ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1083 สายฟ้าอนัตตา
พวกเยี่ยนจ้าวเกอมองแสงสายฟ้าหลายสายในหลุดำ คล้ายนึกถึงอะไรสักอย่าง
ประมุขอุดรถอนใจเสียงเบา “นั่นคือสายฟ้าอนัตตากระมัง”
จักรพรรดิไร้จำกัดกล่าว “แก่นแท้ได้สลายไปแล้ว ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสายฟ้าอนัตตาที่แท้จริงได้อีก แต่ว่าเมื่อเข้าไปในมิติแห่งนี้ บางทีอาจจะมีสายฟ้าอนัตตาที่แท้จริงอยู่ก็เป็นได้”
สายฟ้าอนัตตาเป็นหนึ่งสายฟ้าเซียนทั้งเก้าที่โด่งดัง มันถูกจัดอยู่ในลำดับที่สองของสายฟ้าเซียนทั้งเก้า เป็นรองเพียงสายฟ้าต้นกำเนิดในตำนาน เหนือกว่าสายฟ้าห้าธาตุ สายฟ้าทันใจ
“ถ้าหากว่ามีสายฟ้าอนัตตาคอยปั่นป่วนมิติ การเดินทางครั้งนี้ก็เกรงว่าจะมีอุปสรรคมากกว่าเดิม” เยี่ยนจ้าวเกอมองดูหลุมดำนั้น
ประมุขอุดรกล่าวว่า “ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่ ทุกท่านออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”
จักรพรรดิแพรพยักหน้าเล็กน้อย “ออกเดินทางกันเลย”
เขาพูดพร้อมกับโบกแขนเสื้อ พาเมิ่งหว่านเข้าไปในทางเชื่อมเขตแดนนั้นก่อน
“ประมุขอุดรส่งแค่นี้พอแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอคารวะประมุขอุดร จากนั้นก็เข้าไปด้านในพร้อมกับจักรพรรดิไร้จำกัด
ประมุขอุดรใช้สายตาชราส่งพวกเขาจากไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิตรงประตูทางเชื่อมเขตแดน ไม่เคลื่อนไหวอีก
ทางเชื่อมเขตแดนนั้นหายไปอีกครั้งพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป บนที่ราบน้ำแข็งกว้างใหญ่ มีแต่เงาร่างชราหนึ่งเดียวที่นั่งนิ่งอยู่ในพายุหิมะ
เยี่ยนจ้าวเกอพอเข้ามาในทางเชื่อมเขตแดนเส้นนี้ ตรงหน้าก็บังเกิดสภาพการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่เหมือนกับตอนที่เคลื่อนไหวอยู่ในเขตแดนอื่นๆ เมื่อก่อนหน้า ที่นี่มีสีดำสนิท มองไม่เห็นอะไรสักอย่างเดียว มีแต่แสงสายฟ้าหลายสายที่กะพริบตลอดเวลา
ขณะเคลื่อนไหวอยู่ในทางเชื่อมเขตแดนนี้ จะสัมผัสกับการกดอัดของพลังแห่งเขตแดนมิติได้อย่างชัดเจน เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมเลวร้ายสำหรับคนที่เข้ามาด้านใน หากระดับพลังฝึกปรือต่ำต้อย เมื่อเข้ามาในนี้เกรงว่าเพียงครู่เดียวก็จะถูกบดขยี้จนร่างกายมีแต่เลือดและเนื้อปนกันเลอะเลือน
เมิ่งหว่านถ้าไม่มีจักรพรรดิแพรคอยคุ้มครอง ระดับพลังฝึกปรือของนางยังไม่อาจเคลื่อนไหวเมื่ออยู่ด้านในนี้ได้
เยี่ยนจ้าวเกอมองนางแวบหนึ่ง ตามนิสัยในตอนนี้ของจักรพรรดิแพร ยังรับประกันความปลอดภัยของเมิ่งหว่านได้ชั่วคราว เพียงแต่ไม่กล้าบอกว่ารับประกันได้อย่างเต็มเปี่ยม เพราะตอนนี้ยากจะคาดเดาความคิดของจักรพรรดิแพรได้
ถ้าจิตใจของเขาสั่นไหวเพียงเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องให้ตัวเองลงมือ ขอแค่ทอดทิ้งเมิ่งหว่านเมื่ออยู่ในทางเชื่อมเขตแดนนี้ เมิ่งหว่านจะประสบหายะทันที
เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจไม่สังเกตท่าทางของจักรพรรดิแพร แน่นอนว่าไม่เพียงเพื่อตัวเมิ่งหว่านเท่านั้น ยังเพื่อตัวเขาเองด้วย
ชายหนุ่มที่ยินดีใช้ความคิดในแง่ร้ายที่สุดคาดเดาคนอื่น มีเหตุผลเต็มที่ให้สงสัยว่าจักรพรรดิแพรอาจลงมือทำร้ายคนได้ตลอดเวลา เพียงแต่เป้าหมายที่จะลงมือไม่ใช่เมิ่งหว่าน แต่เป็นเขาเยี่ยนจ้าวเกอ!
