามตกตะลึง คนที่อยู่ไกลออกไปยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากกระตุก ไม่รู้สึกเป็นเกียรติแม้แต่น้อย เขาปั้นสีหน้าพิกลมองเหอซีสิงและเมิ่งหว่าน
เหอซีสิงในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นศิษย์ที่จักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือภูมิใจที่สุด ส่วนเมิ่งหว่านเป็นบุตรีของจักรพรรดิแพร
แต่ว่าตอนที่พูดถึงเทวกษัตริย์ไร้ประมาณต่อหน้าพวกเขา จักรพรรดิผู้นี้กลับไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย หลังพูดแล้วก็เหมือนไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น
พึงทราบว่า หลังจากเลื่อนสู่ระดับประมุขแล้ว ภัยแฝงเร้นของพวกเมิ่งหว่านและเหอซีสิงที่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณนำมาจะไม่หายไป
คนที่กลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข หลังจากได้ยินชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณจะไม่มีผลกระทบใด แต่ว่าคนที่ได้ยินชื่อของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณก่อนสำเร็จเป็นประมุข จะยังคงมีปัญหา
“ขอแค่อีกฝ่ายไม่สร้างปัญหา สำนักข้าเดิมทีก็ไม่มีความคิดจะทำลายเนินต้นจักรพรรดิให้หมดสิ้น” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งใช้กงจักรมหาประกายกายแบ่งฟ้าดินด้านในด้านนอก ทางหนึ่งสนทนากับจักรพรรดิแพร “ยิ่งไปกว่านั้นคนตายก็ตายไปแล้ว พวกข้าจะไม่รบกวนคนรักของใต้เท้า”
“จักรพรรดิแพรกับเมิ่ง…” เยี่ยนจ้าวเกอเว้นครู่หนึ่ง มองจักรพรรดิแพรกับเมิ่งหว่าน
จักรพรรดิแพรยิ้มเฉิดฉัน “ฟู่เมิ่งหว่าน นี่คือชื่อที่เซี่ยนถิงตั้งให้แก่หว่านเอ๋อร์”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถ้าหากว่าจักรพรรดิแพรกับแม่นางฟู่ไม่ว่าอะไร สำนักเราจะสั่งให้คนดูแลทะเลสาบสะท้อนดารา ไม่ให้ใครมารบกวนที่ที่ผู้ตายหลับใหล”
“เช่นนั้นก็ขอขอบคุณคุณชายเยี่ยนแล้ว” เมิ่งหว่านผุดกาย คารวะเยี่ยนจ้าวเกอ
นางในตอนนี้ปั้นสีหน้าเยือกเย็น แต่กลับมีท่าทียอมรับชะตากรรม มองดูพายุอย่างสงบ
เมิ่งหว่านย่อมรู้สึกวิตกต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของตัวเอง เพียงแต่ตอนนี้นางได้แต่จำใจรับไว้
จักรพรรดิแพรยามนี้เอ่ยต่อ “สหายน้อยเยี่ยนมีน้ำใจนัก ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่ง วันหน้าจะตอบแทนสำนักเจ้าอย่างเต็มที่ ตอนนี้ข้าคิดจะไปชมดูสถานที่ที่หว่านเอ๋อร์เติบโตขึ้นตอนยังเด็ก หว่านเอ๋อร์คิดถึงอาจารย์ผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงนาง ข้าคิดจะไปขอบคุณเขา ทุกท่านแยกย้ายเถอะ”
พูดจบเขาก็พยักหน้ากับเมิ่งหว่าน จับมือนางแล้วก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง ปราณสีม่วงกว้างใหญ่ตัดสลับ ก่อนที่พวกเขาจะหายไปจากที่เดิม
ประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวมองเยี่ยนจ้าวเกอเนิ่นนาน บนใบหน้าของเขาฉายแววลังเล คล้ายกับกำลังคิดว่าสมควรอยู่คุยกับเยี่ยนจ้าวเกอ หรือตามจักพรรรดิแพรไปดี
สุดท้ายเขาก็มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเสียดาย ก่อนจะหมุนกายจากไป
ม่านแสงที่กงจักรมหาประกายกาฬกางไม่ได้ขัดขวางการไปของจักรพรรดิแพรและเฉินเฉียนหัว แต่มันยังคงอยู่ รอเห็นจักรพรรดิแพรหายไป ก็รั้งคนอื่นๆ ที่คิดจะจากไปไว้
เหอฉีซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจ
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “สหายร่วมเส้นทางเหออย่าเพิ่งรีบร้อน มีเรื่องบางเรื่องที่ท่านจำเป็นต้องทราบ”
………………..