สมมติว่าการคาดเดาของเขาเกี่ยวกับวิถีการฝึกฝนของจักรพรรดิแพรถูกต้อง นอกจากอีกฝ่ายคิดจะลบเลือนการดำรงอยู่ของเมิ่งหว่านและฟู่ถิงแล้ว ก็ยังต้อการเมฆแปลงกำเนิดด้วย เช่นนั้นเขากับเยี่ยนตี๋ก็เป็นอุปสรรคที่ขวางทางอยู่
อุปสรรคที่สำคัญเป็นอันดับแรกสุดจะต้องเป็นเยี่ยนตี๋ แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่มีทางนิ่งดูดาย
ในตอนที่ต่อสู้กับจักรพรรดิเอกภพบนทะเลหวงเจีย เขาได้ยืมพลังของลายมือแห่งแผ่นดิน กระนั้นเทียบกับยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้ว เขายังถือเป็นคนรุ่นหลัง
ตามปกติแล้ว นอกจากสถานการณ์ที่มีความแค้นล้ำลึกเหมือนอย่างจักรพรรดิเอกภพ จักรพรรดิเซียนจริงแท้จะทะนงในสถานะของตัวเอง ไม่ลงมือสร้างความลำบากให้แก่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน ทว่าปัญหาอยู่ที่จักรพรรดิแพรในตอนนี้ไม่ได้ปกติ
เขาถ้าหากเดินบนเส้นทางไร้รักจริงๆ ก็จะเห็นเพียงผลได้ผลเสีย ความยากความง่าย ไม่สนใจสถานะและหน้าตา เมื่อเขามีโอกาสกำจัดภัยคุกคามและอุปสรรคที่แฝงอยู่ ก็ย่อมลงมือกำจัด
เมื่อต้องร่วมทางกับคนเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจไม่คิดเยอะ
ที่จักพรรรดิไร้จำกัดมาด้วย กลับเพราะต้องการจับตาดูจักรพรรดิแพร ป้องกันไม่ให้เขาสร้างเรื่อง แต่จักรพรรดิไร้จำกัดมองเมิ่งหว่านกับฟู่ถิงอย่างไร เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาเรื่องหนึ่ง
ยอดฝีมือระดับสูงบนโลกซ้อนโลก นอกจากประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวที่ไม่เหมือนคนปกติแล้ว ก็ไม่มีใครที่ไม่อยากให้จักรพรรดิแพรงานกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด mว่าจะฟื้นคืนสู่สภาพปกติได้อย่างไร เกรงว่าจะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาส่วนตัวแล้ว
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอกำลังขบคิดอยู่ ก็เห็นสายตาของเมิ่งหว่านพลันมองมา เขาเห็นความกังวลหลายส่วนในดวงตาที่ปราดเปรียวและกระจ่างใสเหมือนกับกวางน้อยคู่นั้น
‘เป็นคนฉลาดจริงๆ’ เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจ
เมิ่งหว่านอาจจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของจักรพรรดิแพรเท่าไร และอาจจะไม่แน่ใจถึงสภาพในปัจจุบันมากนัก แต่ว่าในใจของนางก็มีความหวั่นวิตก สัมผัสถึงความผิดปกติของสภาพการณ์ได้
ก่อนหน้านี้นางถูกขังอยู่ที่เนินต้นจักรพรรดิมาโดยตลอด ต่อมาถูกปล่อยตัวอย่างกะทันหัน และได้พบกับบิดาบังเกิดเกล้าที่ไม่เคยเจอ
ถึงแม้เปลือกนอกของจักรพรรดิแพรจะไม่มีความผิดปกติ แต่ก็พานางเคลื่อนไหวอยู่ในมิติอย่างไร้จุดหมายมาหลายวัน
ภายหลังพอกลับโลกซ้อนโลก เรื่องราวต่างๆ ก็ประดังประเดเข้ามา ได้ไปเยี่ยมหลุมศพของมารดา ได้เจอท่านอาจารย์ที่คิดถึงมาโดยตลอด ได้ตามหาเฟิงอวิ๋นเซิงสหายสนิทที่พลัดพราก เรื่องเหล่านี้ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของบิดา
เพียงแต่เมื่อนึกเชื่อมโยงถึงเรื่องราวก่อนหน้า เมิ่งหว่านที่มีไหวพริบก็รู้สึกได้ว่าเรื่องราวมีความแปลกประหลาดอยู่บ้าง
ต่อหน้าจักรพรรดิแพร เยี่ยนจ้าวเกออย่าว่าแต่บอกกล่าวให้ชัดเจน แม้แต่การลอบส่งกระแสเสียงก็ทำไม่ได้ เขาจึงไม่ได้ตอบสนองสายตาสอบถามของเมิ่งหว่าน ทำเหมือนกับว่ามองไม่เห็น
เมิ่งหว่านเห็นดังนั้นก็ละสายตากลับไป แต่ไม่ได้ผิดหวัง
ไม่มีการตอบสนอง ความจริงถือเป็นคำตอบแล้ว
ในเมื่อไร้การตอบสนอง ก็หมายความว่าเยี่ยนจ้าวเกอรู้ว่านางกำลังถามอะไร ในขณะเดียวกันก็ยืนยันการคาดเดาของนางอย่างเงียบๆ!
เพียงแต่แม้จะได้รับคำตอบ แต่คำตอบก็ไม่ได้น่ายินดีจริงๆ
ยังดีที่เมิ่งหว่านเตรียมใจมาแต่ต้น ตอนนี้จึงได้แต่สงบจิตใจ
ทุกคนข้ามความมืดไร้สิ้นสุด พลันเห็นว่ามีแสงสว่างขึ้นในความมืดมิด
ไม่ใช่เพราะเพิ่งได้เหยียบมิติต่างแดน แต่เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป ทิวทัศน์ตรงหน้าก็ต่างไปจากก่อนหน้า
ในมิติที่มืดมิดไม่เห็นแสงดาว มีเพียงแสงสว่างมืดมัวบริเวณหนึ่ง ที่ส่องแสงเป็นมันวาวสีดำ
มิติในตอนนี้เหมือนกับเปลี่ยนจากไร้รูปร่างเป็นมีรูปร่าง ด้านบนแปดเปื้อนสิ่งสกปรก
‘เป็นชายฝั่งยมโลกจริงๆ’ เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้ากับตัวเอง เขาเคยเห็นคำบรรยายของชายฝั่งยมโลกในม้วนคัมภีร์มานานแล้ว แต่ว่าเพิ่งจะเคยมาเยือนเป็นครั้งแรก
ที่นี่คล้ายกับนพยมโลกแต่ก็ไม่ใช่นพยมโลก คล้ายกับโลกมนุษย์แต่ก็ไม่ใช่โลกมนุษย์ มีความลี้ลับอยู่อย่างหนึ่ง
ชายฝั่งยมโลกที่คล้ายๆ กันมีทั้งใหญ่ทั้งเล็ก และมีจำนวนมากมาย ชายฝั่งยมโลกที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่ในตอนนี้มีพื้นที่ค่อนข้างมาก
ทุกคนเคลื่อนไหวอยู่ด้านในไปพลาง ตามหาร่องรอยของเฟิงอวิ๋นเซิงไปพลาง
ด้านในชายฝั่งยมโลกมีสภาพแวดล้อมเลวร้าย ให้กำเนิดปีศาจประหลาดมากมาย ล้วนมีนิสัยดุร้ายบ้าคลั่ง เหมือนกับมารแห่งนพยมโลก ในนี้มีตัวตนที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย
เฟิงอวิ๋นเซิงมาฝึกฝนในที่แห่งนี้ กลับเหมาะกับความคาดหวังของนาง
นางเข้ามาในนี้หลายปีแล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะเจอตัวนางเร็วขนาดนี้ เพียงแค่อยากหาเบาะแสให้เจอ
เซียนจริงแท้สองคนเช่นจักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้ขีดสุดอยู่ในชายฝั่งยมโลก ความสามารถในการรับรู้สุดที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ ปีศาจดุร้ายที่อาละวาดอยู่ที่นี่ไม่อาจขวางทาง จึงรุกคืบด้วยความเร็วสูงสุดขีด
ทุกคนเดินๆ หยุดๆ ตามหาอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะเวลา ร่องรอยที่เฟิงอวิ๋นเซิงเคยเหลือไว้จึงไม่มีอยู่อีกแล้ว จนกระทั่งพวกเยี่ยนจ้าวเกอตามหาเป็นเวลาครึ่งเดือนถึงค่อยมีผลลัพธ์
พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป พร้อมกับที่เคลื่อนลึกเข้ามา เบาะแสงและร่องรอยที่เฟิงอวิ๋นเซิงทิ้งไว้ก็ยิ่งมายิ่งมาก แต่ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง
ในตอนที่พวกเขาเคลื่อนที่เข้าไปลึกเรื่อยๆ ทุกคนต่างสัมผัสได้ว่าตนเองเข้าใกล้นพยมโลกที่น่ากลัวนั้นมากขึ้นทุกทีแล้ว กระนั้นตอนนี้ก็ยังคงไม่เห็นเงาของเฟิงอวิ๋นเซิงอยู่ดี
………………